สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 158 คุณหนูโค่วเป็นที่ต้อนรับ
ตอนที่ 158 คุณหนูโค่วเป็นที่ต้อนรับ
ตามร้านน้ำชาและร้านอาหาร ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์เรื่องซุบซิบร้อนๆ จากเตาเรื่องนี้
“ได้ยินหรือยัง คุณหนูนอกจวนรองเจ้ากรมตระกูลต้วนมีร้านค้าสิบกว่าร้าน!”
“สิบกว่าร้าน? ไม่มั้ง”
“เรื่องนี้จะเท็จได้อีกหรือ เมื่อวานคุณหนูโค่วไปตรวจร้านค้าเหล่านี้ มีหลายคนได้เห็นด้วยตาตนเอง ร้านเครื่องเงินซิ่งเป่าโหลวทางตะวันออกของเมืองหลวง ร้านเสื้อผ้าทางเหนือ ร้านน้ำชาทางใต้…”
ได้ยินคนที่ความจำดีมากเอ่ยนับร้านค้าทั้งหมดที่คุณหนูโค่วถือครอง ผู้คนได้แต่ตกตะลึง
“คุณหนูโค่วถึงกับมีสมบัติติดตัวมากมายเช่นนี้ เกรงว่าคุณหนูเสนาบดีก็คงร่ำรวยไม่เท่านางกระมัง”
หากได้แต่งคุณหนูโค่วเข้าตระกูล สามรุ่นอายุคนก็ไม่ต้องกังวลชีวิตความเป็นอยู่แล้ว!
พอข่าวที่แพร่สะพัดออกไป ความคิดเหล่านี้ก็ผุดขึ้นในใจของผู้คนมากมายนับไม่ถ้วน
นายหญิงผู้เฒ่าได้ยินพ่อบ้านที่ออกไปซื้อของนำข่าวนี้มารายงานแล้วก็มีสีหน้าดำคล้ำขึ้นมาทันที ส่งคนไปร้านหนังสือชิงซงตามตัวซินโย่ว
วันนี้กิจการร้านหนังสือพลันดีพุ่งทะยานขึ้นมา
เมื่อวานหลิวโจวนั่งรถม้าจนเจ็บก้น ถือโอกาสยามว่างตอนนี้บ่นกับผู้ดูแลร้านหูอย่างหมดแรง “ยังคิดว่าวันนี้จะได้พักดีๆ สักวัน เหตุใดมีคนมากันมากมายเพียงนี้”
ร้านหนังสือชิงซงมีชื่อเสียงในเมืองหลวง ร้านหนังสือตรงข้ามปิดกิจการไปแล้ว ปกติการค้าก็ไม่เลว แต่ไม่อาจเทียบได้กับหลายวันก่อนตอนวางขายนิยายที่ได้รับการตอบรับล้นหลาม แต่ก็นับได้ว่ามั่นคงไม่เลว วันนี้อยู่ๆ มีคนมากันมากมาย
ผู้ดูแลร้านหูเป็นคนฉลาด มองสองสามทีก็เอ่ยว่า “เกรงว่าคงเพราะได้ยินว่าเจ้าของร้านมีร้านค้ามากมาย มาแอบดูสักหน่อยกระมัง”
ไม่เพียงเท่านี้ แต่ยังน่าจะคิดให้เจ้าของร้านสนใจ ฝันหวานว่าจะได้แต่งภูเขาทองคำนี้กลับเรือน
ผู้ดูแลร้านหูคิดถึงความคิดคนพวกนี้ก็รู้สึกโมโห เหตุใดจึงมีความคิดพวกนี้กับเจ้าของร้านพวกเขา ปล่อยให้เจ้าของร้านทำการค้าไปดีๆ ไม่ได้หรือ!
บ่าวจากจวนรองเจ้ากรมที่มาเชิญซินโย่วก็เบียดตัวมาอยู่ตรงหน้าผู้ดูแลร้านหู
“ข้ามาจากจวนรองเจ้ากรม รับคำสั่งนายหญิงผู้เฒ่ามาเชิญคุณหนูนอกกลับไปจวนสักครั้ง”
ไม่นาน ซินโย่วก็ได้รับรายงาน รีบออกจากเรือนตะวันออก นั่งรถม้ากลับจวนรองเจ้ากรม
พอเข้าประตูเรือนหรูอี้ถัง ซินโย่วคำนับนอบน้อม “ท่านยาย”
นายหญิงผู้เฒ่ามีความไม่พอใจอัดแน่น แต่สีหน้าไม่ได้แสดงออก ยิ้มเรียกให้นางมานั่ง
“ชิงชิง ข่าวลือข้างนอกพวกนั้นเป็นมาอย่างไรกัน”
ปีก่อนหลานสาวแทบไม่เคยได้ออกนอกบ้าน ผู้คนไม่ทันสังเกตว่าจวนรองเจ้ากรมมีคุณหนูนอกผู้หนึ่ง ปีนี้หลานสาวคนนี้เอาเรื่องไม่น้อย แต่สถานะเด็กกำพร้าก็ยากจะเข้าตาบรรดาคนตระกูลใหญ่
แต่ตอนนี้กลับมิใช่แล้ว คุณหนูอายุน้อยครองร้านค้าสิบกว่าร้าน แม้บิดาจากไปด้วยอุบัติเหตุ แต่ก็มีตำแหน่งถึงระดับเจ้าเมืองผ่านการสอบเคอจวี่คัดเลือกขุนนางมาแท้จริง ชาติกำเนิดมิได้ด้อย การได้แต่งสะใภ้เช่นนี้เข้าเรือน แม้ตระกูลภรรยาไม่อาจส่งเสริมให้ความช่วยเหลือได้ แต่ทรัพย์สมบัติติดตัวก็เป็นตัวส่งเสริมช่วยเหลือได้ดีที่สุด และการที่ไม่มีตระกูลมารดาให้การหนุนหลัง สำหรับบางตระกูลแล้วก็นับว่าเป็นเรื่องดี
นายหญิงผู้เฒ่าพอจะนึกภาพออกว่า วันหน้าคนที่คิดหมายปองหลานสาวจะมากขึ้นมาก นางมีความคิดจะรั้งให้หลานสาวอยู่จวนรองเจ้ากรมต่อไป สำหรับนางแล้วย่อมร้อนใจยิ่ง
“ข่าวลือ? ข่าวลืออันใดหรือเจ้าคะ”
สาวน้อยสีหน้างุนงงทำให้นายหญิงผู้เฒ่าสะอึกในใจ ข่มโทสะเอ่ยว่า “ข้างนอกรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าดูแลกิจการร้านค้าสิบกว่าร้านนั้น”
ซินโย่วยิ้มกล่าวว่า “ท่านยาย ที่แท้ถามเรื่องนี้ ท่านยายก็รู้ ข้ามีคนใช้งานได้ไม่กี่คน ข้าเห็นผู้ดูแลร้านหนังสือเป็นคนซื่อสัตย์ไว้ใจได้ จึงพาเขาไปทำความเข้าใจร้านค้าเหล่านั้นสักหน่อย จะได้ให้เขาช่วยข้าแบ่งเบาภาระได้บ้าง ไม่คิดว่ามีคนอยากรู้อยากเห็นมากมายเช่นนี้ ยังเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกใหม่น่าสนใจอีกด้วย”
เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว คนว่างงานกันก็มาก ข่าวซุบซิบย่อมแพร่กระจายออกไปรวดเร็ว
นายหญิงผู้เฒ่าขมวดคิ้ว “สมบัติล่อลวงใจคน ข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ไม่เป็นผลดีต่อเจ้า”
ซินโย่วเม้มปากทำท่าทางว่านอนสอนง่าย “จะไม่เป็นผลดีได้อย่างไร ผู้คนต่างชมเชยท่านยายกับท่านลุงว่ารักข้า จวนรองเจ้ากรมทรงคุณธรรม ชิงชิงได้สมบัติกลับคืน จวนรองเจ้ากรมได้ชื่อเสียง ข้ารู้สึกว่าไม่เลว หรือท่านยายไม่คิดเช่นนี้”
นายหญิงผู้เฒ่าพลันไม่รู้ควรตอบอย่างไร เอ่ยว่า “ยายเป็นห่วงว่ามีคนคิดการไม่ดีต่อเจ้า”
ซินโย่วยิ้มละไมกล่าวว่า “ท่านยายวางใจ หลายวันก่อนร้านหนังสือจ้างผู้คุ้มกันมาเพิ่ม ใต้เท้าเฮ่อแห่งกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินก็ให้การดูแลข้ามาก ผู้อื่นคิดการไม่ซื่อต่อข้า ก็มิใช่เรื่องง่าย”
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินอีกแล้ว!
นายหญิงผู้เฒ่าในใจโมโหมาก แต่ไม่แสดงออก ทว่ามีเรื่องหนึ่งที่ต้องยอมรับ หากข่าวนี้แพร่ออกไป ก็เป็นดังหลานสาวว่า คนไม่น้อยจะเริ่มชมเชยคุณธรรมจวนรองเจ้ากรม
“เช่นนั้นเจ้าก็ต้องระวังตนเองหน่อย แม้ว่าไม่ต้องกังวลความปลอดภัย แต่ก็ต้องระวังคนมีจิตคิดไม่ซื่อเข้ามาใกล้ชิด…”
ซินโย่วฟังจบ ก็พยักหน้าคล้อยตาม “ขอบคุณท่านยายที่เตือน ชิงชิงทราบแล้วเจ้าค่ะ”
ตอนนี้นายหญิงผู้เฒ่าไม่เชื่อใจท่าทางว่านอนสอนง่ายของหลานสาวอีกแล้ว อย่างไรก็ยังจดจำภาพทวงเงินก่อนหน้านี้ได้อย่างแม่นยำ
นายหญิงผู้เฒ่าเผยรอยยิ้มเมตตา “เจ้าฟังเข้าใจก็ดี”
พอซินโย่วกลับไป นายหญิงผู้เฒ่าก็เรียกบ่าวคนสนิทมาถามเรื่องร้านหนังสือชิงซง
“คุณหนูนอกเก่งกาจแท้ ร้านหนังสือคนแน่นขนัด เกือบเหยียบรองเท้าบ่าวหลุด…” บ่าวหญิงไม่รู้ว่าคุณหนูนอกได้แตกหักกับนายท่านใหญ่ตนเอง ยามนี้พูดไม่หยุด
นายหญิงผู้เฒ่าได้ยินก็ทั้งชื่นชมและกังวล
ชื่นชมที่หลานสาวดูแลกิจการร้านหนังสือได้ดีเพียงนี้ ความสามารถในการจัดการกิจการจวนก็ย่อมไม่เลว ที่กังวลก็คือหากไม่อาจรั้งนางให้เป็นคนตระกูลต้วนได้ ย่อมเสียหายหนักมาก
นายหญิงผู้เฒ่าส่งบ่าวคนสนิทไปสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนถ่ายทอดคำสั่งกับต้วนอวิ๋นหลาง
ต้วนอวิ๋นหลางได้รับแจ้งก็วิ่งที่ประตูใหญ่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน
“อวิ๋นหมัวมัว ที่จวนเกิดเรื่องอันใดหรือ”
บ่าวคนสนิทนามว่าหงอวิ๋น ทุกคนในจวนรองเจ้ากรมเรียกนางว่าอวิ๋นหมัวมัว
“คุณชายรองได้ยินเรื่องคุณหนูนอกหรือไม่”
“น้องชิง?” ต้วนอวิ๋นหลางส่ายหน้า “น้องชิงเป็นอันใดไปหรือ”
นักเรียนที่ถูกกักตัวเรียนหนังสืออยู่แต่ในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ข่าวต่างๆ จะได้มาก็ต้องรอวันหยุดกลับบ้าน วันปกติตอนกลางวันหรือตอนเย็นที่ออกไปซื้อของได้
วันที่สองแล้ว ข่าวคุณหนูโค่วครอบครองร้านค้าสิบกว่าร้านก็ยังไม่เป็นที่แพร่สะพัดในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน
อวิ๋นหมัวมัวเล่าสถานการณ์ตามคำบอกของนายหญิงผู้เฒ่า “นายหญิงผู้เฒ่าเป็นห่วงว่าคนพวกนี้จะคิดเข้าตีสนิทคุณหนูนอกเพราะเงินทอง ให้คุณชายรองคอยไปดูสักหน่อย”
ต้วนอวิ๋นหลางไม่ได้คิดมากอันใด ตอบรับอย่างไม่ลังเล “ท่านย่าวางใจได้ ข้าจะคอยไปช่วยดู จะไม่ให้น้องชิงถูกหลอกอย่างแน่นอน”
พอตอนเย็น สหายร่วมชั้นเรียนสองสามคนก็นัดต้วนอวิ๋นหลางออกไปซื้อกระดาษกับพู่กัน ต้วนอวิ๋น หลางระแวงขึ้นมาทันที
“ซื้อกระดาษกับพู่กัน? ไปซื้อกระดาษกับพู่กันที่ไหน”
“ย่อมเป็นร้านหนังสือชิงซง”
“ซื้อกระดาษกับพู่กัน เหตุใดต้องไปร้านหนังสือชิงซง สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนเราก็มีไม่ใช่หรือ”
เมิ่งเฝ่ยยืนมือไปคลำหน้าผากต้วนอวิ๋นหลาง “อวิ๋นหลาง เจ้าไข้ขึ้นหรือเปล่า เมื่อก่อนพวกเราก็ออกไปซื้อกระดาษกับพู่กันกันข้างนอก”
“แต่กระดาษกับพู่กันข้างนอกไม่ดีเหมือนของสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนเรานะ!” ต้วนอวิ๋นหลางมองสหายร่วมชั้นเรียนที่อายุไล่เลี่ยกัน ยังคงดิ้นรนเฮือกสุดท้าย
เจ้าพวกนี้หน้าตาใสกระจ่าง เกิดน้องชิงหลงใหลขึ้นมาจะทำอย่างไร!
สหายร่วมชั้นเรียนรวมทั้งเมิ่งเฝ่ยต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า “แต่ข้างนอกถูกกว่านี่”
ต้วนอวิ๋นหลางมองเมิ่งเฝ่ยอย่างสิ้นหวัง
เหล่าเมิ่งเอ๊ย เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าปู่เจ้าเป็นจี้จิ่วสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน?