สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 173 ภัยใหญ่
ตอนที่ 173 ภัยใหญ่
เรื่องโจรบุกร้านหนังสือชิงซงยามวิกาล พริบตาก็กลายเป็นประเด็นร้อนแรงหลังมื้ออาหาร ทุกตนต่างรู้สึกว่าร้านหนังสือชิงซงถึงกับจ้างผู้คุ้มกันไว้มากมายเพียงนั้น เหนือความคาดหมายจริง
ตั้งแต่ซินโย่วรับช่วงร้านต่อมา เริ่มจาก ‘วาดหนัง’ มาถึง ‘บันทึกตะวันตก’ นิยายสองเล่มขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทำให้ชื่อเสียงร้านหนังสือชิงซงโด่งดังเป็นพลุแตก แม้ไม่รู้มีสมบัติขนมาจากจวนรองเจ้ากรมพวกนั้น ก็มีคนไม่น้อยพากันอิจฉาตาร้อนคิดกระทำการไม่ดีกันขึ้นมา
พอเรื่องนี้แพร่ออกไป พวกคิดลงมือโง่เขลาต่างก็พากันสงบเสงี่ยมทันที
ร้านหนังสือชิงซงกล้าสังหารคนจริง จะตายเอาได้!
วันนี้รองเจ้ากรมต้วนเลิกงาน ระหว่างทางกลับก็มีสหายขุนนางอดไม่ไหวมาเอ่ยกับเขาว่า “รองเจ้ากรมต้วน หลานสาวท่านเก่งกาจจริง โจรสิบกว่าคนบุกปล้นร้านหนังสือ ทั้งบาดเจ็บล้มตาย ไม่ได้อะไรไปสักอย่าง”
รองเจ้ากรมต้วนหัวเราะเบาๆ แต่พอขึ้นรถม้าก็มีสีหน้าเคร่งเครียด
ร้านหนังสือเล็กๆ จ้างผู้คุ้มกันร้อยกว่า นี่เอาเงินมาเผาเล่นหรือ แต่พอคิดว่าเงินเหล่านี้มาจากที่ใด รองเจ้ากรมต้วนก็ยิ่งขมขื่นใจ
เรื่องนี้เหมือนเป็นระฆังเตือนเขา ดูท่าลงมือร้านหนังสือไม่ได้แล้ว คิดเอาชีวิตนังเด็กนั่นต้องรอบคอบอีกหน่อย
ขันทีในวังผู้หนึ่งประคองหนังสือในห่อผ้าส่งให้มหาขันทีซุนเหยียน “บิดาบุญธรรม นี่คือนิยายใหม่ของท่านซงหลิง ‘บันทึกตะวันตก’”
ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เคยทรงแสดงทีท่าให้ความสนพระทัยนิยายใหม่ท่านซงหลิง ในฐานะบ่าวรับใช้ข้างพระวรกายฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ ซุนเหยียนกำชับลูกน้องไว้แล้วว่าให้จับตานิยายใหม่ท่านซงหลิง
“ทำงานได้ไม่เลว” ซุนเหยียนจึงเอ่ยถามต่อไปอย่างไม่คิดอันใด “ระยะนี้ร้านหนังสือชิงซงเป็นอย่างไรบ้าง”
เขามีความทรงจำเกี่ยวกับเจ้าของร้านร้านหนังสือชิงซงไม่น้อย ควรรู้ว่าคุณหนูโค่วผู้นี้เคยได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้
ขันทีน้อยได้รับความไว้วางใจจากมหาขันทีซุนเหยียนได้ ย่อมเป็นคนฉลาด เล่าเรื่องที่สืบมาหลายวันนี้ได้อย่างกระจ่าง “พอนิยายใหม่ท่านซงหลิงออกวางขาย การค้าร้านหนังสือชิงซงรุ่งเรืองขายดีอย่าได้เอ่ยว่าเทน้ำเทท่าเพียงใด เพราะเรื่องนี้ยังทำให้โจรขึ้นร้าน ดีที่ร้านหนังสือจ้างผู้คุ้มกันไว้มาก โจรพวกนั้นจึงปล้นไม่สำเร็จ ถูกจับส่งเข้าคุกหรือไม่ก็เอาชีวิตไม่รอด…”
ซุนเหยียนได้ยินขันทีพูดจบ ก็อยากรู้มากว่า “โจรสิบกว่าคนถูกจับหมดได้อย่างไร จ้างผู้คุ้มกันไว้เท่าไร”
“ได้ยินว่าหลายร้อยคน!”
ซุนเหยียนอ้าปากค้าง
ร้านหนังสือร้านหนึ่งจ้างผู้คุ้มกันหลายร้อยคน?
พลันไม่รู้ควรเอ่ยว่าคุณหนูโค่วขี้กลัว โง่งม หรือว่าเงินทองมากไป ซุนเหยียนตรวจดูนิยายใหม่ ก่อนจะไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่ได้หยุดทรงงานเพราะใกล้ปีใหม่ ซุนเหยียนอยู่เป็นเพื่อนเงียบๆ รอให้ทรงจัดการฎีกาสุดท้ายเสร็จ ประทับยืนยืดเส้นยืดสาย จึงได้นำ ‘บันทึกตะวันตก’ เข้าไปถวาย
“ฝ่าบาท ท่านซงหลิงร้านหนังสือชิงซงออกนิยายใหม่พ่ะย่ะค่ะ” ซุนเหยียนก้มหน้าเล็กน้อย สองมือประคองนิยายถวาย
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เดิมคิดรับมาก่อน แต่พอนึกถึงครั้งนั้นที่อ่าน ‘วาดหนัง’ จนไม่ได้นอนทั้งคืน ก็ตัดสินใจว่าไว้รอให้จัดการฎีกาบนโต๊ะเสร็จก่อนค่อยว่ากัน
นิยายก็เป็นเช่นนี้ เริ่มอ่านแล้วก็จะต้องอ่านให้จบ หากยังไม่อ่านก็ยังพอทนไหว
พอตกบ่าย ในที่สุดฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็เสร็จราชกิจ พระหัตถ์เพิ่งแตะนิยายก็มีขุนนางเข้ามารายงานเรื่องด่วน นิยายที่ถูกหยิบขึ้นมาจำต้องวางลง ซ่อนไว้ในฎีกา
ซุนเหยียนเห็นเช่นนี้ก็มิได้เอ่ยเตือน เขาแทบอยากให้ฮ่องเต้ทรงเอาเวลาอ่านหนังสืออ่านเล่นพวกนี้มาพักผ่อนพระวรกายมากกว่า
ซินโย่วสังเกตเห็นว่ามีขันทีมาซื้อหนังสือ
ขันทีเหล่านี้แม้ว่าแต่งกายเหมือนคนปกติทั่วไป แต่กิริยาวาจาย่อมแตกต่าง เพียงแต่ที่ไม่แน่ใจก็คือ ขันทีที่มาซื้อหนังสือมาจากตำหนักใด
แต่ในเมื่อฮ่องเต้ทรงรับสั่งให้ใต้เท้าเฮ่อตรวจสอบท่านซงหลิงเป็นพิเศษ เช่นนั้นขันทีข้างพระวรกายก็ย่อมแสดงความสามารถด้วยการนำนิยายใหม่ท่านซงหลิงไปทูลเกล้าฯ ถวายฮ่องเต้ การที่จะทรงได้ทอดพระเนตร ‘บันทึกตะวันตก’ เป็นเพียงเรื่องช้าหรือเร็วเท่านั้น
หากโชคไม่ดี ในวังไร้ความเคลื่อนไหว ก็ได้แต่ผ่านไปทางใต้เท้าเฮ่อแบบไม่ให้เห็นพิรุธ
แต่นี่เป็นทางเลือกที่จำเป็นเท่านั้น ซินโย่วไม่คิดใช้เส้นทางนี้
โชคดีที่นางรู้ว่าหลายเรื่องร้อนใจไม่ได้ ต้องการเวลาอดทนรอคอย
ตอนนี้เรื่องที่ทำให้ทุกคนในร้านหนังสือชิงซงปวดหัวก็คือ บรรดาพวกที่อ่าน ‘บันทึกตะวันตก’ จบมักจะวิ่งมาเร่งเร้าจะเอาเล่มสอง
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนจากสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน นักเรียนเหล่านี้ถือว่าได้เปรียบที่อยู่ใกล้ มีเวลาว่างก็จะวิ่งมาครั้งหนึ่ง เข้าร้านมาก็ถามหา ‘บันทึกตะวันตก’ เล่มสองว่าจะออกเมื่อใด
ไม่ทันเที่ยง หลิวโจวมองดูบรรดานักเรียนที่เข้ามาในร้านหนังสือทีหนึ่ง ขมวดคิ้วบ่นกับผู้ดูแลร้านหู “ตอนนี้ที่ข้ากลัวที่สุดก็ตอนเที่ยงกับตอนเย็น รับมือไม่ไหว รับมือไม่ไหวจริงๆ!”
ผู้ดูแลร้านหูตบหลิวโจวทีหนึ่ง “ปากเสียให้น้อยหน่อย รีบไปต้อนรับลูกค้าไป”
เมื่อก่อนว่างจนนับมด ไหนเลยจะเคยคิดว่าจะมีหนุ่มสาวพวกนี้มาออกันที่ร้านหนังสือกันทุกวัน ร้องโวยวายจะซื้อหนังสือใหม่ที่ยังไม่ออกวางตลาด
แม้ว่าปวดหัววุ่นวาย แต่ก็เป็นความปวดหัววุ่นวายที่หอมหวาน
หลิวโจวปากก็บ่นไป แต่ความจริงในใจเองก็คิดเช่นนี้ เผยรอยยิ้มต้อนรับบรรดานักเรียนที่เดินเข้ามาใหม่อย่างกระตือรือร้น
“พี่ชายอย่าเอาแต่ยิ้ม ‘บันทึกตะวันตก’ เล่มสองจะออกเมื่อใด”
“เรื่องนี้ข้าน้อย ไม่รู้จริงๆ…”
“ข้าต้องการพบคุณหนูโค่วเจ้าของร้านพวกเจ้า!” ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มตบโต๊ะเก็บเงิน
หลิวโจวรู้สถานะชายหนุ่ม นี่คือหลานชายของเสนาบดี มีเรื่องด้วยไม่ได้
ดีที่เจ้าของร้านชำนาญการรับมือคุณชายเหล่านี้ที่สุด
หลิวโจวมองผู้ดูแลร้านหูทีหนึ่ง เห็นผู้ดูแลร้านหูไม่ได้มีปฏิกิริยาอันใด ก็ยิ้มหัวเราะเอ่ยว่า “ท่านลูกค้ารอสักครู่ พวกเราจะนำความไปแจ้งเจ้าของร้าน”
จังซวี่จึงได้พยักหน้าพอใจ
ซินโย่วได้รับแจ้งก็ออกมาด้านหน้า
นักเรียนที่เดิมรอกันอยู่ในโถงร้านหนังสือกำลังรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจอยู่บ้าง แต่พอเห็นสาวน้อยเสื้อคลุมสีเงินเดินเข้ามาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ความหงุดหงิดรำคาญใจของนักเรียนส่วนใหญ่ก็พลันมลายหายไปสิ้น
แค็กๆ สาเหตุหลักก็แค่เพราะรู้ว่าคุณหนูโค่วจ้างผู้คุ้มกันหลายร้อย สมองก็พลันคิดกระจ่างไม่กล้าหาเรื่อง
จังซวี่เผชิญหน้ากับซินโย่ว ก็มิได้แสดงท่าทียโสดังก่อนหน้านี้ “คุณหนูโค่วรอจนได้พบท่านเสียที”
“ได้ยินว่าคุณชายจังมีธุระต้องการพบข้า”
“ก็ไม่ได้มีอันใด ก็แค่ถามไปอย่างนั้น ‘บันทึกตะวันตก’ เล่มสองจะออกเมื่อใด”
“น่าจะหลังเทศกาลหยวนเซียว”
จังซวี่บีบมือตนเอง “คุณหนูโค่วเปิดเผยตรงไปตรงมาแท้! แค็ก แค็ก แต่ตอนนี้กว่าจะถึงเทศกาลหยวนเซียวก็อีกตั้งนาน คุณหนูโค่วพอจะบอกหน่อยได้ไหมว่า วานรเทพตัวนั้นหลังถูกเขาเบญจธาตุทับไว้ ต่อมาเป็นอย่างไรต่อ”
“ใช่แล้ว วานรเทพหนีออกมาได้ไหม มาแก้แค้นไหม” บรรดานักเรียนพากันแย่งถาม
ซินโย่วกวาดตามองชายหนุ่มเหล่านี้ สายตามองไปที่ชายหนุ่มผู้หนึ่งไม่ขยับ
ชายหนุ่มยืนอยู่นอกสุด รูปร่างหน้าตาธรรมดาสามัญ แต่กลับทำให้ซินโย่วที่เห็นภาพพยากรณ์มาจนชินสีหน้าแปรเปลี่ยน
ในภาพที่เห็นตรงหน้า ชายหนุ่มถูกกำแพงถล่มทับ เผยให้เห็นเพียงใบหน้า
นี่ไม่ใช่เหตุที่ทำให้ซินโย่วไม่อาจควบคุมสีหน้าตนเองต่อหน้าผู้อื่น เรื่องที่ทำให้นางตกใจแท้จริงก็คือ ในภาพที่เห็นมีบ้านเรือนล้มพังเป็นแถบในวงกว้างเป็นพื้นหลังของภาพ มีผู้คนไม่น้อยถูกกำแพงล้มทับ
นี่มิใช่อุบัติเหตุของคนคนเดียว แต่เป็นภัยพิบัติของคนมากมาย!
ในโถงร้านหนังสือเห็นชัดว่ามีคนเบียดเสียดกันแน่น แต่ซินโย่วกลับรู้สึกหนาวเหน็บถึงกระดูก
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นคนบาดเจ็บล้มตายกันมากมายเพียงนี้ ทำให้นางไม่อาจควบคุมสีหน้าไม่ให้แปรเปลี่ยนได้