สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 185 ท่านลุงอย่าบริจาคมากเกินไป
ตอนที่ 185 ท่านลุงอย่าบริจาคมากเกินไป
ตอนรองเจ้ากรมจางกระตือร้อร้นต้อนรับ ก็แอบลอบสังเกตซินโย่ว เห็นท่าทีนางเป็นปกติไม่ได้วางตนสูงส่ง ก็รู้สึกดี
“ได้ยินพวกเขาว่าคุณหนูโค่วบริจาคห้าหมื่นตำลึงเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย?” รองเจ้ากรมจางวิ่งมาก็เพราะคิดมาดูให้แน่ใจด้วยตนเอง
ไม่ใช่เขาทนเก็บอาการไม่ไหว แต่เพราะคุณหนูโค่วบริจาคมากจริงๆ
ซินโย่วพยักหน้า
รองเจ้ากรมจางคิดถามขึ้นด้วยสัญชาตญาณว่าจวนรองเจ้ากรมรู้ไหม แต่พอสายตากวาดมองไปที่กล่องตั๋วแลกเงิน ก็พลันหุบปากสนิททันที
รองเจ้ากรมต้วนรู้หรือไม่เกี่ยวอันใดกับเขา อย่างไรเงินก็กองอยู่ตรงนี้แล้ว
“คุณหนูโค่วช่างมีเมตตาธรรมแท้ ข้าขอขอบคุณแทนชาวราษฎรติ้งเป่ย” รองเจ้ากรมจางประสานมือ
ซินโย่วย่อกาย “ใต้เท้าจางทำข้าอายุสั้นแล้ว”
“ไม่ ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าคุณหนูโค่วรับคำขอบคุณนี้ไหว” รองเจ้ากรมจางสีหน้าจริงจัง
ซินโย่วมองดูสีหน้าท่าทางเขาแล้ว ก็รู้สึกดีต่อรองเจ้ากรมจางไม่น้อย
รองเจ้ากรมจางเป็นเช่นนี้ อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าเขาเห็นใจในความทุกข์ยากของราษฎร แม้อาจไม่มาก แต่ขอเพียงมี ก็ดีกว่าขุนนางอื่นมากแล้ว
เช่นนี้เงินที่นางบริจาคออกไปก็วางใจได้บ้าง
“ซิ่วอ๋องจะจัดงานเลี้ยงเหอหยวนตอนบ่ายวันที่ยี่สิบแปด ออกต้อนรับผู้บริจาคเพื่อผู้ประสบภัยติ้งเป่ยแทนฝ่าบาท” รองเจ้ากรมจางส่งเทียบเชิญให้ แต่ไม่ได้เอ่ยวาจาตามมารยาทว่า ‘หวังว่าคุณหนูโค่วจะให้เกียรติมา’
คำพูดพวกนี้หากเป็นงานเลี้ยงทั่วไปก็กล่าวได้ ยกเว้นเพียงแค่งานเลี้ยงของฮ่องเต้ ฮ่องเต้เชิญแขก ประชาใต้หล้าอย่างไรก็ต้องไป
ซินโย่วรับเทียบเชิญมาด้วยสองมือ “ขอบคุณใต้เท้าจาง หากใต้เท้าจางไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ข้าก็ขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”
“คุณหนูโค่วค่อยๆ เดินนะ” รองเจ้ากรมจางไปส่งซินโย่วด้วยตนเอง ก่อนจะหันมาเห็นเหยียนเชา
รองเจ้ากรมจางพยายามรักษาสีหน้าเคร่งขรึม แต่ก็เกือบเก็บอาการไว้ไม่อยู่
“ใต้เท้าจาง” เหยียนเชาคำนับแล้วก็เดินไป
รองเจ้ากรมจางอึ้งมองตามไป “คนกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินผู้นั้นมาเมื่อใด เหตุใดพวกเจ้าไม่เอ่ยเตือนข้าสักคำ”
เมื่อครู่เขาไม่ได้เอ่ยวาจาไม่เหมาะสมอันใดกับคุณหนูโค่วกระมัง
ลูกน้องที่ถูกไล่เรียงถามก็พากันพูดไม่ออกบอกไม่ถูก “ใต้เท้า รองนายกองพันกองกำลังองครักษ์จิ่น หลินมาก่อนคุณหนูโค่ว”
“จริงหรือ” รองเจ้ากรมจางคิดแล้วก็เหมือนนึกไม่ออก หันกลับไปประเด็นคุณหนูโค่วต่อ “แค็ก ๆ คุณหนูโค่วสง่าราศีดังข่าวลือจริง ไม่แสดงท่าทีต้อยต่ำ”
ลูกน้องพากันกระตุกมุมปาก หากเขาเขียนบริจาคห้าหมื่นตำลึงง่ายดายได้ เขาเองก็ไม่แสดงท่าทีต้อยต่ำได้เช่นกัน
เหยียนเชากลับถึงกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน ก็รายงานเรื่องที่พบคุณหนูโค่วให้เฮ่อชิงเซียวฟัง
“คุณหนูโค่วบริจาคเท่าไร”
เหยียนเชามองไปทางเฮ่อชิงเซียวด้วยสายตาสับสนอย่างมาก
ใต้เท้าแน่ใจว่าอยากรู้จริงหรือ
เฮ่อชิงเซียวเลิกคิ้วเล็กน้อย
เหยียนเชาหลุบตาลง ทนมองดูปฏิกิริยาใต้เท้าหลังจากได้ยินไม่ได้ “เรียนใต้เท้า คุณหนูโค่วบริจาคห้าหมื่นตำลึง”
ห้าหมื่นตำลึง?
เฮ่อชิงเซียวถึงกับไม่แปลกใจ เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ลำบากเจ้าแล้ว”
เหยียนเชาเงยหน้าตาค้าง ใต้เท้านิ่งสงบเกินไปหรือไม่
ไม่ใช่ว่าคุณหนูโค่วบริจาคมาก ผู้อื่นก็ควรรู้สึกเก้กัง แต่ใต้เท้าไม่เหมือนผู้อื่น…ไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในความยากจนของตนเองบ้างหรือ
บางทีเขาเข้าใจผิดไป ใต้เท้าไม่ได้รู้สึกอันใดต่อคุณหนูโค่ว
เหยียนเชาหวนคิดอีกครั้ง ก็ถามขึ้นว่า “ใต้เท้า สองสามวันมานี้ต้องจับตาดูทางร้านหนังสือชิงซงหรือไม่ ข่าวคุณหนูโค่วบริจาคห้าหมื่นตำลึงแพร่ออกไป เกรงว่าจะเป็นที่จับตาของเหล่าโจร”
“การบริจาคเพื่อช่วยเหลือเขตภัยพิบัติติ้งเป่ยอยู่ในความสนพระทัยของฝ่าบาท หากมีคนคิดปล้นคนที่บริจาคเงิน ย่อมต้องทำให้ทรงกริ้ว ดำเนินคดีประหารทั้งตระกูลก็ยังโทษเบาไป พวกโจรปกติทั่วไปไม่กล้าเสี่ยงภัยนี้” เฮ่อชิงเซียววิเคราะห์ตามหลักเหตุผล
เหยียนเชาพยักหน้าหงึกๆ
ใต้เท้ากล่าวได้ถูกต้อง โจรเองก็มิได้โง่ คนมีเงินมากมาย ปล้นผู้ใดไม่ปล้น มาปล้นคุณหนูโค่วให้เสี่ยงภัยโดนโทษประหารทั้งตระกูล ย่อมไม่คุ้ม
เฮ่อชิงเซียวเปลี่ยนน้ำเสียงเอ่ยว่า “แต่ก็ส่งคนไปคอยเฝ้าหน่อย”
เหยียนเชา “…” ใต้เท้ามักจะทำให้ตอนที่เขาเพิ่งรู้สึกว่าใต้เท้าไม่ได้คิดอันใดกับคุณหนูโค่ว เป็นการคิดผิดเสมอ
ไม่เหนือความคาดหมายของเฮ่อชิงเซียว เจ้าหน้าที่รับบริจาคเงินไม่ได้ปิดข่าวการบริจาคของคุณหนูโค่ว ถึงกับแอบกระพือข่าวให้ดัง จะได้ดึงดูดให้ผู้คนยิ่งพากันมาบริจาคเงินตาม ข่าวคุณหนูโค่วบริจาคเงินช่วยผู้ประสบภัยติ้งเป่ยห้าหมื่นตำลึงแพร่สะพัดออกไปทั่วท้องถนนและตามตรอกซอกซอย
รองเจ้ากรมต้วนได้ยินข่าวนี้ก็แทบกระอักโลหิต ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ รีบไปหาซินโย่วที่ร้านหนังสือชิงซงทันที
“ท่านลุงมาหรือ” ในโถงร้านหนังสือมีคนไม่น้อย ซินโย่วเอ่ยทักทายรองเจ้ากรมต้วนอย่างสุภาพ
รับรู้ได้ถึงสายตามากมายที่มองมา รองเจ้ากรมต้วนรีบเอ่ยว่า “ลุงมีธุระมาหาเจ้า ไปหาที่คุยกันสักครู่”
“ท่านลุงเชิญตามข้ามา” ซินโย่วพารองเจ้ากรมต้วนเข้าไปในห้องรับรอง
เก้าอี้ในห้องรับรองปูพรมขนสัตว์หนา นั่งแล้วนุ่มและอุ่นสบาย ขณะที่รองเจ้ากรมต้วนรู้สึกสบาย ในใจก็แอบก่นด่า นังเด็กนี้มือเติบจริง โปรยเงินโปรยทองไปทั่ว สมบัติเงินทองไม่นานคงถูกนางผลาญจนหมด
บริจาคทีเดียวห้าหมื่นตำลึง นางทำได้อย่างไร!
พอเสี่ยวเหลียนยกน้ำชาเข้ามาและถอยออกไปแล้ว ซินโย่วก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ท่านลุงมาหาข้ามีธุระอันใดหรือเจ้าคะ”
ไม่ต้องถามก็รู้ ต้องมาเพราะนางบริจาคเงินห้าหมื่นตำลึง
รองเจ้ากรมต้วนเอ่ยขึ้นดังคาด “ชิงชิง ได้ยินว่าเจ้าบริจาคห้าหมื่นตำลึง?”
“เจ้าค่ะ”
“ลุงรู้ว่าเจ้าใจกุศล แต่บางเรื่องก็ต้องคิดให้รอบด้าน อย่าได้วู่วาม”
ซินโย่วเผยสีหน้าไม่เข้าใจ “ข้าไม่ได้วู่วามนะ เริ่มแรกได้ยินว่าเขตภัยพิบัติติ้งเป่ยรับบริจาคเงิน ข้าก็ไม่ได้คิดบริจาค แต่รอดูสองสามวันจึงพบว่านำไปช่วยเขตประสบภัยจริง จึงได้บริจาค”
“บริจาคเงินช่วยผู้ประสบภัยเป็นเรื่องดี แต่จำนวนนี้…มากไปหรือไม่”
“มากไป?” ซินโย่วคิดอย่างละเอียด “ไม่นับร้านค้า ในมือข้าก็มีเงินก้อนสี่แสนกว่าตำลึงเงิน บริจาคเพียงห้าหมื่นตำลึง ข้ารู้สึกว่าไม่มากเจ้าค่ะ”
รองเจ้ากรมต้วนสีหน้าดำทะมึน “ชิงชิง สมบัติพวกนี้เป็นของบิดาและปู่เจ้าสะสมมา เจ้าทำลายสมบัติหมดสิ้น ไม่รู้สึกผิดต่อบรรพชนหรือ”
ซินโย่วสีหน้าเคร่งเครียด“ท่านลุงยุ่งเรื่องผู้อื่นมากเกินไปหรือไม่ ข้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวของตระกูลโค่ว เงินทองเหล่านี้จะใช้อย่างไรก็เรื่องของข้า”
“เจ้าพูดอะไรน่ะ” รองเจ้ากรมต้วนคาดไม่ถึงว่าคำพูดหลานสาวจะยากรับฟังเพียงนี้
“ข้าว่าท่านลุงอย่าได้ยุ่งเรื่องผู้อื่น เงินข้าคิดอยากใช้อย่างไรก็ใช้ ท่านไม่ต้องยุ่ง” ซินโย่วยกน้ำชาขึ้นมาค่อยๆ ยิ้มเอ่ยว่า “หรือว่า รอในงานเลี้ยงเหอหยวน ซิ่วอ๋องหรือท่านอื่นๆ ถามถึง ท่านลุงอยากได้ยินข้าบอกว่าเพราะบริจาคมากไปจึงถูกท่านลุงดุด่าหรือ”
“เจ้า!” รองเจ้ากรมต้วนพูดไม่ออก สีหน้าดำทะมึนสะบัดแขนเสื้อลุกขึ้นจะเดินออกไป
ซินโย่วตามไปเอ่ยเตือนเบาๆ “ในโถงร้านหนังสือมีคนมาก ท่านลุงแสดงสีหน้าดีใจสักหน่อยดีกว่า”
รองเจ้ากรมต้วนกำมือแน่น แต่ตอนเดินออกจากห้องรับรองยังพยายามฝืนยิ้ม
ซินโย่วเปลี่ยนท่าทีเย็นเยียบยามอยู่ในห้องรับรองทันที เอ่ยเรียกท่านลุงน้ำเสียงอ่อนหวาน
รองเจ้ากรมต้วนตัวแข็งทื่อ หันไปมองก็เห็นสาวน้อยส่งยิ้มละไม
ซินโย่วดึงแขนเสื้อเขาไว้ “ท่านลุง ชิงชิงรู้ว่าท่านลุงกับท่านแม่ข้าต่างมีใจกุศล แต่อย่างไรท่านก็มีครอบครัวใหญ่ให้ต้องดูแล อย่าได้บริจาคมากมายเหมือนข้าอย่างเด็ดขาด”
รองเจ้ากรมต้วนพยายามบังคับสีหน้าตนเองอย่างเต็มที่ จึงไม่ได้หลุดแสดงสีหน้าออกมา ฝืนยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ลุงรู้ว่าเจ้ารักเครือญาติ แต่ติ้งเป่ยประสบภัยรุนแรงเช่นนี้ ลุงในฐานะขุนนางราชสำนักก็ควรทุ่มเทแสดงน้ำใจสักหน่อย”
เขาไม่กล้าอยู่ต่อ รีบเดินออกไปทันที
ซินโย่วถอนหายใจ เผยสีหน้ารู้สึกเป็นเกียรติต่อทุกคนในโถง “เมื่อครู่ข้าชักชวนอยู่นาน ท่านลุงยืนยันจะบริจาค…”