สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 159 ข้าไม่แต่งภรรยา
ตอนที่ 159 ข้าไม่แต่งภรรยา
ต้วนอวิ๋นหลางเอาชนะคนมากกว่าไม่ได้ ได้แต่ไปร้านหนังสือชิงซงด้วย
“คนเยอะจริง” สหายร่วมชั้นเรียนผู้หนึ่งอุทานขึ้น
“อวิ๋นหลาง หรือว่าร้านหนังสือชิงซงออกนิยายใหม่”
“ไม่มีนะ ครั้งก่อนตอนได้พบน้องชิง ก็ยังได้ยินนางว่าเดือนสิบสองถึงจะออก”
“ซื้อกระดาษพู่กันยังต้องต่อแถว หรือว่าพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ดีกว่า”
พอคนหนึ่งเสนอขึ้น ทุกคนก็ตอบรับตาม แต่ในเมื่อออกมาแล้ว ก็ไปร้านอาหารเล็กๆ ไม่ไกลนักกินสักมื้อก่อนก็ดี
“พวกเจ้าไปก่อน ข้าไปทักทายน้องชิงก่อน” ต้วนอวิ๋นหลางแอบโล่งออก เดินเข้าร้านหนังสือ
“ผู้ดูแลร้าน วันนี้คนเยอะมาก” ต้วนอวิ๋นหลางเบียดมาถึงตรงหน้าผู้ดูแลร้านหูพลางทอดถอนใจเอ่ยขึ้น
ผู้ดูแลร้านหูรู้สึกดีต่อต้วนอวิ๋นหลางมากกว่าต้วนอวิ๋นเฉินมาก ยิ้มถามขึ้นว่า “คุณชายมาหาเจ้าของร้านเรา?”
“ใช่แล้ว”
“หากคุณชายมีเรื่องสำคัญ ก็ไปเรือนตะวันออกได้เลย ให้คนเฝ้าประตูเข้าไปรายงานสักคำก็พอ” ผู้ดูแลร้านหูหรี่เสียง “ร้านหนังสือคนมาก เจ้าของร้านมาก็ไม่สะดวกต้อนรับท่าน”
“เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร เพียงแค่แวะมาทักทายน้องชิงเท่านั้น ผู้ดูแลร้านไปทำงานของท่านเถอะ”
ต้วนอวิ๋นหลางโบกมือจากไป ตอนเดินออกจากประตูร้านหนังสือเกือบจะชนเข้ากับชายหนุ่มผู้หนึ่ง
“ขออภัย…” มองเห็นคนตรงหน้าชัดเจน ต้วนอวิ๋นหลางก็ขมวดคิ้วแน่น
นี่มิใช่เจ้าของร้านหนังสือชิงซงคนเก่าหรือ!
เจ้าหมอนี่ไม่ใช่คนดี ตั้งใจโก่งราคาร้านหนังสือขายให้น้องชิง!
เสิ่นหนิงเจ้าของร้านหนังสือชิงซงคนเก่าเองก็รู้จักคุณชายรองจวนรองเจ้ากรม ยิ้มละไมเอ่ยว่าไม่เป็นไรก่อนจะก้าวเข้าไป
ต้วนอวิ๋นหลางเบ้ปาก กลับไปรวมตัวกับสหายร่วมชั้นเรียน แต่ตอนเพิ่งจะก้าวเข้าไปในร้านอาหารก็พบว่าแววตาสหายร่วมชั้นเรียนมองเขาแปลกไป
“มีอันใดหรือ”
สหายร่วมชั้นเรียนผู้หนึ่งน้ำเสียงตื่นเต้นเอ่ยว่า “อวิ๋นหลาง น้องชิงเจ้าถึงกับมีร้านค้าสิบกว่าร้าน!”
ต้วนอวิ๋นหลางระวังตัวขึ้นมาทันที “เจ้ารู้ได้อย่างไร”
เมิ่งเฝ่ยขำพรืดกล่าวว่า “ตอนพวกเราก้าวเข้าไปในร้านอาหารก็ได้ยินคนกำลังคุยกันอยู่แล้ว”
ต้วนอวิ๋นหลางได้ยินก็หูตั้ง สีหน้าเย็นเยียบ “คนพวกนี้ไม่มีงานทำหรือ”
เมิ่งเฝ่ยไม่เอ่ยตอบอันใดต่อหน้าผู้อื่น แต่ระหว่างทางกลับสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ก็เดินรั้งท้ายรอเดินไปกับต้วนอวิ๋นหลาง เอ่ยเตือนด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “อวิ๋นหลาง น้องสาวเจ้าเปิดร้านหนังสือได้ยิ่งใหญ่เพียงนี้ย่อมเป็นคนฉลาด เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงนางมากแล้ว”
คำพูดว่าจวนรองเจ้ากรมทรงคุณธรรมพวกนี้ล้วนเอาไว้หลอกชาวบ้านตัวเล็กๆ หากคุณหนูโค่วอยู่ร่วมกับบ้านญาติได้ดี เหตุใดจึงโยกสมบัติตนเองออกมามากมายเช่นนนี้
พอเมิ่งเฝ่ยคิดเช่นนี้ก็มองต้วนอวิ๋นหลางอย่างเห็นใจ สหายร่วมชั้นเรียนโง่งมผู้นี้ก็ช่างใสซื่อดังเด็กน้อยเสียจริง
ก็เหมือนดังที่เมิ่งเฝ่ยคิดในใจ พอรองเจ้ากรมต้วนได้ยินก็โมโหเดือดดาลเตะม้านั่งทิ้ง
สมบัติของหลานสาวเหล่านี้กองอยู่ตรงหน้าทุกคน ระยะนี้หากเกิดเรื่องใดไม่คาดคิดขึ้น ก็จะทำให้คนคิดกันไปไกลได้
เขาได้แต่อดทนเก็บซ่อนจิตสังหารเอาไว้ไม่ให้ทำการพลการ ทุกวันไปทำงานเหมือนไม่มีอันใด ต้องรับมือกับคนมาสืบความหลานสาวเขาทั้งทางตรงและทางอ้อมมากมาย
ทางนายหญิงผู้เฒ่าต่างก็ได้รับเทียบเชิญจากบรรดาฮูหยินหลายท่านไม่หยุดหย่อน
ร้านหนังสือชิงซงมีแขกพากันมาอย่างถล่มทะลาย แต่พอเฮ่อชิงเซียวแต่งชุดขุนนางนำลูกน้องสองสามคนมาเดิน ในที่สุดคนก็เบาบางลงบ้าง ซินโย่วจึงเลี้ยงอาหารเขา
เฮ่อชิงเซียวเดิมคิดปฏิเสธ แต่ได้ยินว่าเป็นร้านอาหารของคุณหนูโค่ว จึงได้ตอบรับ
ในร้านอาหาร ผู้ดูแลร้านกับคนงานล้วนเป็นคนเดิม เปลี่ยนเพียงพ่อครัวใหญ่ และจ้างผู้ช่วยพ่อครัวเพิ่มหนึ่งคนกับพนักงานต้อนรับอีกหนึ่งคน
พ่อครัวเป็นคนที่เสิ่นหนิงอดีตเจ้าของร้านหนังสือชิงซงแนะนำ ซินโย่วได้ยินก็ทุ่มเงินซื้อตัวมา ฝีมือไม่เลวอย่างมาก อาหารปกติทั่วไปก็ยังทำออกมาได้รสชาติครบครันทั้งสีกลิ่นรส
บางทีอาจเพราะหลายวันนี้มีคนเอ่ยถึงเรื่องคุณหนูโค่วครอบครองร้านค้าสิบกว่าร้านกันหลายระลอก ทำให้ร้านอาหารที่เคยเงียบเหงานี้ถึงกับมีคนอยากรู้อยากเห็นไม่น้อยพากันมากินอาหาร จากนั้นก็พบว่ารสชาติไม่เลว และราคาสมเหตุสมผล จึงนับว่ารั้งลูกค้าเอาไว้ได้
ตอนซินโย่วกับเฮ่อชิงเซียวมา ในห้องโถงก็มีลูกค้ากำลังรับประทานอาหารกันอยู่สามโต๊ะ
คนงานร้านอาหารเอ่ยทักเจ้าของร้าน สายตาเจ็ดแปดคู่ก็มองมาพร้อมกันทันที
เฮ่อชิงเซียวชะงักฝีเท้า แววตาแอบซ่อนความกังวลไม่น้อย
คุณหนูโค่วกำลังอยู่ในกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน หากเรื่องที่พวกเขามากินข้าวด้วยกันแพร่ออกไป อาจทำให้เกิดข่าวลือซุบซิบได้
หันไปมองซินโย่วพยักหน้าให้คนงานด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ก้าวเดินไปยังห้องรับรองอย่างสง่าผ่าเผย
ร้านอาหารมีห้องรับรองทั้งหมดสองห้อง ยามนี้ล้วนว่างทั้งสองห้อง ทั้งสองคนเข้าไปนั่งในห้องหนึ่งแล้วก็สั่งอาหาร
ขณะที่รออาหารขึ้นโต๊ะ เฮ่อชิงเซียวจิบน้ำชาไปคำหนึ่ง ก็เอ่ยความกังวลในใจออกมา
ซินโย่วได้ยินก็หัวเราะขำกล่าวว่า “ใต้เท้าเฮ่อเป็นห่วงชื่อเสียงข้า? ข้าจะต้องการสิ่งนี้ไปทำไมกันเจ้าคะ ใต้เท้าเฮ่อคงไม่คิดว่าข้าจะอาศัยสถานะคุณหนูโค่วออกเรือนกระมัง”
สิ่งที่นางต้องการก็มีเพียงทวงความยุติธรรมให้กับมารดานางเท่านั้น ให้คนที่ทำร้ายมารดานางได้รับการลงโทษที่สาสม
ส่วนเรื่องอื่นนั้น…
ซินโย่วมองชายตรงหน้าลุ่มลึกทีหนึ่ง ถึงตอนนั้นนางยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ยังไม่อาจรู้ได้ เรื่องอื่นสำหรับนางแล้วล้วนเกินฝัน
“จะว่าไป ถือว่าข้าได้กำไรเสียด้วย”
เฮ่อชิงเซียวมองสาวน้อยยิ้มละไมตรงหน้าด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
“ผู้อื่นรู้ว่าข้าสนิทกับใต้เท้าเฮ่อ อย่างน้อยก็จะหลบเลี่ยงความยุ่งยากและคนยุ่งยากที่ไม่จำเป็นได้บ้าง”
นิ้วมือเรียวยาวยกกาน้ำชาขึ้น รินน้ำใส่แก้วของเฮ่อชิงเซียว
“ดังนั้นใต้เท้าเฮ่อก็อย่าได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้เลย” เอ่ยถึงตรงนี้ มือที่ยกกาน้ำชาของซินโย่วก็ชะงัก พลันได้สติขึ้นมา “หรือว่าเป็นการทำให้ใต้เท้าเฮ่อเสื่อมเสียชื่อเสียง ส่งผลกระทบต่อใต้เท้าเฮ่อแต่งภรรยาในวันหน้า”
นางไตร่ตรองไม่รอบคอบ เพราะคนส่วนใหญ่ต่างหลบเลี่ยงกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน ทำให้คิดไปเองว่าเขาไม่สนใจเรื่องชื่อเสียงพวกนี้
‘แต่งภรรยา’ คำนี้ราวกับดาวอังคารพุ่งใส่เฮ่อชิงเซียวที่แต่ไรมาไม่เคยรู้สึกว่าตนเองเป็นคนหน้าบางมาก่อน ยามนี้รับรู้ได้กระจ่างชัดว่าใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เขาคิดว่าเขาจะต้องหน้าแดงแน่แล้ว
ซินโย่ววางกาน้ำชาลง หลุบตาลงจิบไปคำหนึ่ง นางพูดเรื่องเป็นการเป็นงานอยู่แท้ๆ ใต้เท้าเฮ่อกลับมีปฏิกิริยาเช่นนี้ เหมือนนางกลายเป็นเจ้าหนุ่มเสเพลกำลังแทะโลมผู้อื่นอยู่…
ทั้งยากจนและขี้อาย เขาเป็นเจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินได้อย่างไรกัน
เฮ่อชิงเซียวกระแอมไอเบาๆ ทีหนึ่ง สีหน้ากลับเป็นปกติ “คุณหนูโค่วคิดมากไปแล้ว ข้าไม่ได้คิดแต่งภรรยา”
‘แต่งภรรยา’ เอ่ยคำนี้ออกมาต่อหน้านาง ทำให้เขารู้สึกได้ถึงไอร้อนอย่างน่าประหลาด ภายใต้ไอร้อนยังมีความรู้สึกยากบรรยาย
เฮ่อชิงเซียวไม่อยากคิดให้ลึกซึ้งลงไปว่าเป็นเพราะเหตุใด
คำพูดเขากลับทำให้ซินโย่วเลิกคิ้วคาดไม่ถึง “ใต้เท้าเฮ่อไม่คิดมีครอบครัวหรือ”
“อืม”
ซินโย่วมองออกว่าคำพูดของใต้เท้าเฮ่อนี้จริงจัง นางไม่ใช่คนอยากรู้เรื่องผู้อื่น แต่ยามนี้กลับอยากถามมากว่าเพราะเหตุใด
“อาหารมาแล้ว” นอกห้องรับรองมีเสียงคนงานตะโกนดังมา
ไม่นานคนงานก็ประคองถาดเดินเข้ามา วางอาหารสองสามอย่างลงบนโต๊ะ
กลิ่นหอมของอาหารขับไล่บรรยากาศก่อนหน้าไปหมดสิ้น ซินโย่วคล้ายลืมความอยากรู้เมื่อครู่ไปแล้ว ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี
“ใต้เท้าเฮ่อดื่มสุราหรือไม่เจ้าคะ”
“ดื่มน้ำชาก็พอ ตอนบ่ายที่ทำการยังมีงาน” เฮ่อชิงเซียวปฏิเสธนุ่มนวล
จิตใต้สำนึกบอกเขา ต่อหน้านางควรรักษาสติสัมปชัญญะแจ่มแจ้งไว้จะดีที่สุด
ซินโย่วไม่ได้เอ่ยเรียกอีก คีบผ้าขี้ริ้ววัวพริกแดงขึ้นมาชิ้นหนึ่ง แต่ตอนมองไปทางคนตรงข้ามกลับหยุดชะงัก
มีภาพหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้านาง ในภาพที่เห็นก็คือคนตรงหน้าและองค์ชายรองชิ่งอ๋อง