สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 178 ถล่ม
ตอนที่ 178 ถล่ม
คนมากันมากมาย ซินโย่วมองไปรอบๆ ไม่แน่ใจว่ากู่อวี้อยู่ในกลุ่มคนหรือไม่
คาดเดาจากเวลา กู่อวี้ออกจากบ้านกลับสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนก็น่าจะเป็นเวลาเกิดเหตุ ห่างจากตอนนี้อีกระยะเวลาหนึ่ง
แต่เวลาแท้จริงหนึ่งเค่อ สองเค่อ หรือนานกว่านั้น ผู้ใดก็ไม่อาจรู้ได้
หากสมมติว่าทุกครั้งกู่อวี้ออกจากบ้านในเวลาใกล้เคียง เช่นนั้นก็พอจะคาดเดาจากเขาได้ นี่ก็เป็นสาเหตุที่ซินโย่วมองหากู่อวี้ทันที
นางละทิ้งความพยายามค้นหาหรือเรียกกู่อวี้มาถามท่ามกลางฝูงชนมากมาย
โลกเรานี้มีเรื่องบังเอิญมากมาย พฤติกรรมประจำของคนคนหนึ่งอาจเปลี่ยนกะทันหัน มาถึงขั้นนี้ พึ่งพาตนเองดีกว่า
ซินโย่วหันไปพยักหน้าให้หลิวโจวเล็กน้อย
หลิวโจวตะโกนขึ้น “พ่อแม่พี่น้องเข้าแถวให้ดี เริ่มแจกข้าวต้มแล้วนะ”
คนที่เข้าแถวคนแรกได้รับชามข้าวต้มไปแล้ว ก็มองไปยังถังใหญ่อื่นๆ “คือ…วันนี้ไม่มีเนื้อตุ๋นหรือ”
หลิวโจวเสียงดังกว่าเดิม “เราแจกเนื้อและไก่จำนวนมากมายมาหลายวันแล้วใช่ไหม ทำให้ตอนนี้ตลาดไม่มีของให้แล้ว คุณหนูเราตั้งใจสั่งมาจากโรงบ้านนอกเมือง ปรากฏมาส่งสาย ตอนพวกเราออกมาเนื้อเพิ่งหั่นเสร็จ อีกสักครู่ก็มา ทุกคนรออีกสักหน่อย”
“แล้วต้องเข้าแถวใหม่หรือ” คนที่เข้าแถวคนแรกเริ่มไม่พอใจ
แน่นอนว่าไม่ใช่ไม่พอใจคนใจกุศลเช่นคุณหนูโค่ว แต่ไม่พอใจที่ต้องรออยู่ท่ามกลางลมหิมะ
หลิวโจวหัวเราะปลอบใจ “วันนี้แจกข้าวต้มและเนื้อวันสุดท้าย รับรองว่าคนที่มาเข้าแถวทุกคนจะได้รับกันครบ”
คนผู้นั้นได้ยินก็รู้สึกดีขึ้นดังคาด
ในเมื่อจะได้รับเนื้อแน่นอน เช่นนั้นก็รออีกสักหน่อย
โชคดีที่สองสามวันมานี้หิมะตกมาตลอด ทุกคนล้วนมีประสบการณ์ พวกที่พอมีฐานะหน่อยก็ยกถังไม้มีฝามาด้วย ฐานะแย่หน่อยก็ยกตะกร้าไผ่สานมาด้วย หิมะจะได้ไม่ตกลงชามข้าวต้ม รอต่อไป นอกจากหนาวอยู่สักหน่อยแล้วก็ไม่ได้มีอันใด
ซินโย่วมองเงียบๆ ไม่มีคนได้ข้าวต้มแล้วกลับไป เลือกที่จะเข้าแถวใหม่รอเนื้อน้ำแดง นางลอบผ่อนลมหายใจ
แจกเนื้อและข้าวต้มติดต่อกันมาหลายวัน ทำให้ผู้คนเหล่านี้เชื่อใจนางแล้ว พวกเขาเชื่อว่าจะได้รับเนื้อตุ๋น และก็เคยได้ลิ้มรสมาแล้ว ย่อมยินดีเสียเวลารอ
ท่ามกลางอากาศหน้าหนาวหิมะโปรยปราย สำหรับชาวบ้านส่วนใหญ่แล้ว เวลาเป็นเรื่องไร้ค่าที่สุด
“คุณหนูโค่ว อรุณสวัสดิ์” ถึงครามารดากู่อวี้ทักทายซินโย่วอย่างสนิทสนม
นางคิดไม่ถึงจริงๆ วันนั้นช่วยคุณหนูท่านนี้หาแมว ก็ได้ค่าตอบแทนมากมายเพียงนี้
“อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะท่านน้า” ซินโย่วหันไปมองกู่อวี้ เผยสีหน้าตกใจ “คุณชายกู่เป็นครอบครัวเดียวกับท่านน้าหรือ”
“คุณหนูโค่วรู้จักกับอวี้เอ๋อร์หรือ” มารดากู่อวี้สีหน้าประหลาดใจระคนยินดี
ซินโย่วยิ้มละไม “ข้าเปิดร้านหนังสือละแวกสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ได้เคยพบคุณชายกู่หลายครั้ง”
“อวี้เอ๋อร์เป็นบุตรชายข้า” มารดากู่อวี้เห็นซินโย่วแล้วก็รู้สึกสนิทสนม ยกศอกกระแทกบุตรชาย
เจ้าลูกคนนี้ ทำไมไม่รู้จักทักทาย!
กู่อวี้ทักทายอย่างสุภาพ “คุณหนูโค่ว”
“พี่ชายข้าเรียนอยู่ที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ข้าจำได้ว่าสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนหยุดเมื่อวาน วันนี้คุณชายกู่ต้องกลับสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนใช่หรือไม่” ซินโย่วถามไปอย่างเป็นธรรมชาติ
“ใช่” เพราะคาดเดาเจตนาของซินโย่วไม่ออก กู่อวี้ไม่อยากเอ่ยมาก
มารดากู่อวี้กลับเอ่ยมากกว่า “ปกติก็ออกจากบ้านราวนี้ แต่เพราะคุณหนูโค่ว จึงมารอกินข้าวต้มร้อนๆ สักคำก่อน…”
ตอนนี้…
ซินโย่วแอบพึมพำในใจพลางแหงนหน้ามองฟ้าทีหนึ่ง
เมื่อคืนวานนี้หิมะตกหนักเพิ่งหยุด ไม่รู้จะตกลงมาอีกยามใด ท้องฟ้ากว้างไกลไร้ขอบเขต
แม้คนมารวมตัวกันมากมายเช่นนี้ นางยังคงรู้สึกถึงความหนาวเหน็บของลมหิมะ พลันเกิดแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อย
ซินโย่วรู้สึกได้ทันที ในใจก็พลันขมวดเกลียวแน่น
มือที่ยกชามอยู่ของมารดากู่อวี้สั่นเล็กน้อย ข้าวต้มกระฉอกออกมา คิดไปเองว่าตนเองถือไม่ดี อดปวดใจไม่ได้
คนส่วนใหญ่ยังตั้งสติไม่ทัน บ้างก็คิดว่าคิดไปเอง บ้างก็คิดว่าหน้ามืด
พอเอ่ยออกไป ทุกคนก็อลหม่านกันไปหมด
พื้นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อย ยามนี้ทุกคนรู้ตัวกันแล้ว
“แผ่นดินไหว แผ่นดินไหวแล้ว!” มีคนตะโกนแตกตื่นตกใจ ชักเท้าคิดวิ่งออกไป
แต่ก็มีคนมีประสบการณ์ตะโกนดังขึ้น “หมอบลง หมอบลงเร็ว!”
หลายคนยังไม่รู้สึกถึงแผ่นดินไหว ยามนี้ตกใจนิ่ง ถึงกับยังนึกสงสัย
เสียงดังกึกก้องขึ้นมาทันที
“ดูนั่น!”
“ถล่มแล้ว บ้านถล่มแล้ว!”
คนที่ขาดสติก็จะวิ่งกลับบ้านทันทีด้วยสัญชาตญาณ แต่ถูกคนข้างๆ กระชากไว้ “ไม่เอาชีวิตแล้วหรือ!”
ความหวาดกลัวกินระยะเวลายาวนาน ผู้คนคล้ายว่าถูกสะกดให้นิ่ง มองไปยังทิศทางบ้านตนเองไม่ขยับ
บ้านเรือนเรียงรายทั่วพื้นที่แถบนี้ถล่มลงทีละหลัง หิมะถล่มฟุ้งกระจาย ยังมีหิมะที่ถล่มลงมากลบทับเศษซากมิด
ไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด มีคนล้มลงคุกเข่าหมอบกับพื้นส่งเสียงร่ำไห้ดัง “พังหมดแล้วๆ!”
เสียงร่ำไห้ระงมดังไปทั่ว ปวดใจที่สูญเสียทรัพย์สิน
ชายหนุ่มผู้หนึ่งกอดภรรยาไว้ รู้สึกโชคดีมาก “แม่ตาหนู โชคดีที่เจ้ากับลูกออกมารอรับข้าวต้ม ไม่เช่นนั้น…”
หญิงสาวที่ถูกชายหนุ่มกอดไว้ยังอุ้มลูกแนบอกอยู่ น้ำตาไหลอาบแก้ม “อืม โชคดีที่ออกมา โชคดีที่…”
น้ำเสียงนางพลันชะงัก มองไปทางซินโย่ว
หากไม่ใช่คุณหนูโค่วมาแจกข้าวต้ม และยังต้องการแจกเฉพาะคนที่มารับเอง ไม่แน่นางคงไม่พาลูกน้อยออกจากบ้านมาท่ามกลางหิมะตกหนัก เช่นนั้นนางกับลูก…
ก้มหน้าลงมองทารกน้อยไร้เดียงสา หญิงสาวก็คุกเข่าไปทางซินโย่ว “คุณหนูโค่ว ขอบคุณที่ช่วยชีวิตครอบครัวข้าไว้ ช่วยลูกข้าไว้…”
คำพูดหญิงสาวทำให้ทุกคนได้สติกันขึ้นมา
ใช่ หากไม่ใช่คุณหนูโค่วมาแจกข้าวต้มที่นี่ อากาศหนาวเช่นนี้ หิมะก็ยังตก พวกเขาคงยังนอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม เช่นนั้นคงต้องถูกทับตายใช่ไหม
คนมากมายพากันคุกเข่า
“ผู้มีพระคุณ!”
“ขอบคุณคุณหนูโค่ว!”
มารดากู่อวี้เองก็คุกเข่าลง พบว่าบุตรชายยังเอาแต่ยืน นางออกแรงกระชากให้กู่อวี้คุกเข่า
ยามนี้กู่อวี้งงงัน แม้ถูกดึงให้คุกเข่า ก็ยังคุกเข่าตัวตรง มองซินโย่วไม่กะพริบตา
เพราะเป็นจังหวะที่พวกเขาแม่ลูกกำลังรับข้าวต้ม หญิงสาวจึงอยู่ตรงหน้าเขา
นางสวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอก ริมขอบหมวกและคอเสื้อเป็นขนจิ้งจอกปุยขาว เผยให้เห็นเพียงใบหน้าเท่าฝ่ามือ
ใบหน้าหนาวจนซีดขาวดังหิมะนั้นขับกับดวงตาดำขลับ ทั้งดำขลับและกระจ่างใส
คำพูดหญิงสาวในวันนั้นดังก้องขึ้นในโสตประสาทของเขา ข้าเห็นคุณชายกู่กำลังจะมีเคราะห์เลือดตกยางออก และจะเกิดตอนกลับบ้าน…
ตอนนั้นเขาทำอย่างไรกัน
เขาคิดว่านางเห็นเขายากจนจึงนึกแกล้งเขาเพื่อความสนุก เขามองนางเป็นหญิงสาวที่ชอบหยอกเย้าผู้อื่นเล่น หันหลังจากไปทันที
เมื่อครู่นี้เอง เขายังคิดถึงจุดประสงค์ที่คุณหนูโค่วมาแจกข้าวต้มแจกเนื้อที่นี่
แต่ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว!
แต่ความสงสัยมากมายผุดขึ้นมา คุณหนูโค่วรู้ได้อย่างไรว่าบ้านเรือนที่นี่จะถล่มลงมา หรือว่าดูนรลักษณ์ก็รู้ได้
สมองกู่อวี้สับสนไปหมด ตะกายลุกขึ้นมึนงง
มารดากู่อวี้มือเร็วตาไวคว้าบุตรชายไว้แน่น
เจ้าลูกคนนี้ ชาวบ้านทุกคนคุกเข่าอยู่ เขาคิดทำอันใดกัน!