สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 164 สร่างเมา
ตอนที่ 164 สร่างเมา
เฮ่อชิงเซียวพลันไม่รู้ว่าคุณหนูโค่วชมเขา หรือว่าหยอกเขา
แต่ไม่นานความสนใจของเขาก็อยู่ที่คำพูดของซินโย่วที่ว่า ‘เคราะห์เลือดตกยางออก…’
ซินโย่วพยักหน้า “ก็ที่หลายวันก่อนข้าได้เอ่ยว่าใต้เท้าเฮ่อมีเคราะห์เลือดตกยางออก เดิมก็น่าจะเกิดในงานเลี้ยงครั้งนี้ ดีที่ข้ามีไหวพริบ ไม่ได้ทำให้ชิ่งอ๋องคลุ้มคลั่ง…”
เฮ่อชิงเซียวนิ่งฟังเงียบๆ ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว คุณหนูโค่วประลองสุรากับชิ่งอ๋องเพื่อขัดขวางเคราะห์เลือดตกยางออกของเขาไม่ให้เกิดขึ้น ความอบอุ่นกระแสหนึ่งค่อยๆ รินรดหัวใจของเขา
ชาติกำเนิดเฮ่อชิงเซียวน่าอึดอัด แม้ว่ามีรูปโฉมเหนือสามัญเป็นที่ชื่นชมของหญิงสาวเยาว์วัยมากมาย แต่เขาก็หลบเลี่ยงเรื่องพวกนี้เอง แต่การกระทำอย่างเอาใจใส่นั้นแตกต่างจากการไล่ตามชื่นชมเพราะรูปโฉมเขา
ความแตกต่างนี้ดังสายลมวสันต์ ดุจสายฝนพรำรินรดหัวใจของเขา
“แต่ก็มิได้เพื่อใต้เท้าเฮ่อเท่านั้น” สาวน้อยเท้าคางเอ่ยไปน้ำเสียงพลันแปรเปลี่ยน “แต่ก็เพื่อตัวข้าเองด้วย ข้าไม่ชอบฝืนใจ…”
นางแก้ไขความยุ่งยากด้วยตนเองได้ ก็ไม่คิดรบกวนผู้อื่น แม้คนผู้นี้จะเป็นใต้เท้าเฮ่อก็ตาม
ซินโย่วมองเฮ่อชิงเซียวทีหนึ่ง ชายตรงหน้าใบหน้าผ่องใสดังหยกงาม แววตาดำขลับดังสีหมึกดำ คล้ายรูปงามกว่ายามปกติ
เพราะเหตุใด
ซินโย่วตั้งใจครุ่นคิดแล้วก็ยังคิดไม่ตก
“ใต้เท้าเฮ่อ ข้ามีคำถามหนึ่งเจ้าค่ะ”
เฮ่อชิงเซียวอดทำสีหน้าจริงจังไม่ได้ “คุณหนูโค่ว เชิญถาม”
ซินโย่วเอียงศีรษะเล็กน้อย แววตาสงสัยแสนจะใสซื่อบริสุทธิ์ “ใต้เท้าเฮ่อ วันนี้เหตุใดท่านน่ามองกว่าปกติอยู่ไม่น้อย”
พอซินโย่วเอ่ยเรื่องสำคัญออกมา
เฮ่อชิงเซียว “…”
สาวน้อยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน นางเมาแล้วจริงๆ ไม่ทันรอคำตอบ นางก็พบคำตอบด้วยตนเอง “ต้องเป็นเพราะใต้เท้าเฮ่อตั้งใจแต่งตัวเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงเป็นแน่”
เฮ่อชิงเซียวสบตาใสซื่อคู่นั้นแล้วก็พยักหน้าอย่างไม่รู้จะรับมืออย่างไร “ใช่ ข้าตั้งใจแต่งตัว”
ซินโย่วเผยอริมฝีปากแย้มยิ้มเผยให้เห็นสีหน้าที่รู้สึกเป็นดังคาดไม่มีผิด
เฮ่อชิงเซียวรู้สึกว่าไม่ควรปล่อยให้คุณหนูโค่วพูดจาเหลวไหลต่อไป ยามนางเมาต่างจากคนปกติ ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่ายามนางสร่างเมาแล้วจะยังจำเรื่องที่พูดไปได้หรือไม่
ถ้าเกิดว่ายังจำได้…
เฮ่อชิงเซียวไม่กล้าคิดว่าจะมีสภาพเช่นไร รีบเปลี่ยนบทสนทนาทันที “คุณหนูโค่วบอกว่ามีเรื่องสำคัญ ไม่ทราบว่าเรื่องอันใด”
“เรื่องสำคัญ?” สมองซินโย่วว่างเปล่า วาจากลับไหลลื่น “พูดจบแล้วไม่ใช่หรือ”
เฮ่อชิงเซียวอดแย้มยกมุมปากไม่ได้
“ใต้เท้าเฮ่อกินขนมสิเจ้าคะ” ซินโย่วมึนงงไปหมด แต่กลับผลักกล่องขนมไปตรงหน้าเขาได้อย่างแม่นยำ “นี่คือขนมฝีมือน้าหยาง รสชาติไม่เลว น้าหยาง ท่านรู้จักไหมว่าเป็นผู้ใด หลายวันก่อนร้านอาหารข้าเปลี่ยนพ่อครัวใหญ่ น้าหยางก็คือภรรยาเขา พอรู้ว่าน้าหยางมีฝีมือทำอาหาร ข้าก็เชิญนางมาเป็นแม่ครัวข้า…”
เฮ่อชิงเซียวกล้ารับรองได้ว่า ตั้งแต่เขารู้จักกับคุณหนูโค่วมา คุณหนูโค่วพูดจากับเขารวมกันแล้วยังไม่มากเท่าตอนนี้
เห็นว่าซินโย่วน่าจะพูดไม่ยอมหยุด เฮ่อชิงเซียวก็หยิบขนมชิ้นหนึ่งมากินเงียบๆ
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
“อร่อยมาก”
ซินโย่วยิ้ม “ใช่ไหม แม้ว่าด้อยกว่าน้าซย่าอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เลว ใต้เท้าเฮ่อเคยได้ยินชื่อน้าซย่าไหม นางเป็นน้องสาวแท้ๆ ของน้ากุ้ย ฝีมือการทำอาหารไม่แพ้น้ากุ้ย…”
กล่าวถึงสุดท้าย แพขนตายาวของสาวน้อยก็กะพริบไหว ก่อนจะน้ำตาไหลริน “แต่น้าซย่าตายแล้ว ข้าไม่ได้กินขนมฝีมือน้าซย่าอีกแล้ว”
เดิมเฮ่อชิงเซียวกำลังนึกขำและจนปัญญากับอาการเมาสุราของซินโย่ว แต่นาทีนี้ราวกับเหล็กในผึ้งทิ่มแทงหัวใจ ทำให้เขาปวดร้าวอยู่ลึกๆ
เขาคิดว่าเขาห่วงใยคุณหนูตรงหน้าผู้นี้
บางทีอาจเพราะดื่มในงานเลี้ยงมากเกินไป หรือบางทีสุรากำลังออกฤทธิ์ จึงทำให้เขาเมามายไปด้วย ขณะที่เฮ่อชิงเซียวไม่ทันรู้ตัว มือเขาก็เลื่อนไปกุมมือที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจมือนั้น
มือของสาวน้อยเรียวนุ่ม มือขาวเรียวยาว ยามผิวสัมผัสกัน ก่อเกิดความร้อนที่เฮ่อชิงเซียวคาดไม่ถึง
เขาคล้ายว่าถูกเปลวไฟดาวอังคารลวกมือ รีบชักมือกลับทันที หัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
“ขออภัย…”
พอเอ่ยคำนี้ออกมา ก็กลับเอ่ยอันใดไม่ออกอีก
มีบางเรื่องไม่อาจอธิบายได้
ซินโย่วมองมือตนเอง สายตาจับจ้องใบหน้าเฮ่อชิงเซียว
แก้มเฮ่อชิงเซียวแดงก่ำอย่างรวดเร็ว “คุณหนูโค่ว วันนี้ดื่มสุราไปไม่น้อย ในเมื่อเรื่องสำคัญกล่าวจบแล้ว ก็รีบไปพักผ่อนเถิด”
“ใช่ ข้าดื่มไปไม่น้อย” ซินโย่วยกมือที่ถูกกุมขึ้นเมื่อครู่ขึ้นกดหน้าผาก ลุกขึ้นยืนมั่นคงแล้วก็เอ่ยว่า “เช่นนั้นข้ากลับเรือนตะวันออกแล้ว”
เฮ่อชิงเซียวเองก็ลุกขึ้นยืน กำลังก้าวออกไปก็เห็นสาวน้อยตรงหน้าหันมาโบกมือให้อย่างเบิกบานใจ “ใต้เท้าเฮ่อ พบกันพรุ่งนี้นะเจ้าคะ”
เฮ่อชิงเซียวสีหน้าแปลกประหลาด หากคุณหนูโค่วสร่างเมาแล้วจำไม่ได้ก็ยังดี หากจำได้ขึ้นมา เกรงว่าคงไม่ยินดีที่จะพบเขาพรุ่งนี้
ตอนเดินผ่านโถงร้านหนังสือ ซินโย่วดูแล้วปกติดีทุกอย่าง พอกลับถึงเรือนตะวันออกเข้าไปในห้อง ก็ตรงไปล้มลงบนเตียง หลับไม่ได้สติไปทันที
เสี่ยวเหลียนรีบช่วยถอดเสื้อตัวนอกและรองเท้าถุงเท้าให้นาง นำผ้าบิดน้ำร้อนหมาดมาเช็ดมือเช็ดหน้าให้นาง ก่อนจะห่มผ้าให้
ซินโย่วหลับรวดไปถึงเช้าวันที่สอง พอลืมตามาก็เห็นนัยน์ตาเสี่ยวเหลียนมีเส้นเลือดแดงเข้มเหมือนไม่ได้นอนมาทั้งคืน
“คุณหนู นี่หากท่านยังไม่ตื่นอีก บ่าวก็จะไปตามหมอแล้วนะเจ้าคะ”
ตั้งแต่บ่ายวานนี้นอนมาถึงตอนนี้ น่าตกใจจริง!
ซินโย่วขยี้หว่างคิ้ว รู้สึกปวดศีรษะจากฤทธิ์สุรา ยิ้มขอโทษเสี่ยวเหลียน “หากข้าดื่มมากก็จะนอนนานมาก”
“คุณหนูดื่มมากไปแล้วจริงๆ” เสี่ยวเหลียนรีบรินน้ำอุ่นส่งให้แก้วหนึ่ง พลางมองด้วยสายตาเป็นคำถามอย่างอยากรู้
“ทำไมหรือ” ซินโย่วดื่มน้ำลงไปสองสามคำ
“เมื่อวานคุณหนูดูแล้วไม่เหมือนว่าเมาสุราเจ้าค่ะ”
“อืม ข้าเป็นคนคอแข็งอยู่สักหน่อย ภายนอกดูไม่ออก…” ซินโย่วสะอึก ความทรงจำเมื่อวานผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ
นางเป็นคนคอแข็งมากก็จริง ไม่เพียงแต่สามารถแสดงท่าทางว่าไม่เมาได้ดี แต่มิได้ถึงขั้น ‘สูญเสียความทรงจำ’
น่าตายจริง มิได้ ‘สูญเสียความทรงจำ’!
ซินโย่วล้มลงบนเตียง เหม่อมองเพดานมุ้ง
เสี่ยวเหลียนตกใจสะดุ้ง “คุณหนูเป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ”
“ไม่เป็นไร ยังมีชีวิตอยู่” ซินโย่วหลับตาลงพร้อมกับตอบอย่างไร้เรี่ยวแรง
หากว่าซินโย่วสร่างเมาแล้วรู้สึกเก้กังจนแทบอยากตาย ชิ่งอ๋องกลับโมโหด้วยความอับอาย
“นังชั้นต่ำ ถึงกับทำให้ข้าขายหน้า!” ชิ่งอ๋องโมโหเตะโต๊ะคว่ำไปตัวหนึ่ง แจกันราคาสูงบนโต๊ะร่วงลงพื้นแตกละเอียด
พอชิ่งอ๋องคิดถึงเหตุการณ์เสียหน้าในงานเลี้ยงขึ้นมา ก็แทบจะฟาดซินโย่วให้แหลกละเอียดเหมือนแจกันดอกไม้
บรรดาบ่าวที่เผชิญกับการระบายอารมณ์ของชิ่งอ๋องต่างไม่กล้าเข้าห้ามปราม พากันยืนก้มหน้าเงียบๆ ทำตัวเหมือนไร้ตัวตนที่สุด
ในที่สุดหลังจากคว่ำโต๊ะทิ้งแล้ว ชิ่งอ๋องก็สงบลงพร้อมกับอาการหอบหายใจแรง
“ท่านอ๋องดื่มน้ำสักหน่อย”
“ไสหัวไป!” ชิ่งอ๋องปัดทิ้ง สั่งการด้วยสีหน้าโกรธแค้นว่า “หลายวันนี้จับสังเกตเรื่องข้างนอกให้ข้าด้วย ดูว่ามีคนเอ่ยถึงเรื่องนี้หรือไม่!”
ความกังวลของชิ่งอ๋องมิใช่กังวลเกินเหตุ เรื่องนี้แม้ไม่ได้แพร่ออกไปให้ทุกคนรู้กัน แต่ในบรรดาแวดวงขุนนางชนชั้นสูงก็เป็นที่กล่าวขาน และก็ค่อยๆ ลุกลามแพร่ออกไป
รองเจ้ากรมต้วนได้ยินแล้วก็ไปยังเรือนหรูอี้ถัง เล่าเรื่องเหลวไหลของซินโย่วให้นายหญิงผู้เฒ่าฟัง
“เป็นคุณหนูแต่กลับไปประลองสุรากับองค์ชาย ผู้อื่นจะคิดอย่างไรกับจวนรองเจ้ากรมเรา!”
นายหญิงผู้เฒ่าหลุบตาลงจิบน้ำชา
มิน่าคนที่มาสู่ขอหลานสาวนางพลันลดน้อยลง