สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 151 แสร้งทำผีหลอก
ตอนที่ 151 แสร้งทำผีหลอก
เริ่มดึกแล้ว บ้านพักด้านหลังจวนกู้ชางป๋อเริ่มทยอยดับโคมไฟกันแล้ว ทุกคนล้วนเข้านอน
ที่พักฉางเหลียงยังคงมืดสนิท ไร้เสียงเคลื่อนไหว
ซินโย่วขยับขาที่เริ่มชาอย่างระมัดระวัง ในใจนึกสงสัย
ปกติฉางเหลียงกลับมาแล้ว วันนี้คงมิใช่เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงกระมัง
นางลอบเข้ามาตอนป้าที่ทำความสะอาดมาทำความสะอาดบ้านฉางเหลียง การรอคอยครั้งนี้รอมาได้ครึ่งค่อนวันแล้ว แม้แต่อาหารเย็นก็ยังไม่ได้กิน
อากาศหนาวมาก ซินโย่วถูมือไปมา หายใจพ่นควันขาวออกมา
ในตอนนี้เอง ในที่สุดก็มีเสียงดังมาจากด้านนอก
เสียงเคลื่อนไหวดังไม่น้อย เริ่มจากปิดประตูเต็มแรง ก่อนจะเป็นเสียงฝีเท้า
ซินโย่วแอบโผล่หน้าออกมามอง เห็นเงาดำรางๆ
เงาดำนั้นตรงไปที่มุมลานด้านนอก ไม่นานก็มีเสียงน้ำไหล
ซินโย่วนิ่งอึ้งไปทันที พอได้สติก็รู้ว่าคนผู้นั้นกำลังทำอันใดอยู่
แม้ว่าเกิดอาการเก้กังอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ แต่นางกลับจ้องตาไม่กะพริบ จนกระทั่งเงาดำเข้าไปในห้อง จุดตะเกียงน้ำมัน
แสงตะเกียงดังเม็ดถั่วแม้ส่องแสงสลัว แต่กลับทำให้ซินโย่วที่แอบอยู่ในมุมมืดมองเห็นชัดเจน
เป็นฉางเหลียงไม่ต้องสงสัย คาดเดาจากการเคลื่อนไหวเชื่องช้าของอีกฝ่าย เขาน่าจะดื่มมา แต่ไม่ถึงกับเมามายขาดสติ
เรื่องนี้ได้ไขข้อข้องใจให้ซินโย่วว่าเหตุใดฉางเหลียงกลับมาดึกเช่นนี้ ที่แท้เปลี่ยนเวรแล้วไปดื่มสุรา
ดูท่าเลือกวันปฏิบัติการไม่ดีนัก
ซินโย่วมีความคิดนี้ผุดขึ้นมา ไม่นานก็ปรับความคิดได้ ไม่ น่าจะเลือกถูกแล้ว คนที่ดื่มสุรามา แต่ไม่ได้เมาหมดสภาพ ส่งผลดีต่อปฏิบัติการของนางหลังจากนี้
แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ฉางเหลียงจะดื่มน้ำผสมยาที่นางเตรียมไว้ลงไป
เพราะอีกฝ่ายดื่มสุรามาเต็มท้อง ซินโย่วจึงไม่มั่นใจว่าจะเป็นไปดังที่นางคาดหมาย เช่นนั้นคืนนี้ก็ได้แต่ล้มเลิกแผนการ คืนพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่
เริ่มแรกก็ไม่ดีเสียแล้ว ไม่ใช่ลางดีอันใด
ซินโย่วกลั้นหายใจมองฉางเหลียงยกกาน้ำมาเทใส่แล้ว ดื่มอึกๆ ลงไปก่อนจะวางลง
สุราเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาของยาให้เร็วขึ้น ฉางเหลียงยกมือกุมขมับ ลืมดับตะเกียงขึ้นเตียงนอนทันที ไม่นานก็ส่งเสียงกรนดังราวกับฟ้าผ่า
ซินโย่วอดทนรออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเดินออกจากที่ซ่อนเงียบกริบ ค่อยๆ เดินไปข้างเตียง
ฉางเหลียงหลับลึกมาก อ้าปากพ่นกลิ่นสุรารุนแรงออกมา
อากาศตอนนี้ ในห้องไม่ได้จุดไฟ เตียงนอนก็ไม่ใช่เตียงเตาร้อน แต่ดูแล้วเขาเหมือนจะร้อนอยู่บ้าง
ซินโย่วหยิบกระจกบานหนึ่งออกมา ตรวจดูอย่างละเอียด แน่ใจว่าไม่มีอันใดผิดพลาดแล้วก็ยื่นมือไปตบใบหน้าฉางเหลียง
เสียงกรนของฉางเหลียงยิ่งดัง
ติ๋งๆ…
ฉางเหลียงในฝัน เปลือกตาสั่นระริก เขารู้สึกมีหยดน้ำหยดลงบนเปลือกตา คิดจะลืมตาก็ลืมไม่ขึ้น
ติ๋งๆ…
ฉางเหลียงพยายามดิ้นรน ในที่สุดก็ลืมตาขึ้นได้
แววตาสะลึมสะลือเบิกโพลง พอเห็นคนตรงหน้ากระจ่าง รูม่านตาก็เบิกกว้าง
ร่างกายคนฝึกยุทธ์ล้วนปฏิกิริยาไวกว่าความคิด ฉางเหลียงดิ้นรนคิดจะลุกขึ้น แต่กลับลุกไม่ขึ้น
เขาอ่อนยวบไปทั้งตัว ไม่อาจออกแรงได้แม้แต่น้อย
คนตรงหน้าพลันเข้ามาใกล้
ฉางเหลียงสร่างเมาและหายงัวเงียไปกว่าครึ่ง เอ่ยน้ำเสียงตกใจ “เจ้าเป็นคนหรือเป็นผี!”
หญิงสาวโลหิตไหลจากหางตายื่นมือออกไปบีบลำคอเขา
มือคู่นั้นเย็นเยียบดังน้ำแข็ง ไม่มีไออุ่นแม้แต่น้อย
แสงไฟสลัว ฤทธิ์สุราและฤทธิ์ยาผสมผสาน ถูกผีอำบนเตียงไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน ยังมีมือข้างหนึ่งที่เย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง…
ฉางเหลียงตกใจสิ้นหวัง คำพูดแก้ตัวหลุดออกจากปาก “เจ้าอย่ามาหาข้า ข้าเพียงแค่ทำตามคำสั่ง!”
“ทำ…ไม” ซินโย่วถามทีละคำ
นางกำลังถามแทนท่านแม่นาง และเป็นคำถามที่นางคิดถามมาตลอด
“ข้าไม่รู้!” สองมือบีบลำคอแน่น ทำให้ฉางเหลียงสมองว่างเปล่า คิดจะหลบ แต่กลับขยับตัวไม่ได้
ยามนี้เขารู้สึกได้ถึงภัยแห่งความตาย จึงส่งเสียงร้องขอชีวิตด้วยสัญชาตญาณ “เจ้าจะแก้แค้น ก็ไปหาคนอื่นสิ คนลงมือตั้งมากมาย เหตุใดมาหาข้า ข้าไม่รู้อันใดทั้งนั้น เจ้าเป็นใคร…”
“หา… ผู้ใด… ข้าควร… ไปหา… ผู้ใด…” ท่ามกลางแสงสลัว น้ำตาเป็นสายเลือดไหลรินจากหางตา ‘ผีสาว’ มาถึงข้างแก้ม เอ่ยคำหยุดคำ เย็นเยียบวังเวง
“ไปหาท่านอาข้าสิ ท่านอาข้าพาข้าไป!” พอหลุดคำนี้ออกมา ฉางเหลียงก็รีบแก้ตัว “ไม่ ไม่ ไม่ อย่าไปหาท่านอาข้า เจ้าไปหาท่านป๋อ ต้องเป็นเขาออกคำสั่งเป็นแน่ ท่านอาข้าฟังคำสั่งเขา! เจ้าไปหาเขา…”
มือที่บีบลำคอเขานิ่งแน่นขึ้น ขณะที่หายใจไม่ออก ฉางเหลียงก็เอ่ยออกมารวดเร็ว
เหตุใดออกแรงไม่ได้ เหตุใดร่างกายหนักอึ้งเพียงนี้
เขาถูกผีร้ายเอาชีวิตไปแล้วหรือ
ขณะฉางเหลียงคิดอย่างสับสน มือเย็นเยียบก็วางลงบนเปลือกตาเขา
เปลือกตาทนไม่ไหวอีกต่อไป ค่อยๆ ปิดลงสนิท
เริ่มแรกเขายังดิ้นรนสีหน้าบิดเบี้ยว คล้ายว่ากำลังต่อสู้กับเรื่องใดอยู่ ไม่นานเสียงกรนก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ซินโย่วถอยออกมาสองก้าวก่อนจะลุกขึ้นยืน
ท่ามกลางแสงไฟสลัว สาดส่องเงาร่างนางไปบนหน้าต่าง เงาเลือนรางวูบไหวดังภูตผีร้าย
ซินโย่วดึงกระจกใหญ่เท่าฝ่ามือออกมาอีกครั้ง มองไปยังคนบนกระจก
ใบหน้านี้ผ่านการปรับแต่งมา คล้ายกับมารดานางเจ็ดแปดส่วน หากฉางเหลียงเป็นหนึ่งในคนลงมือ หากเป็นเป้าหมายของพวกเขา ย่อมต้องจำเค้าโครงใบหน้านี้ได้
คล้ายเจ็ดแปดส่วน ในสถานการณ์ตั้งใจปรุงแต่งขึ้นมานี้ เพียงพอจะทำให้เขาคิดว่าผีร้ายหมายเอาชีวิตเขาแล้ว
ซินโย่วจ้องมองฉางเหลียงที่กรนดังดุจเสียงฟ้าผ่า ก็เม้มปากแน่น
ครั้งนี้ไม่ได้เข้าใจผิด
คนออกคำสั่งสังหารมารดานางก็คือกู้ชางป๋ออย่างไม่ต้องสงสัย
ซินโย่วพยายามระงับรังสีสังหารที่เปล่งประกายขึ้นมา หันไปจัดการกำจัดร่องรอยต่างๆ ที่แสดงให้เห็นว่านางมา
หนทางวันหน้ายังอีกยาวไกล นางไม่อาจสังหารฉางเหลียงตอนนี้ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น
จัดการเรียบร้อยแล้ว ซินโย่วก็จ้องมองฉางเหลียงลุ่มลึก ก่อนจะออกจากห้องไปอย่างเงียบกริบ กระโดดข้ามกำแพงออกไป
ค่ำคืนดึกสงัดแล้ว ท้องฟ้าไม่เห็นดวงดาว มีเพียงเมฆดำลอยเคลื่อนไปอย่างช้าๆ
ลมพัดแรงขึ้นมา พัดเอาร่างกายคนหนาวเหน็บไปถึงกระดูก มีเสียงตีฆ้องบอกเวลาดังแว่วมา
ซินโย่วหดตัวอยู่ในเสื้อคลุมกันลม เดินตรงไปร้านหนังสือชิงซง
“ผู้ใด?” เจ้าหน้าที่ทางการพกดาบกลุ่มหนึ่งเดินผ่านมาตรงหน้า มีคนหรี่ตามองซินโย่วใต้เสื้อคลุมกันลมสีดำ พร้อมเสียงตวาดดังขึ้น
ซินโย่วแอบอุทานว่าแย่แล้ว ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในตรอกหนึ่ง
ตอนที่เหลือบมองเมื่อครู่ เจ้าหน้าที่ทางการคล้ายว่าเป็นกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน ดึกเช่นนี้แล้วยังมาพบเข้าโดยบังเอิญได้อีก คาดเดาว่าน่าจะบังเอิญพบกับพวกเขาขณะออกจับกุมคนร้ายเข้าแล้ว
ดีที่ซินโย่วคุ้นเคยกับที่นี่มาก เลี้ยวไปหลายเลี้ยวแล้วก็กระโดดข้ามกำแพงบ้านหลังหนึ่ง บ้านที่นางซื้อไว้
บ้านหลังนี้ใส่กุญแจไว้ด้านนอก ซินโย่วไม่กล้าจุดไฟ ในใจรู้สึกเต้นแรงอย่างไร้สาเหตุ คิดว่าควรปลอดภัยไว้ก่อน รีบลบเครื่องแต่งหน้าออก กลับคืนสู่สภาพหน้าตาดังเดิม
พอจัดการเรียบร้อย ซินโย่วคิดแล้วก็ตัดสินใจว่าคืนนี้จะนอนที่นี่ ผู้ใดจะรู้ว่าไม่นานด้านนอกก็มีเสียงเอะอะดังแว่วเข้ามา
ประตูบ้านข้างๆ ถูกเรียกให้เปิด ซินโย่วแนบหูฟัง กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินกลุ่มนั้นคล้ายว่าตรวจสอบบ้านข้างๆ เรียบร้อยแล้ว หันมาเห็นบ้านที่ใส่กุญแจไว้
“บ้านหลังนี้ผู้ใดอยู่”
ไม่นานก็มีคนตอบอย่างขลาดกลัวว่า “เดิมเป็นบ้านเช่าต่อมาย้ายไปกันแล้ว คล้ายว่าใส่กุญแจไว้ตลอด…”
“พังออก!”
ได้ยินคำนี้ ซินโย่วก็รีบหลบซ่อนทันที