สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 112 เลี้ยงตอบแทน
ตอนที่ 112 เลี้ยงตอบแทน
เผชิญหน้ากับคำถามของรองผู้บัญชาการหาน เฮ่อชิงเซียวสีหน้าสงบนิ่ง “รองผู้บัญชาการหานต้องการจะเอาเรื่องร้านหนังสือชิงซงให้ได้จริงหรือ”
รองผู้บัญชาการหานสีหน้าแปรเปลี่ยน น้ำเสียงแฝงนัยเตือน “ใต้เท้าเฮ่อยื่นมือยืดยาวเกินไปแล้วกระมัง”
“ยื่นมือยาวเกินไป?” เฮ่อชิงเซียวหรี่เสียงลง พร้อมกับยื่นมือออกมา
เป็นมือที่แลดูอ่อนเยาว์ เรียวยาวขาวละมุน ข้อกระดูกชัดเจน ง่ามนิ้วมือยังมีไตอันเกิดจากการจับดาบมานาน
เฮ่อชิงเซียวมองรองผู้บัญชาการหานแล้วก็ยิ้ม หรี่เสียงเอ่ยว่า “รองผู้บัญชาการหานไม่เข้าใจ หรือว่าลืมไปแล้ว แต่ไรมามือของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินก็ยื่นยืดยาวมาตลอด”
“เจ้า…” รองผู้บัญชาการหานพลันสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง เจ็บปวดจนต้องกัดฟัน เหงื่อไหลผุดจากหน้าผาก
สภาพน่าอนาถของรองผู้บัญชาการหาน ยิ่งขับให้เฮ่อชิงเซียวโดดเด่น “คำพูดของทุกคนเมื่อครู่ รองผู้บัญชาการหานก็ได้ยินแล้ว ‘วาดหนัง’ ไม่ใช่หนังสือปีศาจ กองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองหลวงนำคนมาเก็บกวาดหนังสือเป็นเรื่องไร้เหตุผล หากรองผู้บัญชาการหานไม่อยากชื่อเสียงเสียหายว่ารังแกชาวบ้าน ก็อย่าได้เสียเวลาที่นี่อีกเลย รีบกลับไปรักษาบาดแผลที่เท้าดีกว่า”
เอ่ยถึงตรงนี้ เฮ่อชิงเซียวก็กวาดตามองเท้าที่ได้รับบาดเจ็บของรองผู้บัญชาการหาน “รองผู้บัญชาการหานบาดเจ็บไม่น้อย หากยังรีรอนานกว่านี้ พิการไปก็คงไม่ได้การแล้ว”
รองผู้บัญชาการหานกำหมัดแน่น กัดฟันเอ่ยว่า “ไป!”
ลูกน้องที่ประคองเขามาตลอดก็รีบเคลื่อนมือขึ้นไปคิดหิ้วปีกเขาขึ้นมา กลับถูกเขาตวาดลั่น “เจ้าพวกโง่ ไม่รู้จักแบกข้าหรือไร!”
ลูกน้องที่โดนด่าไม่กล้าส่งเสียงโต้ตอบ ก้มตัวลงแบกรองผู้บัญชาการหานขึ้นหลัง เดินไปทางกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองหลวงได้สองก้าวก็โดนด่าอีก
“เจ้าโง่ ไปโรงหมอก่อน!”
เจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งพารองผู้บัญชาการหานไปโรงหมอท่ามกลางเสียงด่าทอของรองผู้บัญชาการหานไม่หยุด ทิ้งเจ้าหน้าที่ที่ก่อเรื่องคุกเข่าอยู่ที่เดิมไม่รู้จะทำอย่างไร จนกระทั่งทุกคนมองมาที่เขา ก็รีบตะกายลุกขึ้นวิ่งออกไป
บรรดาคนมุงเห็นฉากนี้ก็พากันสะใจ
หึๆ แต่ไรมาเจ้าหน้าที่พวกนี้อยู่ต่อหน้าพวกเขามักจะอวดเบ่งใหญ่โต ไหนเลยจะเคยเห็นสภาพน่าอนาถของพวกเขาเช่นนี้
เฮ่อชิงเซียวสั่งการลูกน้อง “พวกเจ้าขนแม่พิมพ์กลับไปโรงพิมพ์ ระวังหน่อยอย่าได้กระแทกเสียหาย”
ผู้ดูแลร้านหูข้างๆ รีบเอ่ยว่า “มิกล้าๆ พวกเราขนเองขอรับ”
หัวหน้าจ้าวรีบส่งเสียงดัง “ยังมัวมองอันใดอยู่ด รีบขนแม่พิมพ์เรากลับไปสิ!”
ดังนั้นบรรดาช่างพิมพ์กับกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินช่วยกันเก็บแม่พิมพ์บนพื้นอย่างระมัดระวัง
“ใต้เท้าเฮ่อเข้ามาดื่มน้ำชาสักแก้วเถิดเจ้าค่ะ” ซินโย่วเอ่ยเชิญ
เฮ่อชิงเซียวเดินตามซินโย่วเข้าไปในห้องรับรองของร้านหนังสือ
กลิ่นน้ำชาหอมกรุ่น คนที่นั่งตรงข้ามกลายเป็นคนที่ซินโย่วรู้สึกคุ้นเคย
“วันนี้ขอบคุณใต้เท้าเฮ่อมากนะเจ้าคะ”
รักษาแม่พิมพ์ ‘วาดหนัง’ ไว้ได้ นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีเกินคาด
พูดไปแล้ว ใต้เท้าเฮ่อช่วยนางไว้หลายครั้ง และนางก็ไม่เคยได้ตอบแทน
“ใต้เท้าเฮ่อวันนี้งานยุ่งไหมเจ้าคะ”
เฮ่อชิงเซียวส่งสายตาถาม
“หากใต้เท้าเฮ่อมีเวลา ข้าขอเชิญท่านไปรับประทานอาหารที่หอเฟิงเว่ยสักมื้อ”
หอเฟิงเว่ยเป็นร้านอาหารอันดับต้นๆ ในเมืองหลวง รสชาติไม่มีที่ติ ข้อเสียเดียวก็คือแพง
เฮ่อชิงเซียว…ย่อมไม่เคยไป
“คุณหนูโค่วไม่ต้องเกรงใจ”
“ใต้เท้าเฮ่อให้ข้าแสดงความขอบคุณสักครั้งเถอะเจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นข้าคงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ”
เฮ่อชิงเซียวลังเลครู่หนี่ง กังวลว่าไปกินข้าวด้วยกันจะทำให้คุณหนูโค่วเสียหาย แต่พอสบแววตาจริงใจคู่นั้นแล้วทำให้เขาต้องพยักหน้า “เช่นนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธแล้ว”
เห็นว่าเฮ่อชิงเซียวรับปาก ซินโย่วก็ยิ้ม ถามถึงรองผู้บัญชาการหาน “ใต้เท้าเฮ่อรู้ประวัติของรองผู้บัญชาการหานหรือไม่”
ข้อดีของสถานะผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน ตำแหน่งรองผู้บัญชาการกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองหลวงคนหนึ่งไม่ได้สำคัญในสายตาขุนนางทั่วไป แต่เฮ่อชิงเซียวกลับรู้กระจ่าง “รองผู้บัญชาการหานชื่อว่าหานตงหมิง ชาติกำเนิดธรรมดา แต่ภรรยาเขาเป็นหลานสาวในสายตระกูลกู้ชางป๋อ”
กู้ชางป๋อ…ในใจซินโย่วก็ท่องชื่อนี้ไว้ ในห้วงความคิดพลันปรากฏภาพสาวงามในวังที่กำลังโมโหเดือดดาล
หลานสาวในสายตระกูลกู้ชางป๋อย่อมเป็นหลานสาวในสายตระกูลของพระสนมซูเฟย ความวุ่นวายในร้านหนังสือชิงซงวันนี้ เป็นไปได้มากว่าจะมาจากพระสนมซูเฟย
“วันนี้รองผู้บัญชาการหานมาเอาเรื่องใหญ่โต คงไม่ใช่เพื่อรักษาความสงบเพียงอย่างเดียวกระมัง”
เรื่องที่พระสนมซูเฟยโมโหเดือด เฮ่อชิงเซียวไม่รู้ แต่การคาดเดาของเขาใกล้เคียงกับซินโย่วมาก “หานตงหมิงไม่มีทางมาหาเรื่องร้านหนังสือชิงซงอย่างไร้สาเหตุ คิดถึงความสัมพันธ์ของเขากับจวนกู้ชางป๋อ บางทีอาจเพราะหลายวันก่อนข่าวลือเรื่อง ‘วาดหนัง’ ทำให้ท่านนั้นในวังไม่พอใจ”
“ใต้เท้าเฮ่อหมายถึงพระสนมซูเฟย?” แววตาซินโย่วชื่นชมไม่รู้ตัว
ต่างจากที่นางคิดไว้ ปกติกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินไม่อาจก้าวล่วงไปถึงวังหลัง แต่เห็นได้ว่าใต้เท้าเฮ่อมีความรู้สึกไวในเรื่องนี้
แววตานางทำให้ใบหน้าชายหนุ่มรู้สึกใบหน้าเห่อร้อนเล็กน้อย “ข้าก็แค่คาดเดา ในใจคุณหนูโค่วพอรู้อยู่ก็ดีแล้ว”
“คนที่ตายอยู่หน้าประตูสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนล่ะ คงไม่ได้เกี่ยวข้องกับท่านนั้นกระมัง” ซินโย่วเอ่ยถึงตรงนี้ก็หยุด ไหนๆ ก็ถามแล้วก็ถามให้หมด รีบถามเรื่องคดีที่ทั้งเมืองหลวงให้ความสนใจ
เฮ่อชิงเซียวนิ่งอึ้งเล็กน้อยไปทันที ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “น่าจะไม่มาก คดีนี้มีความคืบหน้าแล้ว เชื่อว่าจะสืบความได้กระจ่าง”
“คดีนี้ทำให้ร้านหนังสือชิงซงต้องพลอยเข้าไปข้องเกี่ยวในวังวน จากนี้ไปหากใต้เท้าเฮ่อมีความคืบหน้าใด หากสะดวกโปรดบอกกล่าวข้าด้วยนะเจ้าคะ”
“ได้” เฮ่อชิงเซียวรับปาก
พอไปถึงหอเฟิงเว่ย เฮ่อชิงเซียวมองดูผูดูแลร้านที่ตามซินโย่วมาเงียบๆ รู้สึกน่าขันกับความคิดลังเลของตนเองก่อนหน้านี้
ผู้ดูแลร้านหูสีหน้านอบน้อม แต่ในใจนึกกังวล
คงไม่ได้เป็นดังที่เจ้าหลิวโจวว่ากระมัง ท่านเจ้าของร้านคิดอันใดกับใต้เท้าเฮ่อหรือ
หากหญิงสาวต้องการแต่งงาน ก็ต้องตั้งครรภ์ คลอดบุตรแล้วก็ต้องเลี้ยงดู อีกสองสามปีก็ต้องตั้งครรภ์อีก คลอดบุตรแล้วก็ต้องเลี้ยงดูต่อ…
ร้านหนังสือจะทำอย่างไร ร้านหนังสือพวกเขาไม่อาจขาดเจ้าของร้านได้!
ไม่ได้ วันนี้เขาต้องจับตาไว้ให้ดี ไว้หาโอกาสเตือนสักหน่อย ท่านเจ้าของร้านอายุยังน้อย ไม่รีบร้อน!
ดังนั้นระหว่างรับประทานอาหาร ใต้เท้าเฮ่อก็ไม่ค่อยได้คุยกับซินโย่วสักเท่าไร ทุกครั้งที่เริ่มบทสนทนาก็จะถูกผู้ดูแลร้านคารวะสุรา
คิดถึงว่าตอนบ่ายยังมีงานอีก เฮ่อชิงเซียวได้แต่พูดให้น้อย กินให้มาก
ซินโย่วเห็นเฮ่อชิงเซียวก้มหน้าก้มตากิน แววตาก็พลันฉายแววเห็นใจ
ดูท่าใต้เท้าเฮ่อจะจนมากจริงๆ…
“เสี่ยวเอ้อร์ เอาซาลาเปาไส้ไข่ปูมาอีกสอง”
เฮ่อชิงเซียวที่กำลังถือตะเกียบอยู่พลันชะงักไป
อาหารมื้อนี้ ใช้เวลานานกว่าที่คิดไว้
มือผู้ดูแลร้านที่ถือจอกชาไว้พลันชะงักตามเช่นกัน
เหตุใดจึงสั่งอาหารเพิ่มอีก!
ที่ร้านหนังสือหย่าซินแตกต่างจากบรรยากาศแปลกประหลาดในห้องรับรองที่นี่อย่างสิ้นเชิง ผู้ดูแลร้านกู่ นั่งอยู่บนเก้าอี้หรี่ตาฮัมเพลงที่ไม่ค่อยได้จังหวะ
แม้ว่ารู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เห็นแม่พิมพ์ ‘วาดหนัง’ ถูกทำลาย แต่ก็อารมณ์ดีไม่เลว
รักษาแม่พิมพ์ไว้ได้แล้วอย่างไร อย่างไรก็ทำการค้าต่อไม่ได้แล้วไหม
ส่วนร้านหนังสือหย่าซินน่ะหรือ แม้ว่าร้านจะค้าขายไม่ได้บ้าง แต่ขอเพียงอีกฝ่ายก็ขายไม่ได้เช่นกัน วันหน้าก็คงมีโอกาสได้แก้ตัว
ผู้ดูแลร้านกู่คิดอย่างสุขใจ พลันได้ยินคนงานเสียงสั่นดังขึ้น “ท่านผู้ดูแลร้าน…”
“เกิดอันใดขึ้น” ผู้ดูแลร้านกู่เลิกคิ้วมองชายหนุ่มสองคนตรงหน้าแล้วก็อดเบิกตาโพลงไม่ได้ จากนั้นก็เห็นป้ายคำสั่งที่หนึ่งในนั้นยกชูขึ้น