สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 131 ไม่ยอมรับชะตากรรม
ตอนที่ 131 ไม่ยอมรับชะตากรรม
นายหญิงผู้เฒ่ารู้สึกดีใจที่ฮูหยินกู้ชางป๋อเลือกต้วนอวิ๋นหลิง
ต้วนอวิ๋นหวาเป็นบุตรีภรรยาเอกเพียงคนเดียวก็จริง แต่เฉียวซื่อถูกเขียนหนังสือหย่า และนางเป็นคนเอ่ยปากเอง นางไม่อยากให้หลานสาวคนรองที่มีใจโกรธแค้นนางผู้เป็นย่าได้ดี
คุณหนูออกเรือนไม่อาจขาดการสนับสนุนจากตระกูลเดิม หลานสาวคนรองของนางคับแค้นใจเพียงใดก็ไม่อาจเตะจวนรองเจ้ากรมทิ้งได้ ไม่เช่นนั้นคนที่จะหัวเราะเยาะนางก็คือตระกูลสามีนาง แต่อย่างไรก็มิสู้หลานสาวสามที่ว่านอนสอนง่าย จับวางง่ายกว่า
การนัดพบกันครั้งนี้กำหนดในอีกสามวัน
นายหญิงผู้เฒ่ารีบสั่งการสาวใช้อวี้จูไปตามต้วนอวิ๋นหลิงมา
ต้วนอวิ๋นหลิงได้ยินสาวใช้รายงานว่าพี่อวี้จูจากเรือนหรูอี้ถังมาก็หนักอึ้งในใจทันที
หลัง ‘บังเอิญ’ พบกันที่อารามชิงเฟิง ในเมื่อสองฝ่ายมีเจตนาคิดเชื่อมสัมพันธ์ จวนกู้ชางป๋อย่อมเลือกระหว่างนางกับพี่หวา สาวใช้ใหญ่อวี้จูเรือนท่านย่ามาหานางกะทันหัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าย่อมเป็นลางร้าย
อย่างน้อยสำหรับนางที่ไม่อยากแต่งกับคุณชายเสเพลไม่เอาไหนเช่นไต้เจ๋อแล้ว ก็มิใช่ลางดี
เป็นไปได้อย่างไรกัน เห็นชัดว่าวันนั้นนางทำตัวเหมือนท่อนไม้เซ่อซ่าไม่เอาไหน
ต้วนอวิ๋นหลิงคิดไม่ตก ตอนเดินตามอวี้จูไปเรือนหรูอี้ถังถามขึ้นว่า “พี่อวี้จู ท่านย่าตามข้าเพียงคนเดียวหรือ”
ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสาวใช้ได้ย่อมมิใช่คนโง่ อวี้จูยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “นายหญิงผู้เฒ่าให้บ่าวมาเชิญคุณหนูสาม ส่วนให้คนอื่นไปเชิญคุณหนูรองหรือไม่ บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ”
ต้วนอวิ๋นหลิงพยักหน้า ปลอบใจตนเองเดินเข้าไปเรือนหรูอี้ถัง
บางทีฮูหยินกู้ชางป๋อยังตัดสินใจไม่ได้ อยากพบนางกับพี่หวาอีกครั้ง เช่นนั้นก็ยังมีโอกาสเปลี่ยนได้อีก
แต่ตอนต้วนอวิ๋นหลิงได้เห็นรอยยิ้มกว้างของนายหญิงผู้เฒ่า ดวงใจน้อยๆ ก็ตกใจร่วงหล่นลงไปแล้ว
“หลิงเอ๋อร์ นั่งสิ” กวักมือเรียกให้ต้วนอวิ๋นหลิงมานั่งข้างกาย นายหญิงผู้เฒ่าแสดงท่าทางให้สาวใช้ในห้องออกไป
ต้วนอวิ๋นหลิงหลุบตาลงเม้มปากนิ่ง จิตใจตกต่ำถึงขีดสุด
“เมื่อวานการบังเอิญได้พบฮูหยินกู้ชางป๋อที่อารามชิงเฟิง ฮูหยินกู้ชางป๋อเห็นเจ้าแล้วก็ชอบ คิดจะหมั้นหมายเจ้าให้บุตรชาย ย่าคิดว่าเจ้าเองก็ได้วัยออกเรือนแล้ว นี่เป็นการหมั้นหมายออกเรื่องที่ดี เจ้าว่าอย่างไร”
เลือกนางจริงๆ!
ต้วนอวิ๋นหลิงรู้สึกในใจราวกับโดนทุบเต็มแรง สีหน้าพลันซีดเผือด
“หลิงเอ๋อร์?” มองออกว่าสีหน้าต้วนอวิ๋นหลิงแปรเปลี่ยน นายหญิงผู้เฒ่าน้ำเสียงเย็นเยียบขึ้นมาทันที
เจ้าเด็กคนนี้ถึงกับไม่ยินดี?
สถานการณ์นี้เป็นเรื่องที่นายหญิงผู้เฒ่าคิดไม่ถึง ถึงกับรู้สึกไม่อยากเชื่อ
นั่นเป็นถึงจวนกู้ชางป๋อ แต่งกับทายาทผู้สืบทอดเชียวนะ
แม้ซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อไม่เอาไหน กอปรกับวันเทศกาลฉงหยางวันนั้นนางตั้งใจปรากฏกตัวต่อหน้ากู้ชางป๋อสองสามีภรรยา ไม่เช่นนั้นแม้จวนกู้ชางป๋อต้องก้มลงควานหาสะใภ้ ก็คงคิดมาไม่ถึงจวนรองเจ้ากรม
ต้วนอวิ๋นหลิงตั้งสติได้ ออกแรงกำมือแน่นสงบสติลง
“ท่านย่า หลานยังเล็ก เหนือหลานขึ้นไปยังมีพี่สาวอีกสองคน…”
“เรื่องพวกนี้ไม่ต้องให้เจ้ามากังวล” นายหญิงผู้เฒ่าตัดบทต้วนอวิ๋นหลิง
รู้ความคิดต้วนอวิ๋นหลิงแล้ว ท่าทีนายหญิงผู้เฒ่าก็แข็งขึ้นมาทันที “หลิงเอ๋อร์ เจ้าควรรู้ว่าการแต่งงานเป็นเรื่องของสองตระกูล แต่งเข้าจวนกู้ชางป๋อได้ถือเป็นเรื่องดีทั้งต่อตระกูลเราและต่อตัวเจ้าเอง”
หากเป็นต้วนอวิ๋นหลิงเมื่อก่อน นายหญิงผู้เฒ่าเอ่ยถึงตรงนี้ แม้ไม่ยินยอมอย่างไรก็คงได้แต่ต้องยอมรับเงียบๆ แต่พอนางคิดถึงเรื่องที่ซินโย่วเคยกระทำมาและเคยพูดไว้ จึงไม่อาจยอมรับชะตากรรมเช่นนี้
“ท่านย่า ซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อไม่ใช่คนดี หลานต้องการแต่งกับชายหน้าตาความประพฤติใช้ได้ ต่อให้ชาติตระกูลธรรมดาก็ไม่ขัดข้อง…”
นายหญิงผู้เฒ่าแค่นหัวเราะ “ไร้เดียงสา!”
ใจที่เสริมกำลังให้ฮึกเหิมของต้วนอวิ๋นหลิงถูกคำพูดนี้ทำลายหมดสิ้น
“ซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อไม่ได้ความเป็นเรื่องจริง แต่เขาเป็นทายาทคนเดียวของจวนกู้ชางป๋อ หากเจ้าได้แต่งไป วันหน้าทั้งจวนป๋อก็เป็นของบุตรชายเจ้า ฮูหยินกู้ชางป๋อถูกชะตาเจ้า ขอเพียงเอาใจฮู่หยินกู้ชางป๋อให้ดี ยามวัยสาวมีแม่สามีปกป้อง ยามวัยชรามีบุตรกตัญญู ชีวิตนี้อำนาจเงินทองวาสนาไม่มีหมด ผู้ชายไม่ได้ความแล้วอย่างไร”
ไม่ถูกต้อง!
ต้วนอวิ๋นหลิงสมองอื้ออึงสับสนไปหมด มีคำพูดโต้กลับมากมายนับไม่ถ้วน แต่เอ่ยไม่ออกสักคำ
นางรู้กระจ่างดีว่า การตัดสินใจของท่านย่า นางเป็นคุณหนูไร้บิดามารดาปกป้องย่อมไม่อาจต่อต้านอันใดได้แม้แต่น้อย
ท่านพ่อจะปฏิเสธการแต่งงานนี้ให้นางหรือ
ไม่ เกรงว่าท่านพ่อยินดีเสียยิ่งกว่าท่านย่า
เห็นแววตาไร้ความรู้สึกของหลานสาวแล้ว นายหญิงผู้เฒ่าก็น้ำเสียงอ่อนลง “เจ้าคิดว่าชายสถานะธรรมดาก็ดีหรือ เด็กโง่ รอให้เจ้าแต่งไปแล้วพบว่าผู้ชายก็ไม่แตกต่างกัน คุณธรรมล้วนมองไม่ออก จับต้องไม่ได้ บอกว่าเปลี่ยนก็เปลี่ยน ล้วนจอมปลอมที่สุด”
มุมปากต้วนอวิ๋นหลิงขยับ แต่พูดอันใดไม่ออก
“เอาละ เจ้ากลับห้องได้แล้ว สองสามวันนี้ก็อย่าได้คิดเหลวไหล อีกสามวันตามย่าออกไปข้างนอก”
ต้วนอวิ๋นหลิงกลับที่พักด้วยท่าทางไร้ความรู้สึก ผ่านไปไม่นานอวี้จูก็มาอีกครั้ง
“คุณหนูสาม นายหญิงผู้เฒ่าสั่งให้บ่าวนำเครื่องประดับมาให้”
ขนตาต้วนอวิ๋นหลิงสั่นไหว ไม่ได้มองกล่องในมืออวี้จูแม้สักนิด เอ่ยน้ำเสียงเย็นชาไร้ความรู้สึก “วางไว้เถอะ”
อวี้จูวางกล่องลง มองดูคุณหนูสามที่สติหลุดลอย ระงับความอยากรู้ ขอตัวออกไป
ในห้องเหลือเพียงต้วนอวิ๋นหลิงกับเสวี่ยอิ๋งสาวใช้ประจำตัว
“คุณหนูจะเปิดดูไหมเจ้าคะ”
“เอาไปเก็บ!” ต้วนอวิ๋นหลิงตวาดอย่างไม่อาจควบคุมอารมณ์ มองสาวใช้ด้วยสายตาพลุ่งพล่านใจ น้ำตาเอ่อล้นขอบตา
เสวี่ยอิ๋งนำกล่องเครื่องประดับไปเก็บแล้วก็มานั่งอยู่ข้างต้วนอวิ๋นหลิงเงียบๆ
ต้วนอวิ๋นหลิงนั่งเหม่อลอยน้ำตาไหลพราก
นางรู้ดีมาตลอดว่านางไม่อาจตัดสินใจการแต่งงานของนางเองได้ เมื่อก่อนผู้ที่ควบคุมชีวิตนางไว้ก็คือท่านแม่ใหญ่ ต่อมาก็คือท่านย่า
สำหรับนางแล้ว เฟ้นหาคู่ครองธรรมดที่สถานะเท่าเทียมกันให้นางสักตระกูล หรือต่ำกว่าก็ไม่เป็นไร มีชีวิตที่เรียบง่ายเป็นปกติก็พอใจแล้ว ไม่ต้องการแต่งกับคุณชายเสเพลที่เกี้ยวพาราสีหญิงชาวบ้านกลางท้องถนน
พี่ชิงกล่าวว่า ความกล้าหาญเป็นคุณสมบัติที่มีค่าที่สุดประการหนึ่ง ก่อนหน้านี้นางรู้สึกว่าความกล้าหาญไร้ประโยชน์ ตอนได้เห็นพี่ชิงกระทำเรื่องราวเหล่านี้ ก็รู้สึกว่ามีประโยชน์
แต่ตอนนี้นางรู้สึกว่าไร้ประโยชน์แล้ว
นางเป็นบุตรีอนุที่ดำรงด้วยการอาศัยการปกป้องของตระกูล มีความกล้าหาญแล้วจะเปลี่ยนแปลงอันใดได้
แต่อย่างไรก็ทำใจยอมรับไม่ได้
หยดน้ำตาร่วงเผาะๆ ไม่หยุดลงบนหลังมือและเสื้อผ้า สำหรับต้วนอวิ๋นหลิงแล้ว สิ่งที่ร้องไห้ออกมาก็คือความเชื่อมั่นที่ก่อขึ้นมาในหลายวันนี้กับความสิ้นหวังต่ออนาคต
นางนึกถึงคำพูดพี่ชิงในวันเทศกาลฉงหยางวันนั้นขึ้นมา
หากต้องแต่งกับซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อ นางยอมตายเสียดีกว่า!
หรือว่า…มีเพียงความตายเท่านั้นที่นางเลือกด้วยตนเองได้
ต้วนอวิ๋นหลิงก้มหน้ามองสองมือตนเอง
มือนุ่มเรียวขาวของสาวน้อย ไม่ได้หมายความว่าจะไร้กำลัง
ขอเพียงนางใช้สองมือบีบลำคอตนเอง ก็จะควบคุมทุกอย่างได้ใช่หรือไม่
ไม่ นางทำเช่นนี้ถือว่าถูกบีบให้ตาย นางไม่อยากตาย!
“เสวี่ยอิ๋ง” ต้วนอวิ๋นหลิงกัดริมฝีปาก ส่งเสียงเรียกสาวใช้
“บ่าวอยู่นี่เจ้าค่ะ คุณหนูท่านว่ามา”
“พรุ่งนี้วันที่เท่าไร”
“เรียนคุณหนู พรุ่งนี้วันที่สิบ”
“สิบ…” แววตาว่างเปล่าของต้วนอวิ๋นหลิงส่องประกายวาบ “วันที่สิบพี่ชิงจะกลับมาแล้วกระมัง”
“ใช่ คุณหนูนอกจะกลับมาเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ดีๆ…” ต้วนอวิ๋นหลิงพึมพำเบาๆ จนคนข้างๆ ยากจะได้ยิน
ขอความช่วยเหลือจากคนที่ไว้ใจได้ ก็คือความกล้าหาญกระมัง