สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 181 ผู้ใดแจกข้าวต้ม
ตอนที่ 181 ผู้ใดแจกข้าวต้ม
เฮ่อชิงเซียวร่วมมือกับหน่วยงานอื่นจัดการที่พักให้ผู้ประสบภัยเสร็จก็เป็นเวลาเย็นย่ำแล้ว หิมะสะสมหนาส่องประกายแสงเยียบเย็นใต้โคมไฟวับแวมกระจายทั่วพื้นที่
เขาไม่ได้ตรงกลับจวนโหว แต่เดินไปบนถนนที่ตั้งร้านหนังสือชิงซง
แสงไฟในร้านหนังสือชิงซงยังสว่างอยู่ดังคาด
เฮ่อชิงเซียวยืนอยู่สักครู่ก่อนจะหันหลังกลับเงียบๆ
“ใต้เท้าเฮ่อ” ด้านหลังมีเสียงสตรีที่คุ้นเคยดังมา
เฮ่อชิงเซียวหันกลับไปก็เห็นซินโย่วเดินมา “ค่ำแล้ว คุณหนูโค่วยังไม่พักผ่อนหรือ”
“กำลังจัดการบัญชีนิดหน่อย แล้วก็จัดการเรื่องในวันพรุ่งนี้” ซินโย่วมองดูสภาพชายตรงหน้าที่ดูมอมแมม “ใต้เท้าเฮ่อเพิ่งเสร็จงานหรือเจ้าคะ”
รู้สึกได้ถึงสายตาซินโย่วที่กวาดมองมา เฮ่อชิงเซียวก็ก้มหน้าลงมองตนเอง
ชุดสีแดงสดมีคราบสกปรกมากมาย เปื้อนเพราะเขาช่วยพวกนั้นขนย้ายของ
เดิมเขาไม่คิดใส่ใจ แต่ยามนี้สายตาดุจวารีของสาวน้อยจ้องมองมา ก็พลันรู้สึกเก้กังขึ้นมาไม่น้อย
“พวกชาวบ้านไปอยู่กันที่ศูนย์พักพิงแล้วหรือเจ้าคะ” ซินโย่วไม่ทันสังเกตอาการเก้กังของใต้เท้าเฮ่อ อมยิ้มถาม
พวกหัวหน้าหยางแจกเสื้อบุฝ้ายเสร็จก็กลับมาแล้ว งานต่อจากนั้นก็ส่งต่อให้ทางการ ไม่ได้เข้าร่วมต่อ
เอ่ยถึงเรื่องนี้ เฮ่อชิงเซียวก็กลับเป็นปกติ “ไปกันหมดแล้ว ราชสำนักคงมีแผนสร้างบ้านให้ใหม่ คุณหนูโค่ววางใจได้”
“เช่นนั้นก็ดี”
ราชสำนักมีมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยเฉพาะพื้นที่ในเมืองหลวง
ซินโย่วไม่คิดทำเกินหน้าที่
เฮ่อชิงเซียวคิดแล้วก็เอ่ยเตือนว่า “แผ่นดินไหวครั้งนี้ เมืองหลวงสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อย พื้นที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติรุนแรงที่สุดเกรงว่าก็คือที่เป่ยโหลวฝางแถบนั้น แต่เพราะคุณหนูโค่วแจกข้าวต้ม จึงรอดเคราะห์นี้มาได้ คิดว่าเรื่องของคุณหนูโค่วไม่นานก็จะไปถึงพระกรรณฝ่าบาท”
“ขอบคุณใต้เท้าเฮ่อที่เตือน ค่ำมากแล้ว ใต้เท้าเฮ่อรีบกลับไปพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ”
สำหรับการช่วยเหลือคนเหล่านั้น ก่อนหน้านี้ซินโย่วไม่เคยคิดว่าเรื่องจะไปถึงพระกรรณฝ่าบาท
นางเตรียมใจไว้แล้ว ช้าเร็วก็ต้องพบกับคนผู้นั้น
“คุณหนูโค่วเองก็รีบไปพักผ่อนเถอะ” เฮ่อชิงเซียวจะไป คิดแล้วยังอธิบายคำหนึ่ง “เมื่อครู่ผ่านมาเห็นไฟในร้านหนังสือยังสว่างอยู่”
ซินโย่วคลี่ยิ้ม “ข้ารู้ว่าใต้เท้าเฮ่อผ่านทางมา”
เฮ่อชิงเซียวประสานมือให้ก่อนจะก้าวออกไป
คืนนี้ไม่มีหิมะตก วันต่อมาตามท้องถนนในเมืองหลวงก็มีทหารเดินผ่านไปตลอดเวลา ทำให้ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องพากันส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์
สำหรับชาวบ้านทั่วไปแล้ว แรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยเมื่อวานก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล่าเสริมในวันฤดูหนาวที่น่าเกียจคร้านเท่านั้น
พอตอนบ่าย สภาพภัยพิบัติทุกพื้นที่ในเมืองหลวงก็รวบรวมมาได้พอสมควร บรรดาขุนนางต่างเข้าวัง
“สภาพการณ์ในเมืองหลวงเป็นอย่างไรบ้าง” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสถาม
กำลังสำคัญในการรวบรวมข้อมูลสภาพภัยพิบัติก็คือกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองหลวง กองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองหลวงสังกัดกรมทหาร หน่วยงานอื่นรับหน้าที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือ
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รับสั่ง เสนาบดีกรมทหารก้าวออกมา “ทูลฝ่าบาท จากการรวบรวมตัวเลข ทั้งเมืองหลวงมีผู้ประสบเหตุสามสิบสองคน ในจำนวนนี้มีคนตายสิบสี่คน บาดเจ็บสิบแปดคน ล้วนเป็นเพราะบ้านเรือนถล่มหรือไม่ก็ของหนักหล่นใส่…”
ตัวเลขบาดเจ็บนี้ทำให้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เบาพระทัยลงได้
ตัวเลขน้อยว่าที่คาดไว้มาก
“เดี๋ยวนะ” ได้ยินเสนาบดีกรมทหารรายงานจำนวนบ้านเรือนที่ถล่มแล้ว ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง “พื้นที่ทางเหนือมีบ้านเรือนพังถล่มมากมาย เหตุใดมีผู้บาดเจ็บล้มตายเพียงสามสิบกว่าคน คนเหล่านี้ไม่ได้อยู่กระจุกตัวในพื้นที่หรือ”
เสนาบดีกรมทหารรู้สึกว่าโชคดี ยังดีที่เขาได้ข่าวนี้มาก็รู้สึกแปลกใจ จึงได้ถามลูกน้องเป็นพิเศษ ไม่เช่นนั้นคงถูกฮ่องเต้ถามจนตอบไม่ได้
“ทูลฝ่าบาท บ้านเรือนที่ถล่มรวมอยู่ที่แถบเป่ยโหลวฝาง ว่ากันว่ามีผู้ใจกุศลท่านหนึ่งไปแจกข้าวต้มอยู่ที่นั่น ตอนเกิดเหตุผู้คนจึงอยู่นอกบ้านกัน”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รู้สึกสนพระทัยขึ้นมาทันที “ผู้ใดแจกข้าวต้ม”
เสนาบดีกรมทหารชะงักงัน
เมืองหลวงมีคหบดีมากมาย ทุกครั้งที่ชาวบ้านยากจนมีชีวิตยากลำบากในหน้าหนาว ตระกูลคหบดีเหล่านี้ก็จะแจกข้าวต้ม ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อันใด ตอนเขาได้ยินจึงไม่ได้ถาม
เห็นเสนาบดีกรมทหารตอบไม่ได้ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ทอดพระเนตรมองเขาอย่างไม่พอพระทัย
เจ้าหม่าโหย่วไฉ ไม่มีความรู้สึกอยากรู้บ้างหรือ
ยามนี้เมิ่งจี้จิ่วจึงก้าวออกมา “ฝ่าบาท กระหม่อมรู้สถานะของผู้แจกข้าวต้มท่านนี้”
“อ้อ คือผู้ใด” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสถามทันที
“คือเจ้าของร้านร้านหนังสือชิงซง คุณหนูโค่ว”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ประหลาดพระทัยอย่างมาก
คุณหนูโค่วอีกแล้วหรือ
“เราจำได้ว่าคุณหนูโค่วยังไม่ได้ออกเรือน ยังเป็นคุณหนู เหตุใดจึงคิดไปแจกข้าวต้มที่เป่ยโหลวฝาง”
หรือรองเจ้ากรมต้วนให้การสนับสนุน
เดิมฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่ค่อยมีภาพจำต้วนเหวินซงรองเจ้ากรมพระราชยานหลวง แต่เพราะคุณหนูโค่วมักปรากฏชื่อต่อหน้าเขา
คำถามฮ่องเต้ซิงหยวนตี้นี้ ความจริงก็เหมือนทำให้คนตอบยาก
ข่าวเหล่านี้รายงานต่อกันมาเป็นชั้นๆ มาถึงเสนาบดีกรมทหาร สามารถรู้สถานะคนแจกข้าวต้มได้ก็ยากแล้ว ผู้ใดจะไปถามเหตุที่แจกข้าวต้ม
เมื่อครู่เสนาบดีกรมทหารไม่ทันได้ตอบก็รู้สึกเสียหน้า ยามนี้แอบรอหัวเราะเยาะเมิ่งจี้จิ่ว
เมิ่งจี้จิ่วกระแอมในลำคอก่อนทูลตอบ “กระหม่อมได้ยินว่า คุณหนูโค่วทำเพื่อขอบคุณชาวเป่ยโหลวฝางที่ช่วยนางตามหาแมว…”
เสนาบดีกรมทหารตกใจนิ่งอึ้งไปทันที
เหตุใดตาแก่เมิ่งจี้จิ่วจึงได้ถามแม้กระทั่งเรื่องพวกนี้มาด้วย
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงได้ฟังจบ ก็ประหลาดพระทัย “เพื่อขอบคุณที่ช่วยนางตามหาแมว ก็แจกข้าวต้มแจกเนื้อสี่วัน?”
ตอนนี้คุณหนูพวกนี้ร่ำรวยเพียงนี้หรือ
นึกถึงท้องพระคลังหลวงที่มีค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่มักจะชักหน้าไม่ถึงหลัง ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็พลันรู้สึกบอกไม่ถูก
เพราะเรื่องแจกข้าวต้มช่วยคน เมิ่งจี้จิ่วจึงรู้สึกดีต่อซินโย่วมากยิ่งขึ้น พอได้ยินความสงสัยของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็เอ่ยวาจาช่วยเหลือว่า “คุณหนูโค่วมีหัวทางการค้ามาก นางรับช่วงร้านหนังสือชิงซงต่อมา เพื่อให้ได้ต้นฉบับนิยายดีลงทุนก้อนโต จึงได้ค้นพบท่านซงหลิงนักเขียนนิยายยิ่งใหญ่ จากนั้นมากิจการร้านหนังสือที่เคยซบเซาก็เงินทองไหลมาเทมา…”
เสนาบดีกรมทหารเหล่มองสหายร่วมวงการขุนนางที่พูดไม่หยุด
ตาแก่นี่รู้มากเกินไปแล้ว!
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้ฟังแล้วก็พยักพระพักตร์ “มีหัวทางนี้จริง”
คุณหนูท่านนี้โค่วฉลาดและมีความสามารถ ยังดื่มสุราเก่ง หากเป็นชาย ย่อมต้องเป็นบุคคลมีความสามารถหาตัวจับได้ยากเป็นแน่
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เกิดพระทัยนึกเสียดายขึ้นมาแล้วก็พลันชะงัก
ผู้หญิงก็สามารถสร้างความสำเร็จได้ อย่างเช่นฮองเฮาของเขา
จากนั้นก็ทรงสะบัดพระพักตร์ไปมา
บนโลกนี้จะมีหญิงสาวกี่คนที่เหมือนซินซิน
ขุนนางใหญ่ต่างมากันมองพระพักตร์ที่บัดเดี๋ยวก็พยักบัดเดี๋ยวก็สะบัด พากันสบตากันไปมา
ฮ่องเต้ทรงเป็นอันใดไปหรือ
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พลันตั้งสติได้ ตรัสถามเรื่องการจัดการผู้ประสบภัยเป่ยโหลวฝาง เพิ่งได้รับคำตอบที่พึงพอพระทัยแล้วก็แย้มสรวล ก็มีรายงานด่วนดังเข้ามา
เมื่อวานแถบติ้งเป่ยเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง อำเภอเป่ยอันรุนแรงที่สุด ทั้งอำเภอกลายเป็นซากปรักหักพัง บาดเจ็บล้มตายยากนับจำนวน นอกจากนี้พื้นที่ติ้งเป่ยได้รับผลกระทบรุนแรง เส้นทางถูกตัดขาด
อ่านรายงานด่วนจบ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กุมขมับสีพระพักตร์ดำคล้ำ
“ฝ่าบาท…”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ยกพระหัตถ์ขึ้น ระงับอารมณ์พลุ่งพล่านก่อนจะทำพระทัยให้นิ่ง “ถ่ายทอดคำสั่ง ให้ผู้บัญชาการกองทหารเมืองหลวง อู่เหยียนถิงเข้าวัง!”
ติ้งเป่ยประสบภัยรุนแรง เส้นทางถูกตัดขาด หากจะช่วยเหลือผู้ประสบภัย ไม่อาจอาศัยเพียงขุนนางใหญ่ จำเป็นต้องส่งกำลังทหารไป
ส่วนขุนนางผู้แทนพระองค์ที่จะรับหน้าที่ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ส่งไปสองคน คนหนึ่งคือรองเจ้ากรมคลังเผยจั่ว อีกคนก็คือองค์ชายรอง ชิ่งอ๋อง