สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 148 รู้สึกไปเอง
ตอนที่ 148 รู้สึกไปเอง
น้ำเสียงคุยสบายๆ คล้ายว่ากำลังพูดเรื่องของผู้อื่น ทำให้ซินโย่วพลันตั้งสติไม่ทัน “หมั้นหมาย”
“อืม คล้ายว่าเป็นคุณหนูรองต้วน นางเป็นญาติผู้พี่หรือผู้น้องเจ้า”
“คุณหนูรองต้วน…” ซินโย่วกระดกมุมปาก “นางเป็นญาติผู้พี่ของข้า”
ดูท่าการแต่งงานนี้นายหญิงผู้เฒ่าตัดใจปล่อยไม่ลง รับปากนางแล้วว่าไม่ให้ต้วนอวิ๋นหลิงแต่ง ก็ให้ ต้วนอวิ๋นหวามาแทน
คิดถึงอาหารเที่ยงวันที่สิบมื้อนั้น ต้วนอวิ๋นหลิงกับต้วนอวิ๋นหวาล้วนไม่เบิกบานใจ ในเมื่อต้วนอวิ๋นหลิงทุกข์ใจเพราะถูกเลือก เช่นนั้นต้วนอวิ๋นหวาย่อมต้องหงุดหงิดเพราะไม่ถูกเลือก
ในที่สุดการแต่งงานนี้ก็ได้ตกอยู่กับบุคคลที่พึงพอใจ ถือเป็นเรื่องน่าสนุกแล้ว
“เช่นนั้นก็ยินดีกับคุณชายไต้แล้ว”
ไต้เจ๋อพูดเรื่องตนเองจบก็เดินตัวปลิวออกไปรวดเร็ว
หาตัวคนที่ทำให้เขาเคราะห์ร้ายพบแล้ว มีแผนจัดการแล้ว จากนี้ก็ต้องให้เจ้าหมอนั่นทำตาม
เรื่องนี้เป็นเรื่องง่ายสำหรับไต้เจ๋อ กลับไปบรรจงเลือกไก่ตัวผู้มาตัวหนึ่ง ยามว่างก็จูงไก่ตัวผู้มาเดินเล่นในจวน
พอเช้าวันที่สิบห้า ไต้เจ๋อก็พาไก่ตัวผู้ผ่านไปทางที่ฉางเหลียงทำงานอยู่ กวักมือเรียกเขามาหา
“ซื่อจื่อมีอันใดสั่งการหรือขอรับ”
“ฉางเหลียงงั้นหรือ ชุนฮวาเดินเหนื่อยแล้ว เจ้าอุ้มมันเดินสักครู่”
“ชุนฮวา?” ฉางเหลียงค่อยๆ ก้มหน้าลงมองดวงตากลมเป็นประกายของเจ้าไก่ตัวผู้
“ก็คือมันนี่แหละ”
ฉางเหลียงแสดงสีหน้าเบ้ทีหนึ่ง ก่อนจะรีบก้มกายคว้าเจ้าไก่ตัวผู้ขึ้นมา
อยู่ในมือผู้มีฝีมือยุทธ์ ไก่ตัวผู้ได้แต่ดิ้นรนไม่กี่ทีแล้วก็นิ่งลงแต่โดยดี
ไต้เจ๋อพยักหน้าพอใจ “ไปกันเถอะ”
ฉางเหลียงตามหลังไต้เจ๋อไปอย่างว่าง่าย คนเดินผ่านมามองแล้วก็รู้สึกตกใจไม่น้อย
ซื่อจื่อพวกเราทำเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติ
ไต้เจ๋อเดินลอยชายไปมาก็เดินออกจากประตูข้างจวนกู้ชางป๋อ
ยามเช้าอากาศหนาวเย็นอยู่ ท้องถนนกลับมีคนตื่นเช้ามาทำงานกันไม่น้อย
ไต้เจ๋อหดคอ ชี้ไปที่ต้นไหวที่อยู่ไม่ไกลนัก “ฉางเหลียง เจ้าพาชุนฮวาไปเดินรอบต้นไหวสามรอบ”
ฉางเหลียง “?”
ไต้เจ๋อถลึงตาจ้องใส่ “มัวยืนเซ่อทำไม รีบไปสิ!”
แม้ฉางเหลียงไม่เข้าใจพฤติกรรมนี้ของซื่อจื่อ แต่ก็ต้องทำตาม ฝืนความอายอุ้มไก่ตัวผู้ชุนฮวาไปวนรอบต้นไหวสามรอบ
ไก่ตัวผู้ยังเอาแต่ ‘กุ๊ก กุ๊ก กุ๊ก’ ทำให้คนเดินผ่านไปมาไม่น้อยต่างมองมาด้วยสายตาบ้างก็อยากรู้ บ้างก็ตกใจ
แต่ไรมาฉางเหลียงไม่เคยรู้สึกเสียหน้าเพียงนี้มาก่อน อุ้มไก่ตัวผู้กลับมาหาไต้เจ๋อด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก
“ซื่อจื่อ”
“ทำได้ไม่เลว” ไต้เจ๋อตบบ่าเขา ควักใบไม้ทองคำออกมาจากถุงเงินสองใบ “ให้รางวัลเจ้า”
ใบไม้ทองคำเย็นเยียบวางลงในฝ่ามือ ในใจฉางเหลียงพลันกระตือรือร้นขึ้นมาทันที “ซื่อจื่อ ยังต้องการให้อุ้มชุนฮวาทำอันใดอีกไหมขอรับ”
เขาทำได้หมด!
“ไม่ต้องแล้ว อย่าทำให้ชุนฮวาเหนื่อยไป” ไต้เจ๋อรู้สึกหนาวมาก รีบกลับเข้าจวนทันที
ฉางเหลียงอดก้มลงมองไก่ตัวผู้ในอ้อมกอดไม่ได้
เหนื่อย?
“กุ๊ก กุ๊ก …” ไก่ตัวผู้เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมา
ฉางเหลียงมุมปากกระตุก รีบก้าวตามไต้เจ๋อไป
ไม่นาน มุมหัวเลี้ยวไม่ไกลนักก็มีชายหนุ่มใบหน้ากระจ่างเดินออกมาปะปนเข้ากับฝูงชนหายไป
ชายหนุ่มใบหน้ากระจ่างก็คือซินโย่วแต่งกายเป็นชาย
ฉางเหลียงอายุราวยี่สิบต้นๆ หน้าตาธรรมดา จำพวกคนที่โยนเข้าไปในฝูงชนก็ไม่เป็นที่สะดุดตาแม้แต่น้อย ตอนนี้ซินโย่วจดจำภาพลักษณ์เขาไว้ในสมองอย่างแม่นยำแล้ว
ไต้เจ๋อบอกว่า คนมากมายเช่นฉางเหลียงมักไม่ได้พักในจวนป๋อ แต่พักในบ้านพักที่ตั้งอยู่นอกจวนป๋อ ทุกวันพวกเขาจะเขามาทำงานในจวน พอได้เวลาก็ค่อยกลับบ้านไปนอน
จวนชนชั้นสูงหลายคนก็เป็นเช่นนี้ เทียบกับขุนนางทั่วไปแล้ว คนที่เลี้ยงไว้ในจวนมีมาก ในจำนวนนี้ยังเป็นทหารในสังกัดตนเองตอนออกรบในปีนั้น เปลี่ยนมาเป็นผู้คุ้มกัน
ผู้คุ้มกันเหล่านี้เดินผลัดเวรยามในเวลากลางคืน เวลาผลัดเวรของฉางเหลียงเดาว่าอยู่ตอนเย็น
ร้านหนังสือชิงซงก็อยู่ไม่ไกล ซินโย่วหมุนตัวเดินเข้าไปในถนนตรอกชุมชนแห่งหนึ่ง
ประตูบ้านหลังหนึ่งในตรอกชุมชนใส่แม่กุญแจไว้ นางหยิบลูกกุญแจออกมาเปิดประตู เดินเข้าไปไม่นานก็เปลี่ยนเครื่องแต่งกายชายออก กลับคืนสภาพดังเดิม
ที่พักชาวบ้านไม่เป็นที่สะดุดตาเช่นนี้ ซินโย่วเพิ่งซื้อมาได้ไม่นาน สะดวกให้นางปลอมตัว สถานะจะได้ไม่ถูกเปิดโปง
ตอนเดินออกจากตรอกชุมชน ซินโย่วเดิมคิดจะตรงกลับเรือนตะวันออก แต่กลับเห็นเงาร่างที่คุ้นเคย
ใต้เท้าเฮ่อมาอ่านหนังสือ?
เดิมเคยคิดว่าเป็นเรื่องปกติเคยชิน แต่ระยะนี้ใต้เท้าเฮ่อมาร้านหนังสือมักมีธุระ มิใช่มาอ่านหนังสือ
ซินโย่วลังเลเล็กน้อย ก่อนเดินไปทางร้านหนังสือชิงซง
น่าจะเรื่องที่นางขอให้ใต้เท้าเฮ่อช่วยตรวจสอบร้านค้าเหล่านั้นได้เรื่องแล้ว
“ใต้เท้าเฮ่อมาแล้ว” หลิวโจวเห็นเฮ่อชิงเซียวเข้ามาก็ทักทายกระตือรือร้น
ทำอย่างไรได้ ซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อเจ้าคนเสเพลมักมาหาเจ้าของร้าน เขาหวาดกลัวมาก อย่างไรใต้เท้าเฮ่อของพวกเขาก็ดีกว่า
เช้าตรู่เช่นนี้ ในร้านหนังสือไม่มีลูกค้าอื่น หลิวโจวกระตือรือร้นเป็นพิเศษ “เมื่อวานเพิ่งนำบันทึกการเดินทางใหม่ขึ้นชั้นวาง วางไว้ที่ใต้เท้าเฮ่อชอบอ่าน…”
เฮ่อชิงเซียวสีหน้าอ่อนโยนฟังหลิวโจวพูดจบ จึงได้เอ่ยว่า “คุณหนูโค่วอยู่ไหม ข้ามีธุระขอพบนาง”
“อา เจ้าของร้านอยู่ สือโถว…” หลิวโจวเพิ่งตะโกนเรียกสือโถวไปตามซินโย่ว ก็เห็นซินโย่วเดินเข้ามาจากข้างนอก “ท่านเจ้าของร้าน?”
ซินโย่วเดินเข้ามาก็เห็นคนผู้นั้นก็หันหลังมามองด้วยแววตากระจ่างดังน้ำพุใส
ครั้งนี้เป็นการพบกันครั้งแรกของทั้งสองคนหลังซินโย่วรู้สึกว่าตนเองหวั่นไหวต่อเขา นางแทบจะปิดบังอาการเก้กังไม่มิด ได้แต่เบนสายตาหลบ
สายตาเฮ่อชิงเซียวจับจ้องไปที่ติ่งหูขาวละเอียดของสาวน้อยครู่หนึ่ง ในใจก็รู้สึกวาบขึ้น
ครั้งนั้นคุณหนูโค่วแต่งกายเป็นชายลอบสังหารเขา ก็ถอดต่างหูเช่นตอนนี้ ติ่งหูคุณหนูโค่วว่างเปล่าอีกแล้ว…
นางแต่งกายเป็นชายหนุ่มไปเสี่ยงภัยเรื่องใดกัน
เฮ่อชิงเซียวรีบปรับความคิด เพราะไม่รู้ควรเริ่มถามอย่างไร น้ำเสียงจึงทุ้มต่ำลงมากเพราะเจือสงสัยอยู่ไม่น้อย “คุณหนูโค่ว…”
น้ำเสียงทุ้มต่ำดังกระทบโสตประสาท ทำให้เกิดความรู้สึกผิดพลาดขึ้นมาในในส่วนลึกอย่างไร้สาเหตุ
ในใจซินโย่วกระตุกแรงทีหนึ่ง สองแก้มแดงระเรื่ออย่างไม่อาจระงับ
เฮ่อชิงเซียวนิ่งงัน
หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ซินโย่วก็กลับคืนสู่สภาวะปกติได้ก่อน “ใต้เท้าเฮ่อ ไปดื่มน้ำชาที่ห้องรับรองดีกว่าเจ้าค่ะ”
“เอ่อ ได้” เฮ่อชิงเซียวไม่ขยับ รอซินโย่วเดินนำ
ซินโย่วหลุบตาลงเดินเข้าห้องรับรอง
เทียบกับความกว้างขวางของโถงร้าน ห้องเล็กๆ เช่นห้องรับรองอบอุ่นกว่ามาก
ซินโย่วนั่งลงแล้วก็มองอารมณ์บนสีหน้าแทบไม่ออก “ใต้เท้าเฮ่อ มาหาข้ามีธุระอันใดหรือเจ้าคะ”
“คุณหนูโค่ววานข้าตรวจสอบร้านเหล่านั้น ข้าตรวจละเอียดแล้ว”
“รวดเร็วเพียงนี้?”
เฮ่อชิงเซียวยิ้มกล่าวว่า “ก็แค่ร้านค้าธรรมดา เรื่องที่คุณหนูโค่วต้องการตรวจก็เปิดเผยชัดเจน”
ซินโย่วรับรายการมาเริ่มอ่านอย่างตั้งใจ
นางหลุบตาลง ขนตากะพริบไหวเล็กน้อย ใบหน้าขาวดังเครื่องกระเบื้องเนื้อเย็น สงบนิ่งไร้สำเนียง แต่กลับรู้สึกถึงกลิ่นอายสูงศักดิ์เปล่งรัศมีออกมาได้อย่างชัดเจนมาก
เฮ่อชิงเซียวคิดถึงท่าทางใบหน้าแดงระเรื่อของคุณหนูโค่วเมื่อครู่ เขาน่าจะรู้สึกไปเอง
“ใต้เท้าเฮ่อ” ซินโย่วอ่านรายการทั้งหมดจบก็ส่งเสียงเรียก
เสียงนางก็เป็นดังสง่าสมราศีของนาง เรียบง่ายเย็นสบาย
สายตาชายหนุ่มยังคงจ้องอยู่ที่ข้างแก้มนาง เสียงในใจก็มั่นใจว่า ความรู้สึกที่ผิดพลาดเพราะคิดไปเองดังคาด
พริบตานั้นเอง เฮ่อชิงเซียวก็รู้สึกยิ้มเยาะตนเองขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล ถึงกับไม่รู้ว่าเยาะอันใดตนเอง และคาดหวังสิ่งใดอยู่
“คุณหนูโค่วเชิญกล่าว” น้ำเสียงเขานิ่งเรียบลง