สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 126 พยากรณ์
ตอนที่ 126 พยากรณ์
ไต้เจ๋อสีหน้าจริงจัง “ผู้อื่นล้วนคิดไม่ถึง แต่ข้าคิดได้ คุณหนูโค่วเป็นคุณหนูไร้เรี่ยวแรง ตอนนั้นยังอาจกล่าวว่าบังเอิญ แต่จะช่วยเด็กนั่นไว้ในวินาทีกะทันหันนั้นได้อย่างไรกัน ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะมีปฏิกิริยาว่องไวเพียงนั้นได้โดยไม่ได้เตรียมตัวแม้แต่น้อย”
ซินโย่ว “…” การพูดการจาของไต้เจ๋อแบบนี้ หากมิได้มีสถานะซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อ คงโดนฟาดตายไปแล้วกระมัง
แต่ความคิดนอกลู่นอกทางของเขานี้กลับทำให้ซินโย่วผ่อนคลายลงมาก เดิมยังคิดว่าจะหาทางใดดึงดูดเขามาดี ตอนนี้ไม่ต้องคิดแล้ว
“คุณชายไต้ไม่เชื่อ ข้าก็ไม่รู้จะทำเช่นไร” ซินโย่วกล่าวเช่นนี้ แต่แสดงอาการหลบสายตา ไม่ยอมสบสายตาไต้เจ๋อ
“คุณหนูโค่ว เจ้ากินปูนร้อนท้องแล้ว”
เห็นสาวน้อยตรงหน้ากำแก้วน้ำชาแน่นไม่พูด ไต้เจ๋อเผยรอยยิ้มที่คิดว่าเข้าอกเข้าใจอย่างที่สุด “คนเช่นข้านะ หากไม่ทำความเข้าใจเรื่องราวให้กระจ่างก็จะทนทรมานเก็บไว้ไม่ไหว คุณหนูโค่ววางใจ เจ้าพูดความจริงกับข้า ข้าจะช่วยเจ้าเก็บเป็นความลับอย่างแน่นอน”
“เก็บเป็นความลับ?” ซินโย่วสีหน้าสับสน
ไต้เจ๋อเห็นว่ามาถูกทางแล้ว รีบเอ่ยว่า “แน่นอน คุณหนูโค่วช่วยเด็กนั่นไว้ ก็นับว่าช่วยเหลือข้าเช่นกัน”
เพียงแต่ทำให้เด็กนั่นตกใจมากเกินไป ฮ่องเต้ยังให้คนมาจับเขาไปโบยตั้งยี่สิบไม้ หากเด็กนั่นถูกหมูป่าชนตายจริง ใช่ว่าจะเอาชีวิตเขาไปเลยหรือ
ปกติไต้เจ๋อวางอำนาจบาตรใหญ่จนเคยชิน กล่าวตรงๆ ก็คือ ผู้อื่นไม่พอใจก็ต้องทนรับเอาเอง แต่ยามเผชิญหน้ากับพวกชิ่งอ๋องหรือองค์หญิงใหญ่เจาหยาง ท่าทีย่อมสงบเสงี่ยมมาก
ซินโย่ววางแก้วชาลงพลางส่ายหน้า “ข้าบอกไป คุณชายไต้ก็ไม่เชื่อเจ้าค่ะ”
“เจ้าบอกมาก่อนสิ เจ้าไม่พูด จะรู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่เชื่อ” ไต้เจ๋อเร่งเร้าท่าทางยิ่งอยากรู้
หากเป็นคนอื่น เขาคงได้ด่าว่าเหลวไหลไร้สาระไปแล้ว
ซินโย่วเม้มปาก เอ่ยเบาๆ ว่า “ข้าดูนรลักษณ์เป็น”
“ดู ดูอันใดนะ” ไต้เจ๋อเสียงหลงตกใจ
ซินโย่วขมวดคิ้ว “คุณชายไต้บอกว่าจะเก็บเป็นความลับ ท่านเสียงดังเช่นนี้ คนอื่นไม่ได้ยินกันหมดแล้วหรือเจ้าคะ”
ไต้เจ๋อยังคงอยู่ในอาการตกใจ “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าดูอันใดเป็นนะ”
“ดูนรลักษณ์”
“ดูนรลักษณ์จำพวกเปิดแผงดูดวงที่แถวสะพานน่ะหรือ” ไต้เจ๋อสีหน้าประหลาดใจ
ไม่ใช่เขาประสบการณ์น้อย แต่ไม่อาจเชื่อได้จริงๆ ว่าสาวน้อยคนงามตรงหน้าจะเชื่อมโยงกับหมอดูตั้งแผงดูดวงที่แถวสะพาน
บิดาเขาเคยบอกว่า คนพวกนั้นล้วนต้มตุ๋น
ซินโย่วกระตุกมุมปากเล็กน้อย เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ก็ราวนั้นกระมัง”
“ความหมายของเจ้าก็คือเจ้าคำนวณชะตาเด็กนั่นได้ว่าจะพบกับหมูป่าคลุ้มคลั่งหรือ”
จากสีหน้าไต้เจ๋อ ซินโย่วก็รู้ว่าเขาไม่เชื่อ แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อการแสร้งกลบเกลื่อนต่อว่า “มองออก ไม่ใช่คำนวณออก”
“ไม่เหมือนกันหรือ”
“ไม่เหมือน ‘คำนวณออก’ เน้นระดับความสามารถ ‘มองออก’ เน้นพรสวรรค์ฟ้าประทานเจ้าค่ะ”
ไต้เจ๋อรู้สึกน่าขำ “คุณหนูโค่ว เจ้าไม่อยากบอกก็ได้ แต่อย่าได้นำเรื่องเหลวไหลมาหลอกข้า”
ซินโย่วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่รู้จะทำเช่นไร “ข้าก็บอกแล้ว พูดไปคุณชายไต้ก็ไม่เชื่อ”
“เช่นนั้นเจ้าดูหน่อย วันนี้ดวงข้าเป็นอย่างไร”
ซินโย่วจ้องมองดวงตาไต้เจ๋อ มุมปากมีรอยยิ้มเล็กน้อย “คุณชายไต้ ระวังวิหคฟากฟ้า”
ไต้เจ๋อได้ยินก็รู้สึกไม่น่าเชื่อถือ “วิหคฟากฟ้าจะจิกตาข้าหรือไร”
ซินโย่วยกน้ำชาขึ้นเอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “คุณชายไต้ไม่เชื่อ ข้าก็ทำอันใดไม่ได้เจ้าค่ะ เพียงแค่หวังว่าคุณชายไต้จะรักษาสัญญา อย่าได้บอกเรื่องนี้ต่อผู้ใด”
“ได้ ได้ ได้ เก็บเป็นความลับ” ไต้เจ๋อเห็นซินโย่วท่าทางส่งแขก แม้ไม่พอใจ แต่หากถามต่อไปก็คงไม่ได้คำตอบอันใด จึงได้แต่ลุกขึ้นยืน
แม้เขาเป็นคุณชายเสเพลไร้กฎเกณฑ์ธรรมเนียม แต่ก็รู้สึกดีต่อคุณหนูโค่วตรงหน้า ตอนนี้ไม่อยากทำลายความสัมพันธ์นี้ลง
ซินโย่วส่งไต้เจ๋อออกจากร้านหนังสือ มองตามเขาที่เดินจากไปไกลด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะหันกลับเข้าร้านหนังสือ
“ผู้ดูแลร้าน เหตุใดยังไม่เอาไปเก็บอีก”
ยามนี้ร้านหนังสือไม่มีลูกค้า ในที่สุดผู้ดูแลร้านหูก็ถามออกมา “ท่านเจ้าของร้าน รับทองก้อนและของมีค่าพวกนี้จากคุณชายไต้ จะไม่มีปัญหาจริงหรือขอรับ”
“ผู้ดูแลร้านเอาไปเก็บเถิด คุณชายไต้เติบโตบนกองเงินกองทอง ของแค่นี้สำหรับเขาแล้วก็ไม่เท่าไร คนเช่นเขารักหน้าตา วันนี้เอ่ยต่อหน้าทุกคนแล้วก็ย่อมไม่มาเอาเรื่องนี้อีกต่อไปก็คงไม่มีปัญหา”
ผู้ดูแลร้านหูจึงได้วางใจลงได้อย่างแท้จริง
“ข้ากลับเรือนตะวันออกก่อน” ซินโย่วเดินไปหยุดที่ประตู หันมากำชับว่า “หากวันนี้คุณชายไต้มาอีก ก็ให้สือโถวไปตามข้าที่เรือนตะวันออก”
ซินโย่วเอ่ยทิ้งไว้เช่นนี้แล้วก็เดินออกไป
“วันนี้คุณชายไต้คงไม่มาอีกแล้วกระมัง” หลิวโจวคิดถึงไต้เจ๋อที่เชิดหน้าใส่พวกเขา แต่ต่อหน้าเจ้าของร้านกลับเปลี่ยนสีหน้าได้ ก็รู้สึกกังวลขึ้นมา
เขาหวังว่าเจ้าของร้านจะได้จับคู่กับใต้เท้าเฮ่อ คงไม่ถูกคุณชายเสเพลมาขวางทางใช่หรือไม่
ผู้ดูแลร้านหูไม่สนใจคุยเรื่องไร้สาระ นำกล่องเข้าไปเก็บในห้องคลังก่อน จึงจะวางใจได้
ทำอย่างไรได้ ตอนอุ้มกล่อง เขามองใครก็ล้วนเหมือนขโมยทั้งสิ้น
กลับถึงโถงหน้าร้านหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาดูรอบหนึ่ง ผู้ดูแลร้านหูตัดสินใจว่าจะต้องจ้างผู้คุ้มกันเพิ่มอีกสักหน่อยแล้ว เจ้าของร้านเปิดประตูเงินทองไหลมาเทมาเสียจริง!
ต้นฤดูหนาวไม่นับว่าหนาวนัก ไต้เจ๋อเดินประสานมือมุ่งกลับจวนกู้ชางป๋อ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกคำพูดของซินโย่วน่าขัน
ระวังวิหคฟากฟ้า?
สาวน้อยผู้นั้นคงไม่ได้คิดดึงดูดความสนใจของเขากระมัง จึงได้แสร้งทำท่าลึกลับสร้างเรื่องเช่นนี้
ความจริงก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ คุณหนูโค่วน่าสนใจกว่าผู้หญิงที่วันๆ เอาแต่ร้องไห้เอาแต่ใจพวกนั้นมาก เขาไม่คัดค้านหากต้องแต่งภรรยาเช่นนี้
ไต้เจ๋อเดินไปข้างหน้าอย่างสบายอารมณ์ บ่าวสองคนเดินตามมาด้านหลัง เดินเล่นชมข้างทาง พอกลับถึงจวนกู้ชางป๋อ ไต้เจ๋อก็ลืมคำพูดซินโย่วไปหมดสิ้นแล้ว
“ซื่อจื่อ”
ตลอดทางเดินในจวนได้พบกับบ่าวรับใช้ส่งเสียงทักทายมาตลอดทาง ไต้เจ๋อไม่แม้แต่จะทักตอบ ตอนเดินผ่านสวนดอกไม้เห็นสาวใช้รวมตัวกันคุยเล่นอยู่ก็เอ่ยถามว่า
“พวกนางทำอันใดอยู่หรือ” ไต้เจ๋อถามไปอย่างนั้น
บ่าวสองคนมองดูแล้ว คนหนึ่งก็ตอบขึ้นว่า “ซื่อจื่อ พวกนางเหมือนกำลังจับนกยูงอยู่ขอรับ”
“นกยูง?” ไต้เจ๋อพลันนึกถึงคำพูดซินโย่ว เงยหน้ามองฟ้าด้วยสัญชาตญาณทันที
พอดีกับที่นกยูงบินฉวัดเฉวียนผ่านมา ถ่ายรดใบหน้าไต้เจ๋อพอดิบพอดี
คนงานสองคนตกใจตาค้าง “ซื่อ ซื่อจื่อ…”
บรรดาสาวใช้ที่ได้ยินเสียงหันมองมาก็เห็นภาพนี้ พากันมองตาค้าง คนที่ขี้ขลาดหน่อยก็อุดปากตกใจร้องไห้
นกยูงที่พวกนางนำมาถ่ายรดหน้าซื่อจื่อ ก่อเรื่องใหญ่แล้ว!
ไต้เจ๋อยกมือลูบใบหน้า ก่อนจะก้มหน้ามองของในมือ
ท่าทางการเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้ามาก สีหน้าไม่รู้ว่ายากทนรับไหวหรืออย่างไรก็ไม่อาจทราบได้ หรือว่าเป็นสีหน้าเรียบเฉยที่จวนเจียนจะระเบิดอารมณ์ออกเต็มแก่
ยามนี้ลมคล้ายหยุดพัด ไม่มีใครกล้าหายใจดัง รอซื่อจื่อเอาแต่ใจผู้นี้ระเบิดอารมณ์
ไต้เจ๋อควรจะระเบิดอารมณ์เดือดดาล อย่าว่าแต่อารมณ์ของเขา แม้คุณชายสูงศักดิ์อ่อนโยนท่านใด้ก็ทนรับเรื่องเช่นนี้ไม่ได้
แต่ที่เหนือความคาดหมายของทุกคนก็คือ หลังจากไต้เจ๋อนิ่งอึ้งไปแล้วก็หันหลังวิ่งออกไปทันที
“ซื่อจื่อ ท่านจะไปไหน…” บ่าวสองคนรีบไล่ตามไป
ซื่อจื่อคงไม่ใช่ว่าทนรังเกียจไม่ไหว โมโหไฟลุกไปแล้วกระมัง
“เตรียมม้าให้ข้า!” ไต้เจ๋อตะโกนใส่บ่าวที่ไล่ตามมา