สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 177 ไม่เข้าใจ
ตอนที่ 177 ไม่เข้าใจ
ผู้คุ้มกันหน้าที่ยุ่งกับงานมาตลอด ยามนี้หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ ตักไก่ตัวสุดท้ายขึ้นมาใส่ชามส่งให้คนที่เข้าแถว ก่อนจะส่งยิ้มขออภัยให้คนด้านหลัง “ไม่มีเนื้อแล้ว”
ไม่มีเนื้อแล้ว?
คำพูดนี้พลันก่อให้เกิดเสียงร้องโวยวาย
“ข้ากังวลมาตลอดว่าพอมาถึงข้าก็จะหมด ดังคาดจริง” คนที่ถือชามกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ
ด้านหลังเริ่มมีเสียงทะเลาะกันดังขึ้น “ข้าบอกว่ารีบออกมาๆ เจ้าลูกคนนี้ก็เอาแต่ชักช้า ดีเลย ไม่ทันแล้ว!”
“ฮือๆ…” เด็กที่ถูกหยิกก็ส่งเสียงร้องไห้ดังลั่น
ผู้คุ้มกันที่รับหน้าที่ตักข้าวต้มอีกคนก็ส่งเสียงดังว่า “ยังมีข้าวต้ม!”
ยังมีข้าวต้ม?
แม้ว่าข้าวต้มดึงดูดผู้คนได้น้อยกว่าเนื้อน้ำแดงมาก แต่นี่เป็นข้าวต้มที่ต้มจากข้าวสารขาวสะอาด คุณภาพยอดเยี่ยมกว่าข้าวหักที่พวกเขากินกันปกติมาก อย่าได้เอ่ยว่าแม้ข้าวต้มข้าวหักก็ยังบางใสจนแทบเห็นก้นชาม ไหนเลยจะข้นหอมเหมือนข้าวต้มนี้
“ใส่น้ำต้มเนื้อลงไปได้ไหม”
ผู้คุ้มกันย่อมไม่ปฏิเสธ จนสุดท้ายหม้อต้มเนื้อก็สะอาดเกลี้ยง หม้อใส่ข้าวต้มก็สะอาดเกลี้ยง แต่ยังมีอีกสิบกว่าคนไม่ได้
“พ่อแม่พี่น้องทุกคนไม่ต้องร้อนใจ พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะมาอีก” หลิวโจวตะโกนดัง
“พรุ่งนี้จะมาอีก?” ชาวบ้านได้ยินก็รีบเบียดตัวเข้ามาถามกัน
คนเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไม่ได้ข้าวต้ม คนที่ได้ข้าวต้มไปก่อนหน้านี้ก็ยังไม่จากไป
พวกเขามาเป็นชุดแรกสุดและได้ยินแล้วว่าการแจกข้าวต้มจะติดต่อกันหลายวัน ย่อมต้องหยุดรอฟังให้กระจ่าง นับประสาอันใดกับคุณหนูตระกูลใหญ่ผู้นี้มาแจกข้าวต้มเพราะตอบแทนที่ชาวบ้านช่วยกันหาแมว เรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกใหม่ อยู่รอมุงดูสักหน่อยก็ไม่เสียหาย
“พี่ชาย พรุ่งนี้พวกท่านยังมาอีกจริงหรือ”
“ยังมาอีกสิ คุณหนูเราบอกแล้วว่าจะแจกข้าวต้มสี่วัน”
“มาแต่เช้าเหมือนเดิม” หลิวโจวหัวเราะพลางเอ่ยคำพูดที่ซินโย่วกำชับมา “พ่อแม่พี่น้อง พรุ่งนี้เช้ามากันนะ ข้าวต้มและเนื้อตุ๋นของพวกเรามีจำกัด มาก่อนได้ก่อน”
พอเอ่ยเช่นนี้ทุกคนก็มองหน้ากัน แอบตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะมาเฝ้าแต่เช้า จะได้ไม่โชคร้ายกลับไปมือเปล่าเช่นวันนี้
พวกเขาที่นี่ล้วนยากจน ปีใหม่ก็ยากจะได้กินเนื้อสักชิ้น หากพลาดโอกาสไปย่อมต้องเสียใจตาย
วันต่อมาตอนพวกซินโย่วมา ก็มีคนมารออยู่ไม่น้อยแล้ว
“มาแล้วๆ มาแล้วจริงด้วย!”
อากาศหนาวมาก ยามเช้าซุกตัวในผ้าห่มอยู่ดีๆ ต้องตะกายออกมามันทรมานมากจริงๆ คนที่ยืนรออยู่ท่ามกลางลมหนาวเหล่านี้ย่อมกังวลว่าพวกซินโย่วจะไม่มาแล้ว
การบริจาคทานแจกข้าวต้มและเนื้อให้คนมากมายเช่นนี้ต้องใช้เงินเท่าไรกัน
วันนี้อาหารที่เตรียมมายังมากยิ่งกว่าเมื่อวาน แต่กลับแจกหมดเร็วกว่าเมื่อวาน และมีคนไม่ได้รับมากกว่าเดิม
ระหว่างทางกลับ เสี่ยวเหลียนถอนหายใจ “คุณหนูคาดการณ์ได้แม่นยำมาก วันนี้คนมากันไม่น้อยจริงๆ”
“พรุ่งนี้จะยิ่งมากกว่านี้”
ข้าวต้มก็แล้วไป แต่เนื้อตุ๋นจนนุ่มส่งกลิ่นหอมเช่นนี้ แม้แต่คนที่พอมีฐานะก็ใช่ว่าจะได้กินกันทุกวัน นับประสาอันใดกับชาวบ้านยากจนแถบนี้ ปีหนึ่งๆ เห็นเนื้อกันไม่กี่ครั้งเท่านั้น
คนเหล่านี้ก็มีญาติมิตร คิดอยากให้ญาติมิตรได้กินดีสักคำ หนึ่งบอกต่อสิบ สิบบอกต่อร้อย คนที่มารอกันก็ยิ่งมาก
“เช่นนั้นพรุ่งนี้คนที่มาเข้าแถวรอก็จะยิ่งมากขึ้น” เสี่ยวเหลียนถอนหายใจเอ่ยขึ้น
ซินโย่วกระดกมุมปาก “ไม่กลัวพวกเขามาเข้าแถวเช้า กลัวก็แต่ไม่มา”
เวลาที่เกิดภัยพิบัติคือยามเช้า ออกจากบ้านยิ่งเช้าก็ยิ่งปลอดภัย
พอแจกข้าวต้มวันที่สาม ก็คือวันที่สิบเดือนสิบสอง คนมาเข้าแถวกันมากยิ่งขึ้นดังคาด
พอข้าวต้มและเนื้อแจกหมด หลิวโจวก็ตะโกนว่า “พรุ่งนี้จะมาแจกข้าวต้มที่นี่วันสุดท้ายแล้ว พ่อแม่พี่น้องมากันเช้าหน่อย!”
พ่อแม่พี่น้องยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ต้องมาต่อแถวแต่เช้าแน่นอน”
วันนี้เป็นวันหยุดของสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน กู่อวี้ตัดใจเช่ารถไม่ลง ออกเดินจากสำนักศึกษากลับบ้านแต่เช้า เห็นมารดายืนรออยู่ที่ประตูบ้านมาแต่ไกล
“ท่านแม่ อากาศหนาวเพียงนี้ เหตุใดมายืนอยู่ข้างนอก”
มารดากู่อวี้ยิ้มอ่อนโยนเอ่ยว่า “เดาว่าเจ้าใกล้จะถึงบ้านแล้วจึงได้ออกมา รีบเข้ามากินอาหารเช้าสิ”
“ท่านแม่ ข้ากินจากสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนมาแล้ว”
ไม่ใช่นักเรียนทุกคนได้หยุดแล้วจะกลับบ้านกันทุกคน วันหยุดประจำสิบวัน ในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนยังมีอาหารให้ กู่อวี้กินอิ่มแล้วค่อยกลับบ้าน
พอเข้าไปในบ้านเห็นเนื้อน้ำแดงชิ้นหนึ่งบนโต๊ะ กู่อวี้ก็นิ่งอึ้งไปทันที
“แม่เอาไปอุ่นก่อน”
มารดากู่อวี้อุ่นเนื้อออกมารวดเร็ว ยังยกข้าวต้มต้มเรียบร้อยออกมาวางบนโต๊ะด้วย
“ท่านแม่?” กู่อวี้สงสัยอย่างมาก
หรือว่ารอเขากลับมาฉลองเทศกาลล่าปา ปกติเทศกาลล่าปาก็ไม่กินเนื้อนี่
มารดากู่อวี้ส่งตะเกียบให้บุตรชายพลางพูดไม่หยุด “หลายวันก่อนมีคุณหนูท่านหนึ่งมา…”
พอมารดาพูดจบ กู่อวี้ก็ขมวดคิ้ว “คุณหนูท่านนั้นแซ่โค่ว?”
“ใช่ ทุกคนเรียกนางว่าคุณหนูโค่ว”
“ท่านแม่ลองบอกหน้าตาคุณหนูโค่วหน่อยได้หรือไม่”
ฟังจบกู่อวี้ก็ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น เป็นคุณหนูโค่วร้านหนังสือชิงซงแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย เหตุใดนางมาแจกข้าวต้มและเนื้อละแวกบ้านเขา
หากว่าบังเอิญ กู่อวี้ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
กู่อวี้ผ่านประสบการณ์มาจำกัดเพราะสภาพครอบครัวไม่ได้เหมือนคุณชายร่ำรวยพวกนั้น แต่ก็ฉลาดมาก จิตใต้สำนึกบอกว่าการที่คุณหนูโค่วทำเช่นนี้นั้นเกี่ยวข้องกับเขา
หรือว่าเพราะวันนั้นเขาไม่เชื่อคำพูดนาง แต่เกี่ยวอันใดกับการที่นางมาแจกข้าวต้มกัน
“พรุ่งนี้เช้าจะมาครั้งสุดท้ายแล้ว อวี้เอ๋อร์กลับมาพอดี พวกเราไปรับสองชุดกัน”
กู่อวี้เอ่ยทันทีด้วยสัญชาตญาณ “ตอนเช้าข้าเร่งกลับสำนักศึกษาขอรับ”
“ทัน คุณหนูโค่วมาแจกข้าวต้มทุกวันตอนเช้ามาก อวี้เอ๋อร์ เจ้ารีบชิมเนื้อน้ำแดงชิ้นนี้ เดี๋ยวจะเย็นหมด”
“ท่านแม่ ท่านกินเถอะ ข้าอยู่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนมีเนื้อกินไม่ขาด”
“เจ้ากำลังอยู่ในวัยเติบโต เรียนหนังสือก็ลำบากแล้ว”
สองคนแม่ลูกผลักกันไปมา สุดท้ายแบ่งกันกิน
วันต่อมาฟ้ายังไม่ทันสว่าง กู่อวี้ก็ถูกมารดาตนเรียกให้ตื่น
“อวี้เอ๋อร์ รีบตื่นเร็ว สายไปจะไม่ได้รับแจก”
กู่อวี้พลันตั้งสติไม่ทัน “อันใดหรือ”
“ไปรับเนื้อน้ำแดงที่คุณหนูโค่วแจกอย่างไรเล่า!”
กู่อวี้หายง่วงทันที รีบแต่งตัวตามมารดาออกจากบ้าน เขาไม่ได้มาเพื่อเนื้อน้ำแดง แต่นึกสงสัยการกระทำของคุณหนูโค่ว
พอออกจากบ้าน กู่อวี้ก็ตกใจที่พบว่าเพื่อนบ้านมากมายถือชามวิ่งออกไป
“เร็วหน่อยๆ เมื่อวานมีคนพื้นที่อื่นมากันมากมาย ไม่แน่วันนี้อาจมามากกว่าเดิม”
“หน้าไม่อายจริงๆ คุณหนูโค่วบอกแล้วว่ามาแจกข้าวต้มเพราะซาบซึ้งที่พวกเราให้ความช่วยเหลือ คนพื้นที่อื่นถือสิทธิ์อันใดมาด้วย
“พูดไปแล้วมีประโยชน์อันใด คนเขาก็แจกไม่ได้แยกแยะชัดเจนเพียงนั้น…”
กู่อวี้วิ่งตามกระแสผู้คนไป ขณะเข้าแถวก็มองไปด้านหน้า
“ท่านแม่ มีคนแจกข้าวต้มที่ไหนกัน”
มารดากู่อวี้ไม่ทันตอบ หญิงสาวอุ้มลูกก็ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “อีกสักครู่คุณหนูโค่วจึงจะมา”
กู่อวี้ตกใจ “น้าจาง อากาศหนาวเช่นนี้ ท่านอุ้มลูกออกมาด้วยหรือ”
“ทำอย่างไรได้ ข้าวต้มกับเนื้อตุ๋นน้ำแดงจะแจกเฉพาะคนที่มารับ ไม่แบ่งแยกชายหญิงผู้ใหญ่หรือเด็ก คนไม่มาล้วนไม่ได้”
“มาแล้วๆ!” กลุ่มคนเริ่มวุ่นวาย แถวก็เริ่มรวนเล็กน้อย
กู่อวี้มองไปก็เห็นคนนำมาเป็นคุณหนูโค่วดังคาด
“คุณหนูโค่ว อรุณสวัสดิ์!” พ่อแม่พี่น้องพากันส่งเสียงทักทาย
“อรุณสวัสดิ์ทุกท่าน” ซินโย่วอมยิ้มตอบรับ
กู่อวี้เผยสีหน้าครุ่นคิด
คุณหนูโค่วต้องการทำเพื่อชื่อเสียง?