สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 135 เจ้ากำลังข่มขู่ข้า
ตอนที่ 135 เจ้ากำลังข่มขู่ข้า
ต้นฉบับไม่หนามาก รองเจ้ากรมต้วนอ่านไปทีละหน้า ยิ่งอ่านสีหน้าก็ยิ่งเคร่งเครียด พออ่านถึงหน้าสุดท้ายก็ตบโต๊ะเสียงดังอย่างแรงทีหนึ่ง ทำเอาน้ำชาในแก้วกระฉอกขึ้นมาก่อนจะกลับลงไปอีกครั้ง น้ำชาสาดเต็มโต๊ะ
มีน้ำชารดโดนต้นฉบับนิยายทำเอาหมึกกระจายเป็นวงกว้าง
ขมับรองเจ้ากรมต้วนปูดโปนขึ้นมา แววตาทั้งสองจ้องมองซินโย่วเขม็ง “ชิงชิง หมายความว่าอย่างไร”
ต้นฉบับนิยายนี้ถึงกับเขียนถึงเด็กหญิงกำพร้านำสมบัติมหาศาลมาพึ่งพาอาศัยบ้านยาย แต่สุดท้ายถูกตระกูลยายตนยึดครองไปทั้งหมด ชีวิตลำเค็ญ สุดท้ายตายไปด้วยความคับแค้น สมบัติถูกฮุบไปหมดสิ้น
แม้ว่าบ้านยายในนิยายเป็นเพียงพ่อค้าคหบดี แต่ขอเพียงตีพิมพ์ขายโดยร้านหนังสือชิงซง ถึงตอนนั้นไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนคิดโยงมาถึงจวนรองเจ้ากรม
เด็กคนนี้คิดทำลายชื่อเสียงจวนรองเจ้ากรม ถึงกับคิดทำลายอนาคตขุนนางของเขา!
ซินโย่วสบสายตาแทบจะกลืนกินของรองเจ้ากรมต้วน ยังคงดำรงสีหน้าสงบนิ่ง “ข้าเพียงแค่ต้องการสมบัติตระกูลโค่วคืน”
รองเจ้ากรมต้วนหยิบต้นฉบับนิยายฟาดลงบนโต๊ะ “ดังนั้นเจ้าคิดนำสิ่งนี้มาข่มขู่ข้า ข่มขู่จวนรองเจ้ากรม?”
เขาโมโหจนไม่คิดรักษาภาพลักษณ์ ทำเอาซินโย่วกระดกมุมปาก “ใช่ ข้าใช้ต้นฉบับนิยายที่ยังไม่วางขายมาแลกสมบัติของข้า ท่านลุงคิดว่าแลกได้หรือไม่”
“เจ้าคิดว่าข่าวลือเหลวไหลพวกนี้จะสั่นคลอนจวนรองเจ้ากรมได้หรือ”
ซินโย่วมองท่าทางใช้กำลังบังคับนางของรองเจ้ากรมต้วนออก ยิ้มละไมกล่าวว่า “ท่านลุงรู้หรือไม่ มีคนมากมายเท่าไรตั้งตารอหนังสือใหม่ของท่านซงหลิง ข้าคือเจ้าของร้านร้านหนังสือชิงซง เรื่องใดล้วนข้าตัดสินใจ ขอเพียงอาศัยชื่อท่านซงหลิง แล้วให้โรงพิมพ์ตีพิมพ์จำนวนมาก ไม่เกินสามวัน เรื่องนี้ก็จะแพร่ไปทั่วทั้งตรอกซอกซอย ทั่วทุมมุมเมืองหลวง”
รองเจ้ากรมต้วนได้ยินคำพูดไร้ซึ่งน้ำใจให้กันเช่นนี้ ก็โมโหจนตัวสั่น “โค่วชิงชิง เจ้าปีกกล้าขาแข็งจริง เหตุใดจึงมีคนจิตใจสุนัขต่ำช้าเช่นเจ้าได้เช่นนี้กัน”
“จิตใจสุนัขต่ำช้า?” ซินโย่วรู้สึกว่าเหลวไหลสิ้นดี รันทดใจแทนโค่วชิงชิงที่จากไปนานแล้วและตอนนี้ยังมิได้นำไปฝังลงดินให้เป็นสุข
ในยามนี้ ในที่สุดนางก็ได้พูดแทนโค่วชิงชิงแล้ว “ท่านลุงลืมไปแล้วหรือว่าชิงชิงตกหน้าผาได้อย่างไร ผู้ลงมือคือบุตรสาวท่าน ผู้บงการคือภรรยาท่าน คนที่มาหาเรื่องข้าเพราะเฉียวซื่อถูกเขียนหนังสือหย่าก็เป็นบุตรสาวอีกคนของท่าน หากมิใช่ว่าข้าดวงแข็ง จะต่างอันใดกับหญิงสาวในนิยายนี้”
รองเจ้ากรมต้วนโต้กลับด้วยสัญชาตญาณทันที “เฉียวซื่อถูกเขียนหนังสือหย่าไปแล้ว…”
ซินโย่วแค่นเยาะ “ท่านลุง หวังว่าท่านจะมองให้กระจ่าง หลังชิงชิงตกหน้าผาเป็นหรือตายล้วนขึ้นกับโชคชะตา ไม่ใช่การออมมือของคนจวนรองเจ้ากรมเหล่านั้น!”
น่าเสียใจมากที่โค่วชิงชิงไม่ได้โชคดีเช่นนี้
ดำรงอยู่ในสถานะโค่วชิงชิงมานานเกินไป แม้ซินโย่วไม่เคยรู้จักคุณหนูผู้น่าสงสารผู้นี้ แต่กลับรู้สึกเห็นใจจากใจแท้จริง
นางสงสารเด็กสาวที่หน้าตาละม้ายคล้ายนางที่ต้องประสบเคราะห์ โมโหโฉมหน้าอัปลักษณ์ของบรรดาญาติที่ควรให้การปกป้องเด็กสาวผู้นี้
โค่วชิงชิงไม่อาจเอ่ยอันใดได้อีกแล้ว แต่นางเอ่ยแทนได้ ช่วยเปิดโปงผ้าคลุมหน้าอัปลักษณ์ของจวนรองเจ้ากรม นำสมบัติกลับคืนมาให้นาง ไม่ให้เจ้าคนชั่วร้ายเลวทรามพวกนั้นได้สูบเลือดสูบเนื้อทรัพย์สมบัติตระกูลโค่วได้อีก
ซินโย่วมองรองเจ้ากรมต้วน เอ่ยทีละคำ “ดังนั้นไม่ใช่ว่าโค่วชิงชิงจิตใจสุนัขต่ำช้า แต่เป็นพวกท่านที่สังหารเด็กน้อยบริสุทธิ์ว่านอนสอนง่ายผู้นั้นทิ้งไปแล้ว กับญาติเช่นพวกท่าน เหลือเพียงโค่วชิงชิงที่กตัญญูต่อบิดามารดาเท่านั้น”
คำพูดนางหนักแน่นราวกับก้อนน้ำแข็งสาดใส่จิตใจรองเจ้ากรมต้วนหนักหน่วงทีละก้อน ทำให้เขารู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
แต่ไรมารองเจ้ากรมต้วนไม่เคยรู้กระจ่างใจได้เท่ายามนี้ ไม่มีหลานสาวเชื่อฟังนิ่งเงียบคนเดิมอีกแล้ว
เด็กสาวตรงหน้าผู้นี้ใจแข็งดังเหล็กกล้า เสแสร้งเก่งกาจ ถึงกับโกรธแค้นจวนรองเจ้ากรม!
จิตสังหารแวบขึ้นมาในห้วงความคิด
ซินโย่วยิ้มเอ่ยว่า “ลืมบอกท่านลุงไป วันนั้นคุณชายข่งไปร้านหนังสือชิงซง”
รองเจ้ากรมต้วนเงียบไป รอนางพูดต่อ
“คุณชายข่งก็คือบุตรชายองค์หญิงใหญ่เจาหยาง ได้ยินท่านโหว อ้อ คุณชายข่งกำชับว่า รอหนังสือใหม่ออก เขาจะซื้อร้อยเล่ม”
สีหน้ารองเจ้ากรมต้วนพลันแปรเปลี่ยน
เสียงวิพากษ์วิจารณ์คนปกติทั่วไปย่อมไม่อาจสั่นคลอนรากฐานจวนรองเจ้ากรม แต่หากมาจากคนในแวดวงขุนนางด้วยกันแล้วย่อมแตกต่าง หากคนที่ปกติไม่ถูกกับเขานำไปเป็นประเด็นขึ้นมา เขาก็อาจจะประสบกับความยุ่งยากได้ และหากมีองค์หญิงใหญ่เจาหยางเข้าร่วม ก็จะยิ่งยุ่งยากมากขึ้น
เรื่องรองผู้บัญชาการหานถูกพักงานเพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน ทำให้หลายคนรู้ว่าองค์หญิงใหญ่เจาหยางปกป้องคุณหนูโค่ว รองเจ้ากรมต้วนย่อมกระจ่างใจดี
เขาถึงกับรู้สึกเหนือความคาดหมายในเรื่องนี้
รองเจ้ากรมต้วนแทบจะตบหน้าตนเองฉาดหนึ่ง
ตอนนั้นเขาช่างไร้เดียงสาแท้!
“อีกเรื่อง…”
พอซินโย่วเอ่ยปาก รองเจ้ากรมต้วนก็อดมือสั่นไม่ได้
ถึงกับยังมีอีกเรื่อง?
เขาจ้องมองสาวน้อยท่าทีสบายๆ ตรงหน้าเขม็ง เห็นนางยังมีอันใดเอ่ยต่อ
“ใต้เท้าเฮ่อบอกว่า ฝ่าบาทก็สนใจท่านซงหลิงมาก หนังสือใหม่ท่านซงหลิง ไม่แน่ฝ่าบาทก็ทรงอยากอ่านนะเจ้าคะ”
สีหน้ารองเจ้ากรมต้วนพลันไร้สีเลือด เอ่ยสีหน้าดุดัน “เจ้าหลอกลวงเบื้องสูง!”
“หลอกลวงเบื้องสูง? ท่านลุงกำลังเอ่ยอันใดเจ้าคะ” ซินโย่วสีหน้างุนงง
รองเจ้ากรมต้วนคว้าต้นฉบับนิยายขึ้นมา “นิยายนี่เจ้าเขียนไม่ใช่หรือ เจ้าใช้ชื่อท่านซงหลิงวางขาย หรือว่าไม่ได้หลอกลวงเบื้องสูง”
ซินโย่วส่ายหน้า “ท่านลุงรู้สึกกดดันมากเกินไปหรือ ความคิดสับสนมากเกินไปหรือ ร้านหนังสือชิงซงขายนิยายให้ทุกคน ก็มิได้บอกว่าท่านซงหลิงตั้งใจเขียนให้ฝ่าบาทผู้เดียว ไยเรียกว่าหลอกลวงเบื้องสูง”
รองเจ้ากรมต้วนถูกถามจนสะอึกไป
“อีกอย่าง เหตุใดนิยายนี้ไม่ใช่ท่านซงหลิงเขียน ผู้ใดพิสูจน์ได้ว่าเป็นข้าเขียน จวนรองเจ้ากรมหรือ”
ซินโย่วถามติด ๆ กัน ทำเอารองเจ้ากรมต้วนเหงื่อแตกเบื้อใบ้ขึ้นมาทันที
เด็กสาวผู้นี้เตรียมตัวมาพร้อมสรรพ ตั้งใจจะสะบั้นสัมพันธ์กับจวนรองเจ้ากรมแล้ว
แต่ที่ทำให้รองเจ้ากรมต้วนหนาวเหน็บก็คือ ใช้ต้นฉบับนิยายนี้มาข่มขู่ เขาจำต้องรอมชอม
อย่างน้อยตอนนี้ก็ได้แต่รอมชอมไปก่อน กล่อมให้เด็กสาวผู้นี้ยอมสงบนิ่งไปก่อน
ซินโย่วกระดกมุมปาก “คนเราล้วนเปลี่ยนแปลงได้เจ้าค่ะ ท่านลุงกับท่านยายสำหรับท่านแม่ข้าแล้ว ก็ไม่เหมือนดังที่นางคิดไว้”
วาจานี้จงใจเสียดสีชัดเจน ทำให้รองเจ้ากรมต้วนสีหน้าแปรเปลี่ยน
“ท่านลุงไตร่ตรองเรียบร้อยแล้วหรือยังเจ้าคะ” บรรยากาศเคร่งเครียดเงียบไปพักหนึ่ง ซินโย่วจึงได้เอ่ยถามขึ้นเบาๆ
รองเจ้ากรมต้วนสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง ลุกขึ้นยืน “ข้าจะไปพบท่านยายเจ้ากับเจ้า”
“ขอบคุณท่านลุงที่ช่วยเหลือ” ซินโย่วยิ้มหวาน เก็บต้นฉบับที่ถูกปาเสียหายลงกล่อง
รองเจ้ากรมต้วนจ้องการเคลื่อนไหวของนางแล้วก็พลันเอ่ยว่า “ชิงชิง ลุงมีคำถามหนึ่งอยากถามเจ้า”
ซินโย่วยกกล่องขึ้น “ท่านลุงเชิญถามมาได้”
รองเจ้ากรมต้วนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จ้องมองนางไม่วางตา “ตอนนั้นเจ้าเอะอะเอาเรื่องจะเปิดร้านหนังสือ เพราะวางแผนวันนี้ใช่หรือไม่”
แววตาเย็นเยียบคู่นั้นแย้มยิ้มได้โค้งรัศมีงดงาม “นับว่าใช่กระมัง”
นางไม่อาจก้าวเพียงหนึ่งก้าวแล้วมองไปไกลร้อยก้าว แต่ปรับตัวไปตามทิศทางที่ดี มักหาวิธีแก้ไขอุปสรรคได้
คำตอบนางทำให้รองเจ้ากรมต้วนตกใจ สีหน้ายิ่งย่ำแย่ “ไปเถอะ ไปเรือนหรูอี้ถัง”
ยามนี้เลยเวลาอาหารเที่ยงแล้ว นายหญิงผู้เฒ่านั่งอยู่บนตั่ง สาวใช้กำลังปรนนิบัตินวดไหล่
“นายหญิงผู้เฒ่า นายท่านใหญ่กับคุณหนูนอกมาเจ้าค่ะ”