สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 170 หิมะตก
ตอนที่ 170 หิมะตก
ในภาพที่เห็นเป็นยามค่ำคืน อาศัยแสงโคมไฟที่ยังไม่ดับใต้ชายคามองเห็นหิมะโปรยปรายลงมา ทุกแห่งขาวโพลน
หัวหน้าหยางลาดตระเวนมาถึงละแวกห้องเก็บเงินก้อนทองก้อนก็หยุดนิ่ง คล้ายพบเห็นอันใดผิดปกติรีบกลับหลังหันไปดูทันที คมดาบประกายวาวฟันลงบนลำคอเขา โลหิตสดพุ่งกระจาย ทำให้ภาพทั้งหมดเลือนราง
“คุณหนูกินเนื้อแพะหน่อยเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหลียนเห็นตะเกียบซินโย่วหยุดที่แตงกวาอยู่นานไม่ขยับ ก็คีบเนื้อแพะที่สุกแล้วใส่ชามนาง
ซินโย่ววางตะเกียบลง ยิ้มให้เสี่ยวเหลียน “อิ่มแล้ว เจ้ากินเยอะหน่อย” สายตาเหลือบมองไปที่หัวหน้า หยาง
หัวหน้าหยางกำลังกินเอร็ดอร่อยท่ามกลางวงสนทนา
“หัวหน้าหยาง นิยายใหม่เราขายดีมาก พวกท่านเป็นผู้คุ้มกันก็คงต้องเหนื่อยมากหน่อยแล้ว”
“ผู้ดูแลหูวางใจ ผู้คุ้มกันเราแบ่งสามกะลาดตระเวนตอนกลางคืนตลอดเวลา ข้าเองก็จะออกมาตรวจตราอยู่เป็นระยะ ตั้งใจตรวจดูว่ามีพวกแอบขี้เกียจหรือไม่”
หัวหน้าจ้าวเองก็ยิ้มกล่าวว่า “ท่านผู้ดูแลหู เหตุใดนับวันยิ่งชอบกังวลนี่นั่น ตอนนี้พวกเรามีผู้คุ้มกันร้อยกว่านะ”
ผู้ดูแลร้านหูเหลือบมองหัวหน้าจ้าวทีหนึ่ง ในใจคิดว่าหากเจ้ารู้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าของร้านลากภูเขาเงินภูเขาทองคำกลับมา ก็คงรู้ว่าเหตุใดข้าจึงได้กังวลเช่นนี้
หลังอาหารก็เป็นเวลาดึกลงแล้ว
คนอื่นๆ ทยอยกันออกไป ซินโย่วเรียกผู้ดูแลร้านหูกับหลิวโจวไว้ ภาพที่เห็นจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า ย่อมต้องเตรียมรับมือไว้ก่อน
ที่ไม่เรียกหัวหน้าหยางไว้ ไม่ใช่เพราะซินโย่วไม่เชื่อใจเขา แต่เพราะคำพูดหัวหน้าหยางบนโต๊ะอาหารเหล่านั้นทำให้นางเปลี่ยนความคิด
หัวหน้าหยางบอกว่าเขาจะแอบออกมาตรวจสอบการทำงานของกองคุ้มกันเป็นระยะและไม่แจ้งล่วงหน้า ก็แก้ไขข้อข้องใจแล้วว่าในภาพที่เห็นเหตุใดมีเขาเพียงคนเดียว
ในเมื่อไม่ระบุเวลา ซินโย่วไม่อยากให้เพราะคำพูดนางส่งผลต่อการทำงานของหัวหน้าหยาง ควรรู้ว่าปัจจัยแปรเปลี่ยนรับมือยากยิ่งกว่ารู้การณ์ล่วงหน้า
แม้ผู้ดูแลร้านหูกับหลิวโจวมองดูอารมณ์ดี แต่ยากปิดบังความเหนื่อยล้า ซินโย่วเอ่ยขอโทษ “เดิมควรให้พวกเจ้าสองคนไปพักผ่อนก่อน แต่มีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง ต้องหารือกับพวกเจ้า”
“ท่านเจ้าของร้านว่ามาได้เลยขอรับ”
ผู้ดูแลร้านหูกับหลิวโจวได้ยินก็รู้ว่าเรื่องใหญ่ สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
“ข้าดูนรลักษณ์เป็น ผู้ดูแลร้านยังจำได้กระมัง”
ผู้ดูแลร้านหูกับหลิวโจวพยักหน้าพร้อมกัน เรื่องนี้จะลืมได้อย่างไร!
“ข้ามองดูหัวหน้าหยาง อีกไม่นานก็จะมีภัยถึงชีวิต”
“อะไรนะ” ผู้ดูแลร้านหูเบิกตาโพลง
หลิวโจวสีหน้าแสดงออกยิ่งกว่าผู้ดูแลร้านหู นอกจากตกใจและเป็นห่วงเรื่องภัยถึงชีวิตของหัวหน้า หยาง ยังอยากรู้เรื่องวิชานรลักษณ์ของซินโย่ว
ส่วนเรื่องตรากตรำมาทั้งวัน กินดื่มอิ่มหนำแล้วก็เกิดความรู้สึกอยากนอน ยามนี้พลันมลายหายไปพร้อมกับคำพูดของซินโย่ว
“หัวหน้าหยางเกิดเรื่อง น่าจะเกี่ยวข้องกับเงินทอง” ซินโย่วเอ่ยต่อ
หัวหน้าหยางเป็นเพียงคนธรรมดาที่พอมีฝีมือไม่เลว สถานที่เกิดเหตุของเขาอยู่ที่ละแวกห้องคลังเก็บเงินก้อนทองก้อน ตามหลักเหตุผลแล้ว ไม่น่าจะเป็นเพราะความแค้นส่วนตัว แต่มาเพื่อสมบัติ
เป้าหมายของคนเหล่านั้นก็คือปล้นทรัพย์
มีตัวอย่างจากหลี่ลี่วางเพลิงและคิดทำร้ายเขาก่อนหน้านี้ ผู้ดูแลร้านหูย่อมไม่สงสัยในคำพูดของซินโย่ว “ต้องเป็นเพราะร้านหนังสือเรากิจการรุ่งเรือง ทำให้โจรมองตาเป็นมัน!”
ซินโย่วยกมือขยี้หว่างคิ้ว แม้ว่าจะเห็นภาพโลหิตไหลนองมามากมายหลายครั้ง แต่ก็ยังคงรู้สึกไม่ชิน
“บางทีไม่เพียงแค่เพราะร้านหนังสือเรากิจการรุ่งเรือง ยังมีสาเหตุจากเงินทองที่ข้าขนย้ายมาจากจวนรองเจ้ากรม
ผู้ดูแลร้านหูสีหน้าแปรเปลี่ยน “ท่านจะบอกว่า…มีหนอนบ่อนไส้!”
ผู้คุ้มกันที่ไปขนย้ายหีบวันนั้นล้วนบรรจงคัดเลือกมาเป็นพิเศษ ตามหลักแล้วไว้ใจได้ แต่พอคิดถึงเงินทองกองเท่าภูเขาน้อยๆ ก็ไม่อาจประมาทได้
สมบัติทำให้จิตใจคนเราหวั่นไหว แม้แต่สังหารบิดามารดาก็ยังมีให้เห็น นับประสาอันใดกับเรื่องนี้
“ผู้คุ้มกันขนย้ายหีบไปเก็บห้องคลัง ข้าจำได้ว่ามีสี่คน ผู้ดูแลหูลองบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขาให้ข้าฟังหน่อย”
“ผู้คุ้มกันไปจวนรองเจ้ากรมวันนั้น?” ผู้ดูแลร้านหูถาม
“เน้นสี่คนนี้ แต่คนอื่นก็สำคัญ”
เวลากระชั้น ซินโย่วได้แต่ลงมือจากคนที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด
“เรื่องนี้พวกเจ้าอย่าเพิ่งบอกหัวหน้าหยาง เขาจะได้ไม่เผยพิรุธออกไปแหวกหญ้าให้งูตื่น”
ผู้ดูแลร้านหูกับหลิวโจวต่างพยักหน้าหนักแน่น
กลับถึงเรือนตะวันออกล้างหน้าบ้วนปาก เสี่ยวเหลียนจึงได้แสดงสีหน้าเป็นห่วง “คุณหนู หากหัวหน้า หยางได้รับบาดเจ็บเพราะโจรปล้น โจรพวกนั้นน่าจะมากันไม่น้อยกระมัง”
ร้านหนังสือพวกเขามีผู้คุ้มกันไม่น้อย กล้ามาปล้นย่อมมิใช่โจรบุกเดี่ยวทั่วไป
ซินโย่วไม่อาจให้คำตอบนี้ได้ เรื่องเกิดขึ้นเร็วมาก เป็นยามกลางคืน หัวหน้าหยางถูกสังหารแล้วภาพก็ตัดไป ไม่รู้ว่าจากนั้นเกิดเรื่องอันใดขึ้น
ซินโย่วดูแล้วหากเป็นการปล้นทั่วไปอย่างเดียวยังพอไหว เกรงก็แต่จะมีหนอนบ่อนไส้ในกลุ่มผู้คุ้มกัน
ผู้คุ้มกันร้อยกว่านายแบ่งออกเป็นสามกอง แต่ละกองราวสามสิบกว่าคน แต่ละกองรับหน้าที่สี่ชั่วยาม หากในกองเวรนั้นมีคนครึ่งหนึ่งเป็นหนอนบ่อนไส้ แม้นางเตรียมการไว้ก่อนก็มีความเป็นไปได้มากว่าจะถูกปล้น
เรื่องเดียวที่แน่ใจได้ก็คือเกิดในคืนวันหิมะตก และยังเป็นคืนหิมะตกหนัก
ซินโย่วคาดเดาว่า น่าจะเพราะเป็นหิมะแรกของการย่างเข้าสู่ฤดูหนาว และเพิ่งจะตกได้ไม่นาน ไม่เช่นนั้นบนหลังคาควรมีหิมะสะสม ไม่ใช่มีเพียงหิมะโปรยปรายลงชั้นบางๆ
เพราะเป็นห่วงว่าจะมีคนในรู้เห็นเป็นใจ การจัดการทุกอย่างไว้ล่วงหน้าอาจเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ซินโย่วคิดไปคิดมาก็ตัดสินใจจะขอยืมคนจากเฮ่อชิงเซียว
เช้าวันต่อมา ซินโย่วให้สือโถวนำจดหมายไปเชิญเฮ่อชิงเซียวว่าเลิกงานแล้วให้มาร้านหนังสือ
เฮ่อชิงเซียวตามสือโถวมาทันที มาถึงก็เห็นสายตาสงสัยของซินโย่วจึงอธิบายว่า “เข้าเดือนสิบสองแล้ว ที่ทำการมีงานไม่มาก”
ใกล้จะปีใหม่แล้ว ระยะนี้จะมีพิธีการบวงสรวงและเฉลิมฉลองต่อเนื่อง ตั้งแต่ระดับบนไปจนระดับล่างก็จะเริ่มว่างงานกันบ้างแล้ว สำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือที่มีชื่อในเรื่องจับนักโทษเข้าคุกก็ย่อมมีงานน้อยลง
“ใต้เท้าเฮ่อตามข้าไปคุยที่เรือนตะวันออกดีกว่าเจ้าค่ะ นิยายใหม่ท่านซงหลิงเพิ่งวางขาย อีกสักครู่คนมาซื้อหนังสือจะเริ่มมากขึ้น”
ได้ยินซินโย่วกล่าวเช่นนี้ เฮ่อชิงเซียวก็รู้ว่ามีเรื่องใหญ่
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในเรือนบุปผาฝั่งเรือนตะวันออก เสี่ยวเหลียนประคองน้ำชาออกมาแล้วก็ถอยกลับไป
“คุณหนูโค่วเรียกหาข้ามีธุระอันใดหรือ”
“ข้าอยากขอยืมคนจากใต้เท้าเฮ่อสักหน่อย”
“ยืมคน?” สีหน้าเฮ่อชิงเซียวเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
คุณหนูโค่วมาขอยืมคนจากเขา เห็นชัดว่าไม่ใช่ช่วยเรื่องขายนิยายในร้านหนังสือ
ซินโย่วสองมือกุมแก้วน้ำชาเพื่อรับไออุ่น “ข้าสงสัยว่ามีคนคิดวางแผนปล้นร้านหนังสือ แต่ไม่แน่ใจว่ามีหนอนบ่อนไส้หรือไม่ แต่เพื่อให้รอบคอบไว้ก่อน ก็ได้แต่ขอยืมคนจากใต้เท้าเฮ่อสักหน่อย”
“คุณหนูโค่วต้องการใช้คนเท่าไร เวลาใด” เฮ่อชิงเซียวได้ยินซินโย่ว แววตาก็เย็นเยียบขึ้นมา
“หากสะดวก ได้สักสามสิบคนก็จะดีที่สุด หากหาไม่ได้จำนวนเท่านี้ สิบกว่าคนก็ได้ ช่วงเวลาในตอนค่ำเวลาที่แน่นอนข้ากำลังตรวจสอบอยู่…”
“ได้ พวกข้ารอคุณหนูโค่วแจ้ง”
ซินโย่วกล่าวขอบคุณ พร้อมเชิญเฮ่อชิงเซียวกินข้าว
“ไม่ล่ะ ข้ากลับที่ทำการไปจัดการก่อน”
“เช่นนั้นก็รอให้ความยุ่งยากนี้ผ่านพ้นไปก่อน ข้าค่อยขอบคุณใต้เท้าเฮ่อ”
เฮ่อชิงเซียวกลับถึงที่ทำการก็เรียกตัวรองนายกองพันเหยียนเชามาพบ “เลือกคนห้าสิบคนที่ไว้ใจได้รอรับคำสั่ง”
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินมักมีภารกิจลับที่ไม่อาจปล่อยให้ข่าวเล็ดลอดออกไปได้ เหยียนเชาไม่ได้ถามต่อ รีบรับคำสั่งออกไปปฏิบัติตามคำสั่ง
ร้านหนังสือชิงซงวางขาย ‘บันทึกตะวันตก’ ได้วันที่สาม ลูกค้าก็ยังคงไม่ซาลง พวกผู้ดูแลร้านหูยุ่งกันจนหัวหมุนไม่ได้หยุด
จนกระทั่งตอนเย็นหิมะก็เริ่มโปรยปราย