สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 171 ความสามารถเหนือกว่า
ตอนที่ 171 ความสามารถเหนือกว่า
“คุณหนูหิมะตกแล้ว!” เสี่ยวเหลียนชี้ไปด้านนอกพลางเอ่ยเตือนซินโย่ว
ซินโย่วเดินออกจากประตูร้านหนังสือแหงนหน้ามองไปบนท้องฟ้า
ท้องฟ้าขมุกขมัว เกล็ดหิมะโปรยปรายลงมา นางยื่นมือออกไปรับไว้ เป็นเกล็ดหิมะละเอียด
เกล็ดหิมะละเอียดเล็กเช่นนี้ ตอนย่างเข้าสู่ฤดูหนาวก็ตกมาสองสามรอบแล้ว ส่วนหัวหน้าหยางจะเกิดเรื่องคืนนี้หรือไม่ ก็ต้องดูว่าคืนนี้มีหิมะตกขนาดเกล็ดเท่าขนห่านหรือไม่
แต่หากถึงยามนั้นจริง การจัดคนรอซุ่มดูไว้เห็นชัดว่าย่อมไม่ทันการณ์ พวกโจรมากันเท่าไรก็ยากจะรู้ได้ ซินโย่วไม่คิดทนรอต่อไป แอบให้คนนำจดหมายไปหาเฮ่อชิงเซียว
หากคนใต้เท้าเฮ่อมาเสียเที่ยว มีเงินทองก็ชดเชยไปได้ เชื่อว่าคนเหล่านั้นน่าจะพึงพอใจ
เฮ่อชิงเซียวได้รับจดหมายก็สั่งการเหยียนเชาปฏิบัติการทันที
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินห้าสิบนายเปลี่ยนเป็นเครื่องแต่งกายลำลอง ปลอมตัวเป็นคนมาซื้อหนังสือทยอยสับเปลี่ยนเข้ามาในร้านหนังสือชิงซง แล้วหลิวโจวก็ค่อยแอบนำไปยังละแวกห้องคลัง
ส่วนเรื่องจะหลบซ่อนตัวอย่างไร กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินย่อมมีประสบการณ์ในเรื่องพวกนี้เอง
ซินโย่วพบเฮ่อชิงเซียวที่ห้องรับรองของโถงด้านหน้าร้านหนังสือ
เฮ่อชิงเซียวเดินเข้ามาเปิดเผย ไม่ได้ปิดบังสถานะ นี่ก็เป็นข้อดีของลูกค้าที่มาเป็นปกติ คนอื่นเห็นเขาก็ไม่รู้สึกแปลก
“ขอบคุณใต้เท้าเฮ่อที่ส่งคนมาช่วยมากมาย” ซินโย่วไม่ขาดแคลนเงินทองจ้างคน แต่หาคนจำนวนมากไม่ได้ คนกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินมามากกว่าที่คาดไว้ยี่สิบคน ทำให้ความเคร่งเครียดในใจนางผ่อนคลายลงมาก
“คุณหนูโค่วไม่รังเกียจว่าคนมากก็พอ” เฮ่อชิงเซียวพอคาดเดาได้ว่าซินโย่วจะมีท่าทีอย่างไรต่อลูกน้องที่เขาส่งมา
หากเป็นคนอื่น อาจรู้สึกว่าเขาส่งคนมามากเพื่อค่าตอบแทนมาก ดีที่เป็นคุณหนูโค่ว
และที่เขาเพิ่มกำลังคนเองก็มิใช่มีเหตุอื่นใด เขาหวังเพียงแค่ความปลอดภัยของนางจะได้รับการรับรองขั้นสูงสุด
แต่ที่น่าเสียดายก็คือ คุณหนูโค่วเอ่ยเพียงขอยืมลูกน้อง…
“ที่ไหนกัน มีคนเหล่านี้ ข้าก็ยิ่งวางใจ” ซินโย่วคิดถึงความเป็นไปได้ว่าอาจไม่ใช่คืนนี้ น้ำเสียงก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย “หากโจรไม่ลงมือคืนนี้ วันหน้ายังต้องรบกวนใต้เท้าเฮ่ออีกเจ้าค่ะ”
เฮ่อชิงเซียวยิ้มกล่าวว่า “ที่ทำการระยะนี้ไม่มีงานมาก คุณหนูโค่วยืมสองสามครั้งได้ไม่มีปัญหา”
เอ่ยถึงตรงนี้ เขาก็ลองถามขึ้นว่า “ต้องการให้ข้าออกหน้า…”
ซินโย่วยิ้มปฏิเสธ “มีลูกน้องใต้เท้าเฮ่อ ข้าพอรับมือได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องรบกวนใต้เท้าเฮ่อ”
เฮ่อชิงเซียวแอบรู้สึกผิดหวัง ในใจได้แต่ทอดถอนใจ
ถูกปฏิเสธดังคาด
“เช่นนั้นก็ขอให้คุณหนูโค่วราบรื่น” เฮ่อชิงเซียวใช้ชาแทนสุรา ยกจอกชาขึ้นอวยพร
ซินโย่วไปส่งเฮ่อชิงเซียวถึงประตูร้านหนังสือ มองตามร่างในชุดดำหายลับไปท่ามกลางค่ำคืนมืดมิด
ฟ้ามืดสนิทแล้ว ในที่สุดคนร้านหนังสือก็จบงานวุ่นวายในวันหนึ่งแล้ว กินอาหารเย็นแล้ว หัวถึงหมอนก็แทบหลับทันที ด้านนอกมีเพียงผู้คุ้มกันเข้าเวร
แต่ละห้องดับตะเกียงลง ซินโย่วยืนในมุมลับ อาศัยแสงโคมใต้ชายคามองออกไปเห็นหิมะเริ่มตกหนักลงเรื่อยๆ
จากเกล็ดหิมะละเอียดกลายเป็นก้อนเท่าขนห่านในพริบตา ไม่นานหลังคาก็กองเต็มไปด้วยชั้นหิมะสีขาว
ซินโย่วมีความมั่นใจเก้าส่วนว่าเรื่องจะเกิดในคืนนี้
นางสวมเสื้อผ้าไม่นับว่ามากเพื่อจะได้เคลื่อนไหวสะดวก แม้แต่เสื้อคลุมก็ไม่มี ร่างชุดดำรัดรูปกลมกลืนเข้ากับยามค่ำคืน
ยามนี้คนที่กลมกลืนเข้ากับค่ำคืนนี้ย่อมมีมากมาย บ้างก็เป็นคนที่นางรู้ บ้างก็เป็นคนที่นางไม่รู้ว่าผู้ใดเชิญมา
แววตาซินโย่วนิ่งสงบ ค่อยๆ ค้นหา
สองผู้คุ้มกันที่เฝ้าห้องคลังหนาวจนตัวสั่น ก่นด่าไปพลางหลบหิมะเข้าใต้ชายคา
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินที่ซุ่มอยู่ละแวกนั้นเริ่มรู้สึกหนาวยิ่งกว่าเพราะไม่ได้ขยับตัว ต่างพากันไม่พอใจขึ้นมา
“หัวหน้าไม่บอกว่ามารออะไรที่นี่ และจะรอถึงเมื่อใด ให้พวกเราออกมาหนาวตายหรือ” ทหารองครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่งแอบบ่นเบาๆ
“ชู่ มีเสียงเคลื่อนไหวแล้ว!”
มีเสียงเคลื่อนไหวจริงๆ
หัวหน้าหยางมาแล้ว เพราะต้องการสอดส่องผู้คุ้มกันที่เข้าเวรไม่ตั้งใจทำงาน หัวหน้าหยางจึงไม่แม้แต่จะถือโคมไฟมา ยังพยายามก้าวเท้าให้เบากริบที่สุด
ซินโย่วกลั้นลมหายใจ พอเห็นหัวหน้าหยางพลันหยุดชะงัก ก็ดีดก้อนหินในมือออกไปอย่างไม่ลังเล
แสงประกายวาบเยียบเย็นวาดผ่านกลางค่ำคืน ถูกก้อนหินกระแทกเบนออก ส่งเสียงดังก้อง
หัวหน้าหยางเป็นหัวหน้าผู้คุ้มกันนับร้อยได้ ฝีมือย่อมไม่เลว หลบการโจมตีได้อย่างรวดเร็ว ประมือกับคนที่ถือดาบอยู่พร้อมกับส่งเสียงตะโกนดัง “มีโจรมา!”
สองผู้คุ้มกันหน้าประตูสบตากัน
คนหนึ่งได้ยินเสียงตะโกนของหัวหน้าหยางก็มีสีหน้าตกใจ แต่ก็รีบหาฆ้องมาตีแจ้งเตือนทันทีด้วยสัญชาตญาณ
อีกคนกลับมีสีหน้าชั่วร้าย ควักมีดสั้นออกจากแขนเสื้อแทงใส่เพื่อน เสียงร้องเจ็บปวดดังขึ้น แต่กลับไม่ใช่เพื่อนเขา หากเป็นเขาเอง
เหยียนเชาที่เฝ้าอยู่ละแวกนั้นเก็บหน้าไม้ลง หยิบดาบพุ่งออกมา
ตอนหัวหน้าหยางตะโกนเรียก พวกโจรที่ลอบเข้ามาก็กรูกันออกมาแล้ว กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินที่ซุ่มอยู่ก็กรูกันตามออกมา
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินอาวุธชั้นเลิศ มากันห้าสิบนาย อีกฝ่ายถือดาบบ้างไม้พลองบ้าง รวมกับหนอนบ่อนไส้ที่เฝ้าห้องคลังได้ราวสิบกว่าคน
จำนวนน้อยนิด ฝีมือก็น้อยนิด ไม่ถึงสองเค่อการต่อสู้ก็จบลง
คนปิดหน้าสิบกว่าคนถูกสังหารไปเกินครึ่ง ที่เหลือต่างได้รับบาดเจ็บส่งเสียงร้องโอดโอยไม่หยุด
เหยียนเชาสีหน้าสับสนมองไปทางซินโย่วที่เดินมา
โจรแค่หยิบมือคิดสู้กับกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินห้าสิบนายไหวหรือ
“ลำบากท่านแล้ว” ต่อหน้าโจรร้าย ซินโย่วไม่ได้เอ่ยเรียกสถานะเหยียนเชา
“คนพวกนี้ ท่านคิดจัดการอย่างไร” เหยียนเชาถาม
เสี่ยวเหลียนคลุมเสื้อคลุมตัวหนาให้ซินโย่ว นางหนาวจนปากซีดเอ่ยสั่งการว่า “พรุ่งนี้เช้านำส่งทางการ!”
เช้าวันต่อมา เมืองหลวงแต่ละแห่งล้วนถูกห่อหุ้มไปด้วยสีเงิน ท้องถนนเต็มไปด้วยกองหิมะหนาชั้นหนึ่ง
ประตูข้างร้านหนังสือชิงซงเปิดออก ผู้คุ้มกันร้านหนังสือนำโดยหัวหน้าหยางกรูกันออกมา ไม่นานก็มีคนมามุงดูกันไม่น้อย
ผู้คนเห็นสองผู้คุ้มกันแบกแผ่นไม้ออกมา บนนั้นมีผ้าคลุม ดูแล้วนูนขึ้นมาเหมือนว่าเป็นรูปร่างคน
จากนั้นก็มีแผ่นไม้ถูกแบกออกมาหนึ่ง แล้วก็อีกหนึ่ง…
“เกิดอันใดขึ้น” ตั้งแต่อากาศหนาวเย็น งานการน้อยลง คนสอดรู้สอดเห็นก็ยิ่งมากขึ้น ทุกคนรู้สึกได้ทันทีว่ามีเหตุผิดปกติ
“ดูแล้วเหมือน…” คนผู้นั้นเบิกตาโพลงทันที
มีแผ่นไม้ถูกแบกออกมา มือหนึ่งลื่นโผล่พ้นผ้าคลุมตกลงมา
“มารดามันสิ คนจริงๆ!” หลังจากนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง คนผู้นั้นก็ตะโกนดังขึ้น
คนมามุงดูส่งเสียงฮือฮา จากนั้นก็เห็นชายในชุดดำถูกจับมัดแน่นถูกผู้คุ้มกันผลักให้ออกมา
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น” มีคนระงับความอยากรู้ไม่ได้จริงๆ ทำใจกล้าเข้ามาถาม
หลิวโจวเดินตามหลังซินโย่ว ได้ยินก็เสียงดังว่า “ขอแจ้งเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงให้ทราบว่า เมื่อคืนมีโจรสิบกว่าคนบุกร้านหนังสือ คิดปล้นทรัพย์ โชคดีที่ร้านหนังสือเรามีผู้คุ้มกันเข้มแข็งสังหารได้เก้าคน จับกุมได้ห้าคน ตอนนี้นำส่งทางการแล้ว!”
พอคำถามได้คำตอบแล้วก็ยิ่งฮือฮาไปทั่ว
ในบ้านและในตรอกซอกซอยก็ราวกับเสกคาถา พริบตาก็มีคนออกมากันมากมาย ตามหลังคนร้านหนังสือชิงซงเดินไปที่ทำการเป็นขบวนใหญ่ฮึกเหิม
“เกิดอันใดขึ้นๆ” คนเดินผ่านมาสอบถามแล้วก็รีบจับกลุ่มกันทันที
แม้ใกล้ปีใหม่แล้ว แต่อย่างไรก็ต้องมีหัวข้อสนทนาใหม่กันบ้าง