สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 157 ล้วนเป็นกิจการของคุณหนู
ตอนที่ 157 ล้วนเป็นกิจการของคุณหนู
ผู้ดูแลร้านหูกับหลิวโจวไม่คิดว่านอกจากพวกเขา เจ้าของร้านยังพาฟางหมัวมัวกับเสี่ยวเหลียนไปด้วย
“จะต้องนั่งรถหรือ”
รถม้าสองคันจอดอยู่ริมทางทำให้หลิวโจวยิ่งตกใจ ดูท่าร้านค้าของเจ้าของร้านไกลมากจริงๆ
เสี่ยวเหลียนขำพรืดกล่าวว่า “ย่อมต้องนั่งสิ”
ร้านค้าสิบกว่าร้าน หากไม่นั่งรถม้า ไม่วิ่งจนขาหักหรือ
เสี่ยวเหลียนกับฟางหมัวมัวเข้าไปนั่งรถม้าคันหน้ากับซินโย่ว ผู้ดูแลร้านหูกับหลิวโจวไปนั่งอีกคัน
“ท่านผู้ดูแลร้าน ท่านเดาว่าร้านค้าของเจ้าของร้านขายอันใด”
ผู้ดูแลร้านหูส่ายหน้า “เดาไม่ออก”
“ลองเดาดูน่า อย่างไรก็ว่างๆ อยู่”
หลิวโจวพูดได้ไม่นาน รถม้าก็หยุดลง
“รถม้าเสียหรือ” หลิวโจวเลิกม่านรถขึ้นชะโงกหน้าออกไปมองก็เห็นเสี่ยวเหลียนลงมาจากรถม้าคันหน้าแล้ว
เสี่ยวเหลียนเห็นหลิวโจวชะโงกหน้าออกมา ก็ถามขึ้นอย่างงุนงงว่า “ถึงแล้ว ยังมัวทำอันใดอยู่อีก”
“ถะ ถึงแล้ว?” หลิวโจวปล่อยม่านลง มองไปทางผู้ดูแลร้านหู “ผู้ดูแลร้าน หรือว่าข้าหลับไปตื่นหนึ่งตอนข้าไม่รู้ตัว”
ผู้ดูแลร้านหูไม่ได้สนใจตอบคนงานที่เอ่ยวาจาเหลวไหล พอลงจากรถม้าก็รีบเดินไปหาซินโย่ว
“ท่านเจ้าของร้าน ร้านไหนหรือขอรับ”
ใกล้กับร้านหนังสืออยู่ไม่น้อย ซินโย่วพยักเพยิดเชิดหน้าชี้ไปพลางยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ร้านอาหารร้านนี้”
ผู้ดูแลร้านหูจ้องมองแล้วหนังหน้าก็กระตุกรุนแรง
ถึงกับเป็นร้านนี้!
หลิวโจวเบิกตากว้าง “ข้าก็ว่าเหตุใดร้านอาหารร้านนี้ยังไม่ปิด ที่แท้เป็นของท่านเจ้าของร้าน!”
“พวกเจ้าเคยมาร้านอาหารร้านนี้?”
ผู้ดูแลร้านหูกับหลิวโจวตอบพร้อมกัน “มิกล้า มิกล้า”
พวกเขาเคยเห็นลูกค้าทะเลาะกับร้านเพราะอาหารกินไม่ได้
หลายคนหยุดอยู่ตรงนี้กันนานพอสมควร คนงานร้านอาหารรำคาญเอ่ยว่า “หากไม่มาดื่มสุรา ก็รบกวนหลีกทางด้วย!”
หลิวโจวโมโห “เจ้าคนงานคนนี้ เหตุใดไล่ลูกค้า ท่าทีของเจ้าเช่นนี้จะมีคนมากินอาหารหรือ ร้านอาหารคงต้องขาดทุนแล้วไหม”
คนที่ขาดทุนก็คือเจ้าของร้านพวกเขา!
คนงานค้อนใส่ทีหนึ่ง “เกี่ยวอันใดกับเจ้า”
“เจ้า…” หลิวโจวพับแขนเสื้อ
ซินโย่วเดินเข้าไปด้านใน คนงานเอ่ยอีกว่า “โปรดหยุดก่อน เลยเวลาอาหารของร้านเราแล้ว”
เสี่ยวเหลียนสีหน้าเคร่งเครียด “คุณหนูเราไม่ใช่ลูกค้า แต่เป็นเจ้าของร้านพวกเจ้า!”
ขณะที่พูดคุยกัน ทั้งหมดก็เดินเข้าไป ผู้ดูแลร้านที่กำลังสัปหงกก็ลุกขึ้นได้ยินคำพูดเสี่ยวเหลียนก็มองประเมินซินโย่ว
เขาพอจำคุณหนูผู้นี้ได้ หลายวันก่อนเคยมากินอาหารที่ร้านอาหารพวกเขา
“ข้าคือคุณหนูนอกโค่วชิงชิงจวนรองเจ้ากรม” ซินโย่วไม่ได้คิดปิดบังตัวตน แต่เอ่ยกับผู้ดูแลร้านอาหารตรงไปตรงมา
ผู้ดูแลร้านนิ่งอึ้งไปทันที
ซินโย่วเลิกคิ้ว “ทำไมหรือ ท่านลุงข้าไม่ได้บอกเจ้าหรือ วันหน้าข้าเป็นคนดูแลร้านนี้แล้ว”
รองเจ้ากรมต้วนยังไม่ได้บอกจริงๆ ในความคิดเขา ร้านมอบให้หลานสาว นางย่อมไม่มีทางมีความรู้และกำลังคนมากมายมาจัดการ ไม่แน่รอปลายปีก่อนคิดบัญชี เขาก็จะยึดร้านกลับคืนไป จึงไม่จำเป็นต้องบอกกล่าว
“แม่นม…” ซินโย่วส่งเสียงเรียก
ฟางหมัวมัวล้วงแขนเสื้อ หยิบสัญญากรรมสิทธิ์ออกมาใบหนึ่ง ให้ดูทีหนึ่งแล้วก็เก็บกลับไป
หยิบผิด
นางหยิบออกมาเทียบดูอีกใบ ก่อนมองไปทางซินโย่ว
“ให้ผู้ดูแลร้านดูสัญญากรรมสิทธิ์”
ผู้ดูแลร้านหูสบตากับหลิวโจว แอบงุนงงว่าฟางหมัวมัวพกสัญญากรรมสิทธิ์ร้านหนังสือมาด้วย?
ผู้ดูแลร้านอาหารได้เห็นสัญญากรรมสิทธิ์แล้วก็เปลี่ยนท่าทีแข็งขันขึ้นมา “ที่แท้เป็นเจ้าของร้านคนใหม่ ข้าน้อยเสียมารยาทแล้ว”
“ผู้ดูแลร้านเข้าใจผิดแล้ว ข้ามิใช่เจ้าของร้านคนใหม่” เผชิญกับสายตาอยากรู้ของหลายคน น้ำเสียงซินโย่วราบเรียบ “เดิมร้านนี้ก็เป็นร้านที่บิดามารดาทิ้งไว้ให้ข้า ก่อนหน้านี้ข้าอายุยังน้อย จึงขอให้ตระกูลยายข้าช่วยดูแลไปก่อน พอข้าออกเรือนก็จะรับช่วงต่อมาดูแล ท่านยายและท่านลุงรักข้า เห็นข้าดูแลร้านหนังสือได้รุ่งเรืองดี จึงได้มอบให้ข้าก่อนกำหนด”
ผู้ดูแลร้านอาหารสีหน้าตกใจ
ร้านอาหารนี้ถึงกับเป็นของคุณหนูนอก!
ผู้ดูแลร้านหูกับหลิวโจวหายข้องใจแล้ว มิน่าเจ้าของร้านนำสัญญากรรมสิทธิ์ร้านหนังสือออกมาด้วย เพราะกลัวคนสงสัยสถานะนาง จึงนำมาเป็นหลักฐาน
“ไปตามพ่อครัวพวกเจ้ามาหน่อย”
ไม่นานชายอายุราวสามสิบกว่าผู้หนึ่งก็เดินออกมา
ซินโย่วมองพ่อครัวแล้วก็มองผู้ดูแลร้านอาหาร
“ผู้ดูแลร้านกับพ่อครัวใหญ่ดูคล้ายกัน”
ผู้ดูแลร้านอาหารสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย รีบเอ่ยว่า “นี่คือหลานชายข้าน้อย”
ซินโย่วเองก็ไม่วิจารณ์อันใด เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ไปกันได้แล้ว ไปร้านถัดไป”
ร้านถัดไป? ร้านถัดไปอันใด
ผู้ดูแลร้านหูกับหลิวโจวมองหน้ากันไปมา
เสี่ยวเหลียนได้รับคำสั่งจากซินโย่วมาก่อนหน้าแล้ว ยามนี้ยิ้มละไมเอ่ยว่า “ย่อมต้องเป็นร้านต่อไป ร้านค้าคุณหนูนำกลับคืนมาไม่ได้มีเพียงร้านอาหารร้านนี้”
ผู้ดูแลร้านหูกับหลิวโจวสีหน้าตกใจ
คนงานร้านอาหารรีบตามออกไปหลังเห็นสายตาผู้ดูแลร้านอาหารส่งสัญญาณให้
ทั้งหมดนั่งรถม้าไปไม่ถึงหนึ่งเค่อก็หยุดอีก
เห็นซินโย่วเดินเข้าไปในร้านเครื่องเงินที่ดูอลังการไม่ธรรมดาร้านหนึ่ง หลิวโจวก็กระชากแขนเสื้อผู้ดูแลร้านหูทีหนึ่ง “ผู้ดูแลหู ท่านว่าเจ้าของร้านอยู่ๆ คิดจะซื้อเครื่องประดับใช่หรือไม่”
อย่างไรผู้ดูแลร้านหูก็เป็นคนมีประสบการณ์มามากกว่า บังคับจิตใจให้สงบลงได้ เอ่ยว่า “หากเจ้าของร้านจะเดินเล่น ก็คงไม่พาพวกเรามาด้วย”
“ดังนั้นร้านเครื่องเงินนี่…”
ผู้ดูแลร้านหูพยักหน้า
ทั้งสองคนตามไปด้วยจิตใจสับสนงุนงง คนงานร้านอาหารที่แอบตามมาก็ตกใจเช่นกัน
ต่างจากร้านอาหารที่เงียบเหงา ร้านเครื่องเงินมีสามชั้น ยามนี้มีแขกไม่น้อยกำลังเลือกซื้อเครื่องประดับ
พอเห็นซินโย่วเดินเข้ามาพร้อมคนล้อมหน้าล้อมหลัง ก็มีคนงานแต่งตัวดีเข้ามาต้อนรับ
“คุณหนูท่านนี้ต้องการดูเครื่องประดับใด ร้านเงินมีทอง เงิน หยก ไข่มุก โมรา ปะการัง ทุกสิ่งที่ท่านอยากได้ล้วนมีครบครัน…”
หลิวโจวระวังตัวขึ้นมาทันที
เจ้าเด็กนี่เป็นคู่แข่งเขา!
“ข้ามาดูกิจการร้านเครื่องเงินว่าเป็นอย่างไรบ้าง” ซินโย่วท่าทางสบายๆ
นางไม่ได้ตั้งใจหรี่เสียงให้เบา พลันมีคนหลายคนมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
ผู้ดูแลร้านเครื่องเงินได้ยินก็รู้สึกแปลก เดินเข้ามายิ้มเอ่ยว่า “คุณหนูต้องการสิ่งใด บอกข้าน้อยได้”
ซินโย่วมองฟางหมัวมัวทีหนึ่ง ฟางหมัวมัวรับรู้ได้ทันที หยิบสัญญากรรมสิทธิ์แผ่นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ ดูแล้วว่าไม่ถูกต้อง รีบคหยิบอีกใบออกมา
ผิดอีกแล้ว
ท่ามกลางสายตาของคนหลายคน ฟางหมัวมัวหยิบสัญญากรรมสิทธิ์ออกมาพลิกหาอยู่ปึกหนึ่ง
ผู้ดูแลร้านหู “!”
ร้านเครื่องเงินทุกคน “!!!”
“คุณหนู อยู่นี่เจ้าค่ะ” สุดท้ายฟางหมัวมัวควักออกมาใบหนึ่ง ก่อนเก็บสัญญากรรมสิทธิ์ใบอื่นให้เรียบร้อย
“ให้ผู้ดูแลร้านดูก่อน”
ฟางหมัวมัวแสดงสัญญากรรมสิทธิ์ ผู้ดูแลร้านเครื่องเงินมองซินโย่วด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของลูกค้าดังขึ้น “นี่มันอันใดกัน ร้านซิ่งเป่าโหลวเปลี่ยนเจ้าของร้านแล้วหรือ”
“ไม่น่ากระมัง หากจะเปลี่ยนเจ้าของร้าน เหตุใดผู้ดูแลร้านเหมือนไม่รู้ด้วยสักนิด”
เสี่ยวเหลียนเอ่ยเสียงดังขึ้นแก้ไขความขัดข้องใจของทุกคน “ไม่ได้เปลี่ยนๆ ซิ่งเป่าโหลวเดิมก็เป็นของคุณหนูของเรา เพียงแต่เมื่อก่อนจวนรองเจ้ากรมช่วยคุณหนูเราดูแล นายหญิงผู้เฒ่ากับนายท่านใหญ่รักคุณหนูของเรามาก เห็นว่าคุณหนูดูแลกิจการร้านหนังสือชิงซงได้ดี จึงได้มอบร้านพวกนี้ให้นางจัดการเร็วขึ้นหน่อย…”
น้ำเสียงสาวใช้กังวานก้อง พูดจาคล่องแคล่วฉาดฉาน ไม่นานก็พูดได้กระจ่าง
ดังนั้นตอนทั้งขบวนเดินไปแต่ละร้าน คนที่ตามมามุงดูกันก็ยิ่งมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ…
ไม่ทันถึงวันรุ่งขึ้น ข่าวคุณหนูนอกจวนรองเจ้ากรมครอบครองร้านค้าสิบกว่าร้านก็แพร่ออกไปทั่ว