สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 124 ไม่ชอบ
ตอนที่ 124 ไม่ชอบ
ท่าทางของซินโย่วทำเอาเฮ่อชิงเซียวนิ่งอึ้งไปทันที
คุณหนูโค่วชอบกินขนมนี้เพียงนี้เลยหรือ
สายตาเหลือบมองไปยังจานที่ยังมีเศษขนมหลงเหลืออยู่ประปราย เฮ่อชิงเซียวจมอยู่ในภวังค์ความคิด เห็นเช่นนี้แสดงว่าที่เมื่อครู่คุณหนูโค่วสั่งคนงานยกจานออกไป ก็เพราะรอให้เขาไปก็จะกินต่อ
เพราะวางไว้สักพักแล้ว ความกรอบของขนมก็เริ่มจางหาย ซินโย่วกินลงไปด้วยสีหน้าไร้พิรุธ แต่ในใจเต้นแรงแทบจะกระดอนออกมา
โตจนป่านนี้ยังไม่เคยทำเรื่องน่าละอายเช่นนี้มาก่อน
กวาดตามองไปที่ชายหนุ่มอีกครั้ง ในใจนางก็แอบถอนใจ เป็นเพราะวาจาเหลวไหลของผู้ดูแลร้านหูแท้ๆ ทำให้นางเป็นเช่นนี้
ซินโย่วยกแก้วน้ำชาขึ้นจิบคำหนึ่งระงับความขัดเขินลง “ใต้เท้าเฮ่อ วันนี้ไม่ไปที่ทำการหรือ”
“มาพบคุณหนูโค่วเพื่อทำความเข้าใจเรื่องหนึ่งก่อน” เฮ่อชิงเซียวแสร้งทำไม่รู้สึกว่าสาวน้อยตรงหน้าคิดส่งแขก
“ใต้เท้าเฮ่อเชิญกล่าว”
“คุณหนูโค่วยังจำได้ไหม ก่อนหน้านี้เคยคุยกับข้า มีคดีหนึ่งเกี่ยวพันกับจวนกู้ชางป๋อ?”
ซินโย่วพยักหน้าเล็กน้อย แสดงท่าทีตั้งใจขึ้นมา
จากนี้ไปนางจะต้องเผชิญหน้ากับจวนกู้ชางป๋อ จำต้องให้ความสำคัญกับข่าวสารเกี่ยวกับจวนกู้ชางป๋อให้มาก
เฮ่อชิงเซียวสบตาซินโย่ว “ข้าอยากรู้สาเหตุที่คุณหนูโค่วสนใจเรื่องจวนกู้ชางป๋อ”
ซินโย่วกุมแก้วชาในมือแน่น คลื่นลมโหมกระหน่ำในใจถูกแววตาสงบนิ่งบดบังไว้มิดชิด “ข้าสนใจเรื่องจวนกู้ชางป๋อ เกี่ยวข้องอันใดกับคดีที่ใต้เท้าเฮ่อกำลังสืบหรือ”
จากการได้ปฏิสัมพันธ์กันหลายครั้งมานี้ นางแน่ใจได้ว่าเฮ่อชิงเซียวไม่ใช่คนภักดีอย่างโง่งม แต่ความลับเกี่ยวข้องกับสถานะนาง นางไม่อาจนำมาเสี่ยงได้
ไม่ภักอย่างดีโง่งม ไม่ได้หมายความว่าเรื่องใหญ่เช่นนี้ เขาจะปิดบังคนผู้นั้น หากไม่เคยรู้ว่ากองกำลังองครักษ์จิ่นหลินก็คือหูตาของฮ่องเต้ ย่อมต้องรู้สึกซาบซึ้งใจต่อชายตรงหน้า แต่นางก็คงไม่ไร้เดียงสาจนคิดไปว่าเขาจะยอมเสียตำแหน่งหน้าที่เพื่อคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันคนหนึ่ง กล่าวให้ตรงประเด็นก็คือนั่นเป็นโทษความผิดหลอกลวงเบื้องสูงเลยทีเดียว
ปฏิกิริยาซินโย่วไม่เหนือความคาดหมายของเฮ่อชิงเซียว
แม้ระยะนี้ท่าทีคุณหนูโค่วต่อเขาเรียกได้ว่านุ่มนวล แต่เขารู้ดีว่าหญิงสาวผู้นี้เป็นคนมีความลับยิ่งใหญ่ ทันทีที่มีคนแตะต้อง ก็จะถูกน้ำแข็งในใจนางสกัดกั้นไว้ด้านนอก
วันนี้ที่เขาถามเช่นนี้ ก็แค่อยากลองเชิงสักหน่อยเท่านั้น ถามไม่ได้คำตอบก็ไม่รู้สึกผิดหวัง
“ก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวพันกันอย่างไรหรือไม่ เดิมมาพบคุณหนูโค่วก็เพื่อทำความเข้าใจเรื่องนี้ หากคุณหนูโค่วไม่สะดวกตอบก็ไม่เป็นไร”
หนามคมของซินโย่วค่อยๆ หุบลงเพราะท่าทีอ่อนโยนของอีกฝ่าย ยิ้มบางกล่าวว่า “ใต้เท้าเฮ่อวางใจ ข้าคิดอย่างไรต่อจวนกู้ชางป๋อ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีที่ท่านกำลังสืบอย่างแน่นอน”
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินทำหน้าที่ตรวจสอบขุนนางและชนชั้นสูง ก็ไม่รู้ว่ากู้ชางป๋อทำผิดอันใด จึงเป็นที่จับตาของใต้เท้าเฮ่อ ทำให้ใต้เท้าเฮ่อบังเอิญได้พบว่านางไปเวียนวนละแวกจวนกู้ชางป๋อในวันนั้น
คิดถึงตรงนี้ แววตาซินโย่วที่มองเฮ่อชิงเซียวก็แปลกไปอยู่บ้าง
ไม่ได้รู้สึกไปเองดังคาด ปกติไม่มีเรื่องอันใดก็ยังดี แต่พอนางเข้าใกล้คนผู้นี้ โชคก็จะไม่ยืนอยู่ข้างนาง แต่เห็นอยู่ว่าเขาเองก็เคยยอมรับว่า แต่เล็กจนโต ดวงเขาก็ไม่ดีค่อยเท่าไร
เฮ่อชิงเซียวนิ่งเงียบลง
ดูเหมือนถูกคุณหนูโค่วรังเกียจเข้าแล้ว
ความจริงคุณหนูโค่วมีจุดประสงค์ใดต่อจวนกู้ชางป๋อก็ไม่ส่งผลต่อการสืบคดีของเขา แต่เขาแค่เป็นห่วงนางจะวู่วามทำอันใดจวนกู้ชางป๋อ เอาไข่ไปกระทบหิน
เป็นห่วง…พอรู้ว่าตนเองอยู่ในอารมณ์เช่นนี้ เฮ่อชิงเซียวพลันนั่งไม่ติด “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ขอตัวก่อน”
ซินโย่วมองเขาวางแก้วชาลง ลุกขึ้นยืน รีบก้าวออกจากร้านหนังสือไป ไม่นานก็หายลับตา
สาวน้อยออกไปส่งแขกตามมารยาท จากนั้นก็ยืนนิ่งเงียบอยู่หน้าประตูเป็นนาน ทำเอาผู้ดูแลร้านกับคนงานต่างมองมาด้วยสายตาเป็นห่วงและแปลกใจ
เฮ่อชิงเซียวไม่ได้กลับไปที่ทำการ แต่ตรงกลับจวนฉางเล่อโหว
การที่เขากลับจวนมาบ้างบางครั้งในยามที่ต้องอยู่ที่ทำการนี้ คนในจวนไม่ได้รู้สึกแปลกใจ ผู้บัญชาการสำนักเจิ้นฝู่ซือสังกัดกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินปฏิบัติภารกิจพิเศษ ไม่ใช่พวกที่ต้องประจำอยู่ที่ทำการตลอดเวลา
เฮ่อชิงเซียวไปหาน้ากุ้ย นางกำลังจัดไหสุราอยู่
“น้ากุ้ยจะบ่มสุราหรือ” เฮ่อชิงเซียวนึกถึงกลิ่นสุราหมักลิ้นจี่ดอกกุ้ยที่ได้กลิ่นในร้านหนังสือชิงซง
น้ากุ้ยยังไม่รู้ว่าความลับเปิดเผยแล้ว หัวเราะเอ่ยว่า “บ่าวคิดหมักสุราองุ่นสักหน่อย สุราหมักพวกนี้ดื่มไม่เมา ยังมีรสหวานหอมขององุ่น เหมาะสำหรับคุณหนูดื่ม”
เหมาะสำหรับคุณหนูดื่ม…
เฮ่อชิงเซียวแววตาวูบไหว ถามขึ้นคล้ายไม่ได้สนใจอันใดนักว่า “เหมาะสำหรับคุณหนูท่านใดดื่มหรือ”
“ย่อมเป็นคุณหนู…” น้ากุ้ยตั้งสติได้ สีหน้าเก้กัง
เฮ่อชิงเซียวสีหน้าหมดแรงอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรกับนางดี “น้ากุ้ย น้าไปร้านหนังสือชิงซงหาคุณหนูโค่วมาหรือขอรับ”
น้ากุ้ยวางไหสุราเรียบร้อย ปัดฝุ่นตามเสื้อผ้าออก ในใจก็คิดหาคำแก้ตัวรวดเร็ว “อ่อ บังเอิญว่า…”
“น้ากุ้ย” เฮ่อชิงเซียวเรียกเสียงดัง
น้ากุ้ยยอมแพ้ “อืม บ่าวไปดูคุณหนูโค่วมาเจ้าค่ะ”
ไม่แต่งเรื่องแล้ว เด็กคนนี้นอกจากโชคไม่ค่อยดีอยู่บ้าง ในเรื่องอื่นๆ ล้วนโดดเด่น ปิดบังเขาไม่มิด
“น้ากุ้ย เหตุใดจึงไปพบคุณหนูโค่ว”
น้ากุ้ยยกมือจับจอนผม “เดิมก็คิดไม่ซื้อหนังสือ…“
“น้ากุ้ย”
น้ากุ้ยเลิกคิดดิ้นรนแล้ว “ความจริงก็ไปดูว่าคุณหนูที่ทำให้ท่านโหวสนใจหน้าตาเป็นอย่างไรเจ้าค่ะ”
จุดประสงค์ที่น้ากุ้ยไปดูคุณหนูโค่ว เฮ่อชิงเซียวก็พอคาดเดาได้แล้ว แต่พอได้ยินจากปากอีกฝ่ายเอ่ยออกมา เขาก็ยังรู้สึกเก้กังไปไม่เป็นเช่นกัน
เห็นชายหนุ่มตรงหน้าหน้าแดงหูแดง น้ากุ้ยก็เผยรอยยิ้มเปี่ยมด้วยความรักและเมตตา “ได้พบมาแล้ว บ่าวก็วางใจแล้ว คุณหนูโค่วเป็นคุณหนูที่ดีมาก หน้าตาดี นิสัยยิ่งดี ยังชอบกินขนมซูหวงตู๋ของบ่าว…”
เฮ่อชิงเซียวยิ่งฟัง ใบหูก็ยิ่งร้อนผ่าว อดขัดน้ากุ้ยขึ้นไม่ได้ “น้ากุ้ย คุณหนูโค่วดีจริงๆ แต่ไม่ใช่อย่างที่ท่านคิด”
น้ากุ้ยอึ้งไป “หรือว่าท่านโหวไม่ชอบคุณหนูโค่ว”
ใบหน้างามกระจ่างนิ่งสุขุมของสาวน้อยปรากฏขึ้นตรงหน้า คล้ายว่ายังได้กลิ่นสุราลิ้นจี่ดอกกุ้ยจากตัวนาง เฮ่อชิงเซียวส่ายหน้าเล็กน้อย ปัดความคิดเหลวไหลนี้ทิ้ง ทำสีหน้าจริงจังเอ่ยว่า “น้ากุ้ยเข้าใจผิดแล้ว ไม่มีเรื่องเช่นนี้”
น้ากุ้ยไม่เชื่อ “หากท่านโหวไม่ชอบ เหตุใดจึงมักไปที่ร้านหนังสือชิงซงเล่าเจ้าคะ”
“น้ากุ้ยลืมแล้วหรือ เมื่อก่อนข้าก็มักไปร้านหนังสือชิงซง”
“แต่เมื่อก่อนท่านโหวไม่ได้ซื้อบันทึกการเดินทางกลับมามากมายเช่นนี้”
เฮ่อชิงเซียวสะอึก ก่อนใช้น้ำเสียงนิ่งเรียบสะกดความพลุ่งพล่านเฝื่อนขมในใจ “เพียงแต่ค่อนข้างชอบบันทึกการเดินทางเท่านั้น น้ากุ้ย หากท่านชอบคุณหนูโค่ว ข้าไม่คัดค้านหากพวกท่านจะไปมาหาสู่กัน แต่อย่าได้ทำให้คุณหนูโค่วเข้าใจผิดคิดว่าข้ามีเจตนาอื่น”
“เรื่องเช่นนี้จะเรียกว่ามีเจตนาอื่นได้อย่างไรกัน…” น้ากุ้ยคิดเอ่ยว่าคนเราเติบโตแล้ว มีความชื่นชมในเพศตรงข้ามเป็นเรื่องธรรมชาติอย่างที่สุด แต่พอสบสายตาขอร้องของชายหนุ่ม ก็พลันไร้วาจาจะเอ่ย
เอาเถอะ เจ้าเด็กนี่มีความคิดซับซ้อน มักมีความคิดของตนเอง ไม่อาจรีบร้อนเกินไป
“บ่าวเข้าใจผิดไปแล้ว ท่านโหววางใจได้ วันหน้าต่อหน้าคุณหนูโค่ว บ่าวจะไม่พูดจาเหลวไหลเจ้าค่ะ”
“ขอบคุณน้ากุ้ยที่เข้าใจ” เฮ่อชิงเซียวยิ้ม แต่ไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายลง ถือสุราไหหนึ่งออกไป
น้ากุ้ยมองตามแผ่นหลังชายหนุ่มจากไป คิดจะเอ่ยบอกแต่ก็ไม่ได้เอ่ย
ท่านโหวรู้หรือไม่ว่าที่เขาอุ้มไปนั่นเป็นสุราฤทธิ์แรงที่สุด