สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 156 ผีอำ
ตอนที่ 156 ผีอำ
ฉางเหลียงคิดว่าเรื่องทั้งหมดเมื่อคืนคือฝันร้าย เช้ามาก็ไปอาบน้ำขจัดความอัปมงคลทิ้ง แล้วก็ไปเข้าเวรที่จวนกู้ชางป๋อ
จวนกู้ชางป๋อมีคนยุ่งกับงาน และก็มีว่างงาน ไม่ต่างอันใดกับวันปกติ
ไต้เจ๋อนอนหลับถึงตะวันสายโด่ง บ้วนปากกินข้าวแล้วก็ลากชุนฮวาไก่ตัวผู้ออกไปเดินเล่น พอเห็นฉางเหลียงขอบตาดำคล้ำ
สำหรับไต้เจ๋อแล้ว เดิมฉางเหลียงเป็นเพียงผู้คุ้มกันธรรมดาคนหนึ่งในบรรดาผู้คุ้มกันมากมายในจวนป๋อ แต่หลังมีเหตุวนรอบต้นไหวสามรอบ เขาก็มีความทรงจำเกี่ยวกับผู้คุ้มกันผู้นี้มากขึ้น
“มานี่” ไต้เจ๋อกวักมือเรียกด้วยท่าทีเกียจคร้าน
ฉางเหลียงคิดไม่ถึง สบตากับเพื่อนผู้คุ้มกันก่อนรีบก้าวเข้าไปหา
“ซื่อจื่อ ท่านมีเรื่องใดสั่งการหรือขอรับ”
“เมื่อคืนวานนี้เจ้านอนไม่หลับหรือ”
ฉางเหลียงนิ่งอึ้งไปทันที
ไต้เจ๋อชี้ไปที่ใต้ตาเขา “เจ้าขอบตาดำน่าตกใจมาก เจ้ารู้ไหม”
กว่าจะขจัดกลิ่นอายชั่วร้ายทิ้งได้ เขาทนดูไม่ได้!
“เอ่อ…” ฉางเหลียงไม่คิดว่าซื่อจื่อจะตั้งใจเรียกเขามาเพราะเรื่องนี้ มุมปากกระตุกรวดเร็วทีหนึ่ง ยิ้มขื่นเอ่ยขึ้นว่า “ซื่อจื่อช่างสายตาแหลมคม เมื่อคืนข้าน้อยนอนหลับไม่สนิท”
“ทำไมหรือ” ไต้เจ๋อถามไปอย่างนั้น
ฉางเหลียงลังเลเล็กน้อย
ไต้เจ๋อแค่นเสียงเยียบเย็น “รีรออันใด ข้าถามเจ้าอยู่นะ!”
ฉางเหลียงเผยสีหน้าเก้อเขิน “ข้าน้อยนอนไม่ค่อยหลับ เพราะเมื่อคืนโดนผีอำบนเตียง”
“ผีอำ?” ไต้เจ๋อแววตาส่องประกาย ทั้งกลัวทั้งอยากรู้ “รีบเล่ามา!”
ฉางเหลียงย่อมไม่เผยเรื่องที่ตนรับคำสั่งไปสังหารคน แต่เล่าเพียงฝันเห็นผีสาว ในฝันเขาขยับตัวไม่ได้
ไต้เจ๋อได้ยินก็ตั้งใจฟังเป็นพิเศษ ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
ฉางเหลียง “…”
“แล้วเจ้าก็มาเข้าเวรทั้งอย่างนี้หรือ”
ฉางเหลียงได้ยินคำถามของไต้เจ๋อ ก็พลันไม่รู้ควรตอบเช่นไร ถ้าไม่เช่นนั้นเล่า จะขอลาหยุดเพราะฝันร้ายได้ด้วยหรือ
“เจ้าต้องขจัดกลิ่นอายชั่วร้ายก่อนนะ” ไต้เจ๋อยกมือตบไหล่ฉางเหลียง แต่พอแตะโดนก็รีบชักกลับ
“ขจัดกลิ่นอายชั่วร้าย?” ฉางเหลียงนิ่งอึ้งไปทันที
“เอาละๆ วันนี้เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้…ไม่สิ อีกสามวันค่อยมาทำงาน”
อีกสามวัน กลิ่นอายชั่วร้ายก็คงสลายไปแล้วกระมัง
ฉางเหลียงเดินงงงวยกลับไปหาสหายร่วมงาน “น้องชาย เจ้าหยิกข้าทีหนึ่ง…โอว!”
“อา หยิกแรงไปแล้วนะ”
“ไม่ใช่ความฝัน” ฉางเหลียงเจ็บจนร้องซี๊ด ในใจกลับดีขึ้นมาก “ซื่อจื่อให้ข้าพักสามวัน ไว้เจ้าบอกหัวหน้าให้ข้าด้วย ข้าไปละ”
“เอ๋…” เห็นฉางเหลียงวิ่งไป ผู้คุ้มกันที่เหลือต่างมองด้วยสายตาอิจฉา
เจ้าฉางเหลียงนี่ไม่รู้ไปสนิทสนมกับซื่อจื่อได้อย่างไร โชคดีบรรลัย
ไต้เจ๋อไม่ได้มีกะจิตกะใจจะจูงไก่ตัวผู้เดินเล่นอีก รีบร้อนออกจากจวนตรงไปร้านหนังสือชิงซง
“คุณชายไต้” หลิวโจวเข้ามาต้อนรับ
“เจ้าของร้านพวกเจ้าล่ะ”
“เจ้าของร้านยังไม่ออกมาขอรับ”
“เช่นนั้นเจ้าก็เข้าไปรายงาน บอกว่าข้ามีธุระด่วนมาขอพบนาง” ไต้เจ๋อยิ้มกว้างเดินไปนั่งลงข้างโต๊ะเก็บเงิน
หลิวโจวส่งเสียงเรียกสือโถว สือโถวรีบวิ่งเหยาะๆ ไปเรือนตะวันออก
วันนี้ซินโย่วเองก็ตื่นสาย รู้สึกยังไม่ค่อยประปรี้กระเปร่าดี กำลังกินข้าวต้มหวานที่ฟางหมัวมัวลงครัวตุ๋นมาให้นางเป็นพิเศษอยู่
ได้ยินว่าซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อมา ช้อนสีขาวดุจหิมะก็กระทบชามกระเบื้องสีขาว ซินโย่วบ้วนปากล้างมือ สวมเสื้อคลุมตัวนอกเดินออกไปด้านหน้า
“คุณหนูโค่ว!” พอเห็นซินโย่วเดินมา ไต้เจ๋อก็ส่งเสียงเรียกอย่างดีใจ
ยามนี้มีคนสองสามคนกำลังซื้อหนังสืออยู่ ได้ยินเสียงทักทายก็พากันหันมามอง
ผู้ดูแลร้านหูอดมีสีหน้าเคร่งเครียดไม่ได้
คุณชายเสเพลผู้นี้มีธรรมเนียมหรือไม่ ใกล้จะหมั้นหมายแล้ว ยังแสดงท่าทีกระตือรือร้นต่อเจ้าของร้านเช่นนี้อีก นี่คิดจะทำลายชื่อเสียงเจ้าของร้านของพวกเขาหรือ!
หันไปมองซินโย่ว พาไต้เจ๋อไปนั่งในห้องรับรองด้วยสีหน้านิ่งสงบ ไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่มองมาแม้แต่น้อย
ผู้ดูแลร้านหูพยักหน้า
เจ้าของร้านเกิดมาเพื่อทำการค้าเสียจริง สุขุมนุ่มลึก!
ความจริงซินโย่วก็ไม่ได้รู้สึกสบายใจไร้กังวลดังภาพที่แสดงออก
หลังจากแน่ใจว่าจวนกู้ชางป๋อเกี่ยวข้องกับการตายของมารดา ยามได้พบกับซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋ออีกครั้ง ในใจก็ไม่เหมือนเดิมอย่างสิ้นเชิง
นางจะต้องตั้งสติอย่างแรงกล้า จึงจะระงับไม่ให้เผยกลิ่นอายสังหารออกไปได้
ไต้เจ๋อเป็นทายาทเพียงคนเดียวของกู้ชางป๋อ หากเขาเกิดเรื่อง ย่อมกระทบกระเทือนจิตใจกู้ชางป๋อขั้นรุนแรงอย่างแน่นอน
ยามเผชิญหน้ากับสิ่งล่อลวงใจนี้ ก็ยากจะไม่รู้สึกหวั่นไหว
แต่สติสัมปชัญญะบังคับไม่ให้นางทำเช่นนี้
กู้ชางป๋อลงมือกับมารดานางเพื่อพระสนมซูเฟยกับชิ่งอ๋อง การสังหารไต้เจ๋อดับอนาคตจวนกู้ชางป๋อ ส่งผลต่อพระสนมซูเฟยและชิ่งอ๋องไม่มาก สองแม่ลูกคู่นี้ถึงจะควรเป็นผู้ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการตายองมารดานาง
ส่วนไต้เจ๋อ นางไม่จำเป็นต้องลงมือกับเขา หากแก้แค้นราบรื่น ในฐานะหนึ่งในสมาชิกจวนกู้ชางป๋อ เขาย่อมต้องได้รับการลงโทษที่สาสมอย่างแน่นอน
ซินโย่วเผยรอยยิ้มละไมให้ไต้เจ๋อ “คุณชายไต้มาหาข้าด้วยเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”
“คุณหนูโค่วจำฉางเหลียงผู้นั้นได้กระมัง”
ซินโย่วแววตาวูบไหว พยักหน้าตอบรับ “จำได้เจ้าค่ะ”
เมื่อคืนวานนี้นางรอบคอบอย่างมาก น่าจะไม่ทิ้งร่องรอยอันใดไว้ หรือว่ามีจุดไหนสะเพร่าไป ไม่เช่นนั้นเหตุใดเมื่อคืนเพิ่งลงมือ วันนี้ไต้เจ๋อก็รีบมาเอ่ยถึงฉางเหลียง
ไต้เจ๋อกวาดตามอง หรี่เสียงให้เบาลงทำท่าทางลึกลับ “เมื่อคืนวานนี้เขาถูกผีอำ”
สายตาซินโย่วมองไต้เจ๋อประหลาดอยู่บ้าง กล่าวตามตรง นางมักอดสงสัยไม่ได้ว่าไต้เจ๋อคือสายลับที่นางส่งไปแทรกซึมในจวนกู้ชางป๋อ
“คุณหนูโค่วมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน” ไต้เจ๋อตกใจ “หรือว่าข้าถูกกลิ่นอายชั่วร้ายหมอนั่นแปดเปื้อนอีกแล้ว”
ควรจัดการปลิดชีวิตเจ้าตัวเคราะห์ร้ายนั่นทิ้งเสียจริง!
“มิใช่” ซินโย่วแอบจิกเล็บลงในฝ่ามือ
จิตใต้สำนึกนางสั่งให้นางควรสุขุมนิ่งให้มาก แม้ตอนใต้เท้าเฮ่อพบสถานะนาง ก็ไม่ได้เกือบระงับอารมณ์ไม่ได้ดังเช่นตอนนี้
“แล้ว…” ไต้เจ๋อเบิกตาโพลงพลันคิดขึ้นมาทันที
ไม่ใช่เขามีปัญหานะ หรือว่าคุณหนูโค่วมีใจต่อเขา
เช่นนี้ไม่ได้นะ!
“แค็ก แค็ก” ไต้เจ๋อนั่งหลังตรงแหน็ว สีหน้าจริงจัง “ข้ามีธุระจึงได้มาพบคุณหนูโค่ว อืม ข้าหมั้นหมายกับพี่สาวผู้พี่คุณหนูโค่วแล้ว…”
ซินโย่ว “…”
แม้ว่าคุณเสเพลผู้นี้พูดจาไม่ได้สอดรับกับวาจาก่อนหน้า แต่นางถึงกับเข้าใจความหมายของเขาได้อย่างน่าประหลาด
ซินโย่วแอบสูดลมหายใจเข้าก่อนจะถามขึ้นเบาๆ ว่า “คุณชายไต้บอกว่าคุยเรื่องธุระ ไม่ทราบว่าคือเรื่องใดเจ้าคะ”
“ข้าอยากถามคุณหนูโค่วว่าผีอำต้องขจัดกลิ่นอายชั่วร้ายหรือไม่ จะส่งผลกระทบต่อผู้อื่นหรือไม่”
“ฉางเหลียงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ พลังหยางแข็งแกร่งเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องทำอันใดเป็นพิเศษ”
“แล้วข้าล่ะ” ไต้เจ๋อรีบถาม
ซินโย่วมองเขาลุ่มลึก ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “คุณชายไต้ถอยห่างจากเขาหน่อยก็พอ”
ไต้เจ๋อผ่อนคลายกลับไปอย่างสบายใจ
ซินโย่วยืนอยู่หน้าประตูร้านหนังสือมองไต้เจ๋อเดินไปไกล
ผีอำ…
ฉางเหลียงคิดเช่นนี้ นางก็วางใจได้แล้ว
“ผู้ดูแลร้าน” ซินโย่วน้ำเสียงผ่อนคลาย
“ท่านเจ้าของร้านมีเรื่องอันใดหรือขอรับ”
“ตอนบ่ายไม่ยุ่งกระมัง”
ผู้ดูแลร้านหูยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ท่านเจ้าของร้านมีธุระก็สั่งการมาได้ ร้านหนังสือตอนนี้ไม่ได้มีงานมากมายอันใด”
พอ “บันทึกตะวันตก” เล่มหนึ่งออกวางขาย เกรงว่าคงต้องยุ่งกันจนไม่มีเวลาหยุดพัก
“ตอนบ่ายท่านกับหลิวโจวออกไปกับข้าหน่อย”
ผู้ดูแลร้านหูระงับอาการได้ ไม่ได้ถามว่าไปทำอันใด หลิวโจวอยากรู้ถามออกไปคำหนึ่ง
“ไปดูร้านค้าอื่นของข้า”
ร้านอื่น?
ผู้ดูแลร้านหูสบตากับหลิวโจว รับรู้ถึงอันตรายขึ้นมาทันที
เจ้าของร้านถึงกับมีผู้ดูแลร้านอื่น (คนงานอื่น)!