สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 17 คนร้าย
ตอนที่ 17 คนร้าย
คำพูดของซินโย่วทำเอาเสี่ยวเหลียนงุนงงสับสนไปหมด “คุณหนู ท่านบอกว่าเป้าหมายถัดไปคือผู้อื่น? นางจะทำร้ายผู้ใด”
ซินโย่วเดินไปริมหน้าต่าง มองสีแสงตะวันริมขอบฟ้าดังสีเพลิง เอ่ยขึ้นเบาๆ “ทำร้ายคนที่ลงมือกับคุณหนูโค่วผู้นั้น”
ตามความคาดเดาของคนร้าย โค่วชิงชิงตกหน้าผาต้องตายอย่างแน่นอน เช่นนั้นก็ไม่ต้องทำอันใดอีก อาศัยเวลาทำให้เรื่องคุณหนูนอกมาพักที่จวนรองเจ้ากรมค่อยๆ เลือนหายไปก็เพียงพอแล้ว
แต่ในความเป็นจริง คนร้ายทำสำเร็จแล้ว โค่วชิงชิงตายไปแล้วจริงๆ แต่น่าเสียดายอีกฝ่ายคาดไม่ถึงว่าจะมีคนที่หน้าตาเหมือนโค่วชิงชิงมาทำให้จำผิดตัวและถูกนำตัวกลับมา
คุณหนูนอก ‘สูญเสียความทรงจำ’ ทำให้คนร้ายร้อนใจจะลงมืออีกครั้ง ความล้มเหลวติดต่อกันและรู้ว่าความทรงจำนางกำลังจะฟื้นคืน กอปรกับเสี่ยวเหลียนร่ำไห้ต่อหน้าผู้คนก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หากคนร้ายจะลงมือกับคุณหนูนอกอีก ย่อมไม่ใช่ทางเลือกที่ชาญฉลาด
หากกำจัดคนที่ผลักโค่วชิงชิงตกหน้าผาในตอนนั้นไป แม้ว่าความจำคุณหนูนอกฟื้นคืนมา นึกได้ว่าผู้ใดผลักนาง ก็จะผลักความผิดไปยังคนที่เกรงกลัวความผิดจนฆ่าตัวตายไปแล้ว ตายแล้วย่อมไร้หลักฐาน ก็จะปิดบังสถานะคนบงการตัวจริงไว้ได้
ตอนนี้ซินโย่วไม่แน่ใจว่าคนลงมือคือผู้ใด
คุณหนูใหญ่ต้วนอวิ๋นหว่านที่อ่อนหวานสงบเสงี่ยม?
คุณหนูรองต้วนอวิ๋นหวาที่ร่วมมือกับมารดา?
หรือว่าคุณหนูสามต้วนอวิ๋นหลิงที่พูดจาแปลกไปมา?
“คุณหนูหมายความว่า วันนั้นคนที่ผลักคุณหนูเราอยู่ในบรรดาคุณหนูทั้งสามนี้?”
เห็นซินโย่วพยักหน้า เสี่ยวเหลียนก็กัดฟันเอ่ยว่า “ต้องเป็นคุณหนูรองแน่! ตั้งแต่นางได้ยินว่านายหญิงผู้เฒ่าจะหมั้นหมายกระชับสายสัมพันธ์เครือญาติให้แน่นแฟ้น ก็มักจะเอาแต่หาเรื่องคุณหนูเรา ไม่อยากให้คุณหนูเป็นพี่สะใภ้นาง”
“ความเป็นไปได้ที่จะเป็นคุณหนูรองไม่นัก” ซินโย่วเดินไปนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ค่อยๆ ปลดปิ่นปักผมลง “แล้วไว้ค่อยดูต่อไปก็แล้วกัน”
ตกค่ำคืนไม่เอ่ยอันใดต่อ เช้าวันถัดมาก็เป็นวันอากาศดี ซินโย่วไม่ต้องไปคำนับนายหญิงผู้เฒ่า นอนจนฟ้าสางจึงได้ตื่นลุกขึ้นอย่างไม่เร่งรีบ
อาหารเช้ายกมาจากห้องครัวใหญ่ ซาลาเปานึ่งเข่งเล็ก ซาลาเปาม้วนต้นหอม โจ๊กข้าวขาวกับผักดองอีกสองสามอย่างช่วยให้ลื่นคอ
พอนางกินเสร็จบ้วนปากเรียบร้อย สาวใช้หานเสวี่ยก็มารายงานว่าคุณหนูทั้งสามมา
“เชิญเข้ามา”
เสียงหยกประดับกระทบดังกุ๊งกิ๊ง ไม่นานก็มีสามสาวน้อยเดินเข้ามา ผู้ที่เดินำนมายังคงเป็นคุณหนูรองต้วนอวิ๋นหวา คุณหนูใหญ่ต้วนอวิ๋นหว่านและคุณหนูสามต้วนอวิ๋นหลิงที่ตามมาด้านหลังเงียบๆ ไม่ได้เดินเคียงกัน
ซินโย่วเห็นแล้วก็เริ่มคิดวิเคราะห์
นางเกิดในสภาพแววล้อมที่บริสุทธิ์ ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิด ตอนนนี้ดูท่าจวนรองเจ้ากรมนี้แยกสถานะเอกและอนุชัดเจน
“น้องชิง ได้ยินว่าน้องเกิดเรื่องอีกแล้ว” ต้วนอวิ๋นหวาพูดเช่นนี้ ไม่ได้ทำให้รู้สึกถึงความห่วงใย แต่กลับฟังดูเยาะเย้ยอยู่ไม่น้อย
ซินโย่วมองนางแย้มยิ้มเอ่ยว่า “ล้วนโทษน้องไม่ดีเอง มักเอาแต่เกิดเรื่อง รบกวนพี่หวามาเยี่ยมอยู่เรื่อยๆ”
ต้วนอวิ๋นหวาได้ยินก็มีท่าทางแปลกประหลาดอยู่บ้าง แต่พอเห็นดวงตาดำกระจ่างนิ่งสงบคู่นั้นแล้ว ก็คิดว่าตนเองคิดมากไปแล้ว
โค่วชิงชิงเป็นคนเจ้าน้ำตา น่าจะไม่มีความกล้าเช่นนี้
“พี่ชิง พี่พักรักษาตัวให้ดีๆ เถอะนะ ระยะนี้อย่าได้ออกไปไหน” ต้วนอวิ๋นหลิงจ้องมองซินโย่ว น้ำเสียงเคร่งเครียดจริงจังอยู่สักหน่อย
ซินโย่วยิ้มหวานเอ่ยว่า “ขอบคุณน้องหลิงที่เตือน ข้ารู้แล้ว”
“น้องชิงดูแล้วสีหน้าไม่เลว เมื่อวานม้าตื่นตกใจไม่ได้รับบาดเจ็บกระมัง” ต้วนอวิ๋นหว่านวางท่าทางเป็นการเป็นงานเอ่ยถามซินโย่ว
“ไม่เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ดี น้องชิงไม่เป็นอันใด พวกเราก็วางใจ” ต้วนอวิ๋นหว่านเผยรอยยิ้ม “ได้ยินว่าเมื่อวานน้องชิงกลับมาสาย ไปเขาเชียนอิงมาหรือ”
ซินโย่วเลิกคิ้วเล็กน้อย กำลังคิดเอ่ยอันใดก็พลันชะงักนิ่ง
ภาพเบื้องหน้าก็คือภาพน่ากลัว สาวน้อยเหม่อมองปลาในน้ำ ด้านหลังมีมือคู่หนึ่งยื่นออกมาผลักนางลงไปทันที น้ำไม่ลึก สาวน้อยดิ้นรนโผล่ศีรษะขึ้นมา สองมือนั้นกดศีรษะนางลงน้ำไม่หยุด
น้ำในสระสาดกระจาย ปลาตกใจว่ายหนี คลื่นลมสงบลง ใบหน้าสาวน้อยลอยอยู่เหนือน้ำ “น้องชิง?” ต้วนอวิ๋นหว่านเห็นซินโย่วเหม่อลอยก็ส่งเสียงเรียกดัง
ซินโย่วได้สติ มองใบหน้าอ่อนหวานของต้วนอวิ๋นหว่านเขม็ง ในใจมีคำตอบแล้วว่า ที่แท้คือนาง
“น้องชิงกำลังคิดอันใดหรือ”
ซินโย่วยกมือกดขมับ “ได้ยินพี่หว่านเอ่ยถึงเขาเชียนอิง พลันนึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้”
ขณะที่เอ่ย นางก็แอบลอบมองจับสังเกตสีหน้าของอีกฝ่าย
“น้องชิงนึกอันใดได้หรือ” ต้วนอวิ๋นหว่านพยายามฝืนบังคับอารมณ์ตนเองก่อนจะถามขึ้น มือกำผ้าเช็ดหน้าแน่นเผยให้เห็นความเคร่งเครียด
ซินโย่วเอ่ยน้ำเสียงสบายๆ “เรื่องตอนเด็ก”
“ดูท่าทางความทรงจำน้องชิงจะฟื้นคืนมาแล้ว” ต้วนอวิ๋นหว่านยิ้มเอ่ย
ต้วนอวิ๋นหวากลับขมวดคิ้ว “สมองกระทบกระเทือนไปแล้ว ความทรงจำจะฟื้นคืนมาได้ง่ายดายเช่นนี้หรือ”
“พี่หวาพูดอันใดน่ะ” ซินโย่วเอียงหน้าไปมองนาง ท่าทางเหมือนฟังไม่เข้าใจ
ต้วนอวิ๋นหวาเปลี่ยนคำพูด “ข้าหมายถึง น้องชิงไม่ต้องร้อนใจไป ค่อยๆ ปล่อยไปตามธรรมชาติก็พอ”
ต้วนอวิ๋นหลิงลังเลสับสนครู่หนึ่ง ก็เอ่ยแทรกขึ้นว่า “อย่างไรนึกได้ให้เร็วหน่อยก็ดี คนเราไม่มีความทรงจำอย่างไรก็ไม่สะดวก…”
ต้วนอวิ๋นหวากับต้วนอวิ๋นหว่านหันมามองพร้อมกัน ต้วนอวิ๋นหลิงสะอึก สองมืออดกำผ้าเช็ดหน้าแน่นไม่ได้ “พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านก็คิดเช่นกันใช่หรือไม่”
ต้วนอวิ๋นหวายิ้มไม่ตอบ ลุกขึ้นยืนเอ่ยว่า “น้องชิงพักผ่อนให้ดี วันหน้าพวกเราค่อยมาเยี่ยมน้องใหม่”
มองส่งทั้งสามคนไปแล้ว ซินโย่วก็เอ่ยกับเสี่ยวเหลียนเบาๆ ว่า “คนผู้นั้นก็คือต้วนอวิ๋นหว่าน”
เสี่ยวเหลียนตกตะลึง ก่อนจะเอ่ยอย่างตกใจ “ท่านบอกว่าคนที่ลงมือกับคุณหนูเราก็คือคุณหนูใหญ่?”
ซินโย่วหยักหน้า
“แต่คุณหนูกับคุณหนูใหญ่ไม่เคยมีปัญหากัน…” เสี่ยวเหลียนพึมพำ สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ต้วนอวิ๋นหว่านเป็นอย่างไรกับคุณหนูโค่ว แต่อยู่ที่นายหญิงใหญ่”
ท่านป้าใช้ทั้งเมตตาและอำนาจ คิดสั่งให้บุตรสาวอนุทำงานให้นางก็มิใช่เรื่องยาก
นี่ก็เป็นไปตามที่ซินโย่วคาดไว้ก่อนหน้านี้
ต้วนอวิ๋นหวาไม่พอใจโค่วชิงชิงไม่ใช่เพียงพอจะเป็นเหตุจูงใจให้สังหารนาง ในฐานะมารดา จะยอมให้มือบุตรสาวตนเองเปื้อนเลือดได้อย่างไร
หากเป็นเช่นนี้…
ซินโย่วกอดหมอนที่วางไว้บนหัวเตียงแน่น เอ่ยขึ้นเบาๆ “ต้วนอวิ๋นหลิงอาจเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์”
“คุณหนูสามเองก็รู้เรื่อง?” เสี่ยวเหลียนอุดปากแน่น
“นางน่าจะเห็นโดยบังเอิญ”
ดังนั้นจึงได้เอ่ยเตือนครั้งแล้วครั้งเล่า
“เช่นนั้นคุณหนูรองเล่า?”
ซินโย่วยิ้มเยาะ “บางทีคุณหนูรองอาจเป็นคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องอันใด”
“คุณหนู เช่นนั้นจากนี้ไปพวกเราควรทำเช่นไรต่อ”
“จวนรองเจ้ากรมมีสระเลี้ยงปลาใช่หรือไม่” ซินโย่วถาม
แม้นางมาจวนรองเจ้ากรมไม่กี่วัน ไม่ขลุกอยู่แต่ในเรือนหว่านฉิง ก็ไปเรือนหรูอี้ถัง ยังไม่ทันได้เดินเล่นรอบๆ
“สระเลี้ยงปลา? มีหนึ่งแห่ง อยู่ทางเหนือของสวนดอกไม้ สระไม่ใหญ่มาก เลี้ยงปลาไนไว้หลายตัว คุณหนูอยากไปดูหรือเจ้าคะ”
ซินโย่วคิดแล้วก็เอ่ยว่า “วันนี้ไม่ได้ไปคำนับนายหญิงผู้เฒ่า รอไว้หลังอาหารเที่ยงค่อยไปก็แล้วกัน”
ไม่นานก็เป็นเวลาเลยเที่ยง ดวงอาทิตย์กลมโตสีขาวลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า ต้นไม้เสียดสีกันเสียงดัง ทำเอาคนว่างยามบ่ายพลิกตัวไปมาหลายรอบกว่าจะนอนหลับ
เสี่ยวเหลียนยกมือบังแดดให้ซินโย่ว “ออกมาตอนนี้ร้อนเกินไป คุณหนูระวังเป็นไข้แดดนะเจ้าคะ”
“แค่ครู่เดียวเท่านั้น ไม่ต้องบัง ยามนี้ออกมาก็มีข้อดี”
“ข้อดีอันใดหรือเจ้าคะ” เสี่ยวเหลียนถามอย่างอยากรู้
“คนที่ปกติไม่ค่อยได้พบ” ซินโย่วพูดพลางมองไปด้านหน้า ฝีเท้าชะงักลง