สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 184 คุณหนูโค่วบริจาคเงิน
ตอนที่ 184 คุณหนูโค่วบริจาคเงิน
อีกสองสามวันก็จะปีใหม่แล้ว กระแสประเด็นแผ่นดินไหวติ้งเป่ยไม่เพียงแต่ร้อนแรงไม่ลดลง แต่กลับยิ่งทวีมากยิ่งขึ้น
ตามท้องถนนตรอกซอกซอย ร้านอาหารร้านน้ำชา ล้วนวิพากษ์วิจารณ์สภาพอนาถที่ติ้งเป่ย ฟังจนต่างรู้สึกรันทดใจ
“น่ารันทดจริง”
“ใช่ ได้ยินว่ามีถูกฝังทั้งครอบครัว เหลือรอดแค่ลูกคนเดียว…”
“นี่ก็จะปีใหม่แล้ว กลับต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้ เฮ้อ!”
มีคนเดินเข้ามาในร้านน้ำชา แววตาตื่นเต้น “ได้ยินแล้วหรือยัง มีพ่อค้าใบชาบริจาคให้ราชสำนักห้าพันตำลึง ขอให้ราชสำนักนำเงินไปช่วยช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติที่ติ้งเป่ย”
“ถึงกับมีพ่อค้าทรงคุณธรรมเช่นนี้?”
“มีอันใดน่าแปลก ก่อนหน้านี้คุณหนูโค่วร้านหนังสือชิงซงยังแจกข้าวต้มแจกเนื้อ ก็ใช้เงินไม่น้อย เมืองหลวงเราคหบดีมากมาย คนจิตใจกุศลย่อมมีไม่น้อย”
คนที่เพิ่งเดินเข้ามาได้ยินแล้วก็โบกมือ “คำพูดนี้กล่าวได้ไม่ผิด พ่อค้าใบชาผู้นั้นบริจาคเงินแล้ว ยังมีพ่อค้าใจกุศลบริจาคเงินให้อีก ราชสำนักรับรู้ในคุณธรรมของพวกเขา กำหนดให้จัดงานเลี้ยงต้อนรับที่เหอหยวนในวันที่ยี่สิบแปด เดือนสิบสอง”
ผ่านไปไม่นาน ข่าวงานเลี้ยงเหอหยวนนี้ก็แพร่ออกไป ซิ่วอ๋องจะออกพบปะต้อนรับผู้บริจาคด้วยตนเอง
สำหรับบรรดาเหล่าคหบดีแล้ว เรียกได้ว่าเป็นสิ่งล่อลวงใจอย่างยิ่ง
ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติติ้งเป่ยย่อมเป็นที่จับตามองของชาวเมืองหลวง การบริจาคเงินจะสร้างชื่อเสียงให้ไม่น้อย ยังได้ร่วมงานเลี้ยงที่จัดโดยองค์ชาย จดบันทึกไว้เป็นประวัติวงศ์ตระกูลได้
บริจาค จะต้องบริจาค!
ไม่นานกระแสบริจาคเงินก็แพร่ไปทั่วในหมู่คหบดีเมืองหลวง จากนั้นก็มีขุนนางเจ้าหน้าที่ทางการพากันออกมาบริจาคเงินเดือนเบี้ยหวัดตนเอง ส่วนใหญ่ขุนนางเจ้าหน้าที่บริจาคกันไม่มาก อย่างไรเงินเบี้ยหวัดของพวกเขาก็น้อย มีเพียงพวกที่ครอบครัวพอมีฐานแน่นหนาหรือตำแหน่งขุนนางระดับสูงจึงจะบริจาคมากหน่อยได้
บรรดาฮูหยินหลังบ้านของขุนนางชนชั้นสูงจำนวนหนึ่งก็เริ่มเคลื่อนไหว ร่วมบริจาคเงินค่าเครื่องประทินผิวของตนเองอย่างใจกว้าง
ขุนนางกรมคลังที่รับหน้าที่รับบริจาคเงินยามนี้งานยุ่งกันจนไม่มีเวลาพัก ทำงานกันจนเหน็ดเหนื่อย ดีดลูกคิดไม่ได้หยุด
ทหารองครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่งเดินเข้ามา เจ้าหน้าที่จดบัญชีจำได้ “รองนายกองพันเหยียน”
ขุนนางเมืองหลวงมากมายดังขนวัว ขุนนางร่วมราชสำนักไม่ใช่ว่าล้วนรู้จักกันหมด แต่กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินค่อนข้างพิเศษ บรรดาขุนนางต่างพากันให้ความเคารพและถอยให้ห่างไกล พยายามจดจำระดับหัวหน้าในกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน
ไม่พยายามไม่ได้ หากจำไม่ได้แล้วล่วงเกินเข้า จะทำเช่นไร
เหยียนเชาส่งตั๋วแลกเงินหนึ่งร้อยตำลึงไป แสดงท่าทีให้เจ้าหน้าที่จด
เจ้าหน้าที่ปากพูดจาน่าฟัง แต่ในใจแอบชื่นชม คิดไม่ถึงจริงๆ แค่รองนายกองพันเล็กในกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินรู้จักบริจาคเงินด้วยตนเอง
เหยียนเชารอเจ้าหน้าที่ลงบัญชีแล้วก็ไม่ได้จากไป แต่กลับควักตั๋วแลกเงินอีกปึกหนึ่ง “นี่คือน้ำใจของใต้เท้าเฮ่อเรา”
เจ้าหน้าที่รับมานับแล้ว แววตาก็ตกตะลึง
สองพันตำลึง!
แต่ไม่นานเขาก็ไม่รู้สึกแปลกอันใด กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินคิดล้วงเงินทองผู้ใดไม่ใช่เรื่องง่ายหรือ นับประสาอันใดกับใต้เท้าเฮ่อเป็นถึงท่านโหว
“ใต้เท้าเฮ่อช่างเมตตาจริง” เจ้าหน้าที่เอ่ยชมออกไปก่อนจะเก็บตั๋วแลกเงิน ส่งเทียบเชิญไปร่วมงานเลี้ยงเหอหยวนให้ใบหนึ่ง
เหยียนเชาไม่ใช่คนพูดมาก รับเทียบเชิญแล้วก็จะเดินจากไป
“ขอเรียนถามว่า บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติติ้งเป่ยที่นี่ใช่หรือไม่” เสียงผู้หญิงดังขึ้น
เหยียนเชาได้ยินเสียงคุ้นหูก็หันไปมอง
“คุณหนูโค่ว”
ซินโย่วได้เห็นเหยียนเชาก็คาดไม่ถึงอยู่บ้าง “รองนายกองพันเหยียนก็อยู่ด้วย”
ในใจเหยียนเชาแวบขึ้นมาทันที เอ่ยแทนเฮ่อชิงเซียวว่า “ใต้เท้าเฮ่อให้ข้านำเงินมาบริจาคแทน”
ตอนนี้มีพี่น้องไม่น้อยในสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือพากันคิดช่วยใต้เท้าเฮ่อให้ได้แต่งคุณหนูโค่ว เขาเองก็เช่นกัน
แค็กๆ ก็เพราะร้อนใจที่ใต้เท้าพวกเขาอายุไม่น้อยแล้ว แต่สาเหตุหลักก็เพราะคุณหนูโค่วรวยมาก
แววตาซินโย่วประหลาดใจ “ใต้เท้าเฮ่อบริจาคเงิน?”
ตอนนี้นางพอเข้าใจสภาพการเงินของใต้เท้าเฮ่อแล้ว ถึงกับยังมีเงินบริจาค?
เหยียนเชานึกสงสัยขึ้นมา ใต้เท้าพวกเขาบริจาคเงินทำให้คุณหนูโค่วคาดไม่ถึงเพียงนี้หรือ
“ใช่ ใต้เท้าเราสงสารผู้ประสบภัยติ้งเป่ยมาก เพียงแต่หลายวันนี้งานยุ่งมาก ดังนั้นจึงให้ข้ามาแทน” เหยียนเชามองไปยังกล่องที่เสี่ยวเหลียนอุ้มมา “คุณหนูโค่วเองก็มาบริจาคเครื่องประดับหรือ”
ตอนนี้มีกระแสบริจาคเงิน สาวน้อยก็จะบริจาคเครื่องประดับ ในความคิดเหยียนเชา เขาคิดว่าที่เสี่ยวเหลียนอุ้มมาน่าจะเป็นพวกเครื่องประดับทอง
เครื่องประดับทองกล่องนี้ต้องมีค่าหลายพันตำลึงเป็นแน่ ไม่เสียที่เป็นถึงคุณหนูโค่ว
“ใช่ เสี่ยวเหลียน…”
เสี่ยวเหลียนก้าวเข้ามา วางกล่องลงตรงหน้าเจ้าหน้าที่ตรวจและจดบันทึก
เดิมเหยียนเชาควรไปแล้ว แต่เขาอยากรู้คุณหนูโค่วบริจาคเท่าไร จึงยังไม่ได้จากไป
หลายวันนี้เจ้าหน้าที่รับเครื่องประดับมากมาย ในใจก็รู้สึกเป็นปกติ สีหน้านิ่งเรียบเปิดกล่องออก จากนั้นก็มองตาค้าง
นี่มันตั๋วแลกเงินทั้งปึก!
“หนึ่งร้อย สองร้อย สามร้อย…” หลังนับเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็สูดลมหายใจ เอ่ยเสียงสั่น “ห้าหมื่นตำลึง!”
เจ้าหน้าที่คนอื่นล้อมวงเข้ามากันนานแล้ว พอได้ผลสรุปก็พากันมองซินโย่วอย่างตกใจ
“คุณหนูโค่ว ท่านบริจาคเงินเหล่านี้จริงหรือ” เจ้าหน้าที่นับเงินไม่อยากจะเชื่อ
ซินโย่วพยักหน้า “ติ้งเป่ยประสบภัย พวกเราย่อมช่วยด้วยแรงกำลังเล็กๆ อย่างเต็มที่ของพวกเรา”
แรงกำลังเล็กๆ…
เจ้าหน้าที่กรมคลังมองตาค้าง หันไปสบตากับรองนายกองพันกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินที่ตาค้างเช่นกัน ยามนี้ในใจพวกเขาคิดตรงกันว่า แท้จริงคุณหนูโค่วมีเงินเท่าไรกัน!
เพราะทุกคนตกใจกันจนเงียบกริบ ซินโย่วเอ่ยน้ำเสียงเป็นการเป็นงานว่า “รบกวนจดให้ละเอียดด้วย โค่วชิงชิง”
เจ้าหน้าที่ตั้งสติได้ “คุณหนูโค่วโปรดวางใจ จะต้องจดละเอียดอย่างแน่นอน คุณหนูโค่วรอสักครู่”
เจ้าหน้าที่ที่จดบัญชีสั่งการลูกน้องให้รีบไปพบหัวหน้า
ผู้ที่รับหน้าที่ดูแลการบริจาคเงินครั้งนี้ก็คือรองเจ้ากรมคลังจางเจี่ยน
รองเจ้ากรมหกกรมให้ความสำคัญกับฝ่ายซ้ายเป็นหลัก รองเจ้ากรมคลังสองท่าน ฝ่ายซ้ายก็คือเผยจั่ว ฝ่ายขวาก็คือจางเจี่ยน
แผ่นดินไหวติ้งเป่ยครั้งนี้ เผยจั่วได้รับงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ วันหน้าว่ากันตามความชอบก็ย่อมมากกว่าผู้รับหน้าที่หลังบ้าน
เจ้าหน้าที่จดบัญชีนำข่าวคุณหนูโค่วบริจาคห้าหมื่นตำลึงขึ้นรายงานเบื้องบน เบื้องบนก็รีบนำรายงานรองเจ้ากรมจาง
รองเจ้ากรมจางกำลังอ่านสมุดรายนามผู้บริจาคหลายวันนี้อย่างตั้งใจอยู่ ผู้ที่บริจาคเกินหนึ่งพันก็จะจดไว้อีกชุดหนึ่ง เป็นรายชื่อผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงเหอหยวน
การรวบรวมเงินบริจาคครั้งนี้ได้รับความสนพระทัยจากฮ่องเต้ องค์ชายยังมาต้อนรับในงาน หากรายชื่อตกหล่นจะเดือดร้อนยุ่งยาก รองเจ้ากรมจางไม่ขอมีความชอบ ขอเพียงอย่าได้ผิดพลาด ไม่กล้าปล่อยปละละเลยแม้แต่น้อย
“ใต้เท้า มีเรื่องรายงานขอรับ”
“เรื่องอันใด” รองเจ้ากรมจางนวดหว่างคิ้ว เอ่ยอย่างกังวล “วันนี้คนมาบริจาคเงินน้อยลงหรือ”
ไว้นำรายนามผู้บริจาคขึ้นรายงาน แน่นอนว่ารวบรวมเงินทองได้ยิ่งมาก ก็จะยิ่งทำให้ฮ่องเต้ดีพระทัย
ฮ่องเต้ดีพระทัยก็ย่อมพอพระทัยการทำงานของพวกเขา
“เมื่อครู่คุณหนูโค่วร้านหนังสือชิงซงมาบริจาคห้าหมื่นตำลึงขอรับ”
“เท่าไรนะ” รองเจ้ากรมจางคิดว่าฟังผิดไป
“ห้าหมื่นตำลึง…ใต้เท้า ใต้เท้าท่านเป็นอันใดไปหรือ”
รองเจ้ากรมจางแทบจะเขย่าตัวลูกน้อง ดีใจจนแทบเป็นลมหมดสติไป “แน่ใจหรือ”
“คุณหนูโค่วยังอยู่…”
รองเจ้ากรมจางไม่สนใจฟังให้จบก็ผลุนผลันรีบออกไปแล้ว
รองเจ้ากรมจางกำลังอยู่ในวัยกำลังวังชาดี วิ่งได้เร็ว พอมาถึงประตูก็รีบหยุดลง จัดแจงเสื้อผ้าก่อนเดินเข้าไป
“คุณหนูโค่ว ท่านนี้ก็คือใต้เท้าพวกเรา” เจ้าหน้าที่เอ่ยบอกซินโย่ว
ซินโย่วย่อกายคำนับ
รองเจ้ากรมจางหัวเราะดังกล่าวว่า “คุณหนูโค่วไม่ต้องมากพิธี ข้าได้ยินชื่อเสียงคุณหนูโค่วมานานแล้ว วันนี้ได้พบตัวจริงเสียที”
ซินโย่วมองไปที่ร่องรอยที่เล็บมือของรองเจ้ากรมจาง พลันยิ้มอย่างสุภาพ