สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 191 รับบัญชาไปจากเมืองหลวง
ตอนที่ 191 รับบัญชาไปจากเมืองหลวง
ซินโย่วหลุบตาลงเล็กน้อย ตอบฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ “หม่อมฉันได้พบท่านซงหลิงครั้งล่าสุด ท่านซงหลิงบอกว่ามีธุระจะไปจากเมืองหลวงชั่วคราว คิดว่าตอนนี้น่าจะไปจากเมืองหลวงแล้ว”
คำตอบนี้เห็นชัดว่าไม่ใช่คำตอบที่ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ต้องการ “เช่นนั้นเจ้ารู้ไหมว่าท่านซงหลิงพักอยู่ที่ใดในเมืองหลวง”
ซินโย่วส่ายหน้า “หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ ทุกครั้งที่ส่งมอบต้นฉบับล้วนเป็นท่านซงหลิงมาหาหม่อมฉันด้วยตนเอง ท่านซงหลิงไม่เคยเอ่ยถึงประวัติและที่อยู่ของตนเอง หม่อมฉันเองก็มิได้ซักถามเพคะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ยังไม่ยอมลดละความพยายาม “เช่นนั้นหน้าตาเขาเป็นอย่างไร ทุกครั้งที่พบเจ้าล้วนปิดบังหน้าตาหรือ”
“เพคะ หม่อมฉันฟังจากเสียงและดูจากรูปร่าง เดาว่าท่านซงหลิงน่าจะยังหนุ่มอยู่มาก อาจจะ…”
“อาจจะอันใด”
ซินโย่วเหลือบตามองสีหน้าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เล็กน้อย “อาจจะเป็นหนุ่มน้อยเพคะ”
ราชวงศ์ต้าซย่าชายอายุยี่สิบได้วัยสวมกวน ไม่ถึงยี่สิบก็จะเรียกว่า หนุ่มน้อย
“อายุน้อยเพียงนี้?” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้มองเฮ่อชิงเซียวที่ยืนอยู่ข้างๆ ทีหนึ่งอย่างแปลกพระทัย
ตอนนั้นได้ยินเฮ่อชิงเซียวรายงานว่าท่านซงหลิงอายุน้อย คิดไม่ถึงว่าจะน้อยถึงเพียงนี้
พอนึกถึง ‘วาดหนัง’ กับ ‘บันทึกตะวันตก’ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้
นิยายเช่นนี้หากไร้การสั่งสมการอ่านมาระดับหนึ่ง จะเขียนออกมาได้หรือ
“คุณหนูโค่วไม่เห็นหน้าตา อาศัยเพียงแค่เสียงกับรูปร่าง จะคาดเดาผิดหรือไม่”
ซินโย่วคิดแล้วก็เอ่ยอย่างจริงจังว่า “อาจจะอาศัยความรู้สึกเพคะ”
“ความรู้สึก?” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รู้สึกน่าขัน
“คนคนหนึ่งทำให้คนอื่นรู้สึกถึงตัวตนได้ แม้ท่านซงหลิงปิดบังใบหน้า แต่รูปร่างเขาต่างจากความผอมของชายหนุ่มวัยผู้ใหญ่ เห็นชัดว่าเป็นความผอมบางแบบหนุ่มน้อย ยังมีตอนได้สนทนากัน…การวิเคราะห์อายุคนคนหนึ่ง ไม่จำเป็นว่าจะต้องมองแค่ภายนอก”
เอ่ยถึงตรงนี้ ซินโย่วก็เหลือบมองเฮ่อชิงเซียวทีหนึ่ง
“คุณหนูโค่วพบกับท่านซงหลิงหลายครั้ง ไม่ได้ยินเขาเผยข้อมูลอันใดบ้างหรือ”
ซินโย่วค่อยๆ ส่ายหน้า ก่อนพลันนิ่งอึ้งไปทันที “มีเรื่องหนึ่ง…แต่หม่อมฉันรู้ว่าท่านซงหลิงล้อเล่น…”
“ลองว่ามา”
“ท่านซงหลิงบอกว่าจะไปจากเมืองหลวงสักระยะหนึ่ง หม่อมฉันเคยถามว่าเขาจะไปที่ใด จะกลับมาเมื่อใด ท่านซงหลิงชี้ไปที่ต้นฉบับนิยายของเขา ว่าจะไปบ้านเกิดราชาวานร…”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้คว้า ‘บันทึกตะวันตก’ มาเปิดอ่านทันที สายตาจับต้องไปที่อักษร “ทางใต้ของแม่น้ำลั่วเจียง…”
อ่านต่อไปอีก ก็เอ่ยถึงประวัติราชาวานร ไม่ได้เอ่ยเพียงแค่ทางใต้ของแม่น้ำลั่วเจียง ยังระบุสถานที่ชัดเจน…หว่านหยาง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ปิดนิยายลงทันที พร้อมกับพระทัยเต้นแรง
หว่านหยาง หรือว่าซินซินอยู่หว่านหยาง?
ถึงกับเป็นหว่านหยางหรือ
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พระทัยเต้นแรง แต่ต่อหน้าซินโย่วยังคงรักษาความสุขุมในแบบฮ่องเต้ไว้ได้ “เรารู้แล้ว ชิงเซียว…”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าส่งคุณหนูโค่วกลับไปก่อน แล้วค่อยกลับเข้าวังมาอีกครั้ง เรามีงานให้เจ้าไปทำ”
เฮ่อชิงเซียวรับคำทันที
“หม่อมฉันทูลลา” ซินโย่วย่อกายลง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อดมองไปที่มวยผมน่าเอ็นดูสองข้างบนศีรษะของสาวน้อยไม่ได้ เหมือนภูตผีดลใจให้ตรัสออกไปว่า “คุณหนูโค่ว วันนี้ลำบากเจ้าแล้ว พระราชทานปิ่นไข่มุกให้อีกสองคู่ ไข่มุกหนึ่งกล่อง”
ซินโย่วเหลือบตามองประหลาดใจ แต่ก็หลุบตาลงรวดเร็ว “ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท”
ตอนออกจากวัง ในมือนางก็มีกล่องเครื่องประดับ รวมกับที่พระราชทานที่เหอหยวน ระยะนี้ไม่จำเป็นต้องซื้อหาเครื่องประดับแล้ว
หิมะยังไม่หยุดตก ซินโย่วกับเฮ่อชิงเซียว คนหนึ่งนั่งรถ คนหนึ่งขี่ม้า ตลอดทางมาไม่เอ่ยอันใดจนกระทั่งรถม้าหยุดนิ่งลง เฮ่อชิงเซียวจึงได้เอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณหนูโค่วรีบไปพักผ่อนเถอะ”
“ใต้เท้าเฮ่อระวังความปลอดภัยด้วยเจ้าค่ะ” ซินโย่วเดินเข้าจวนรองเจ้ากรม ก็เห็นเสี่ยวเหลียนรออยู่ที่หน้าประตูห้อง
“คุณหนู ท่านกลับมาแล้ว” เสี่ยวเหลียนมองไปที่กล่องในมือซินโย่ว
ซินโย่วส่งให้นาง “ฮ่องเต้พระราชทาน เก็บให้ดี”
“เจ้าค่ะ”
ทั้งสองคนเดินจากไปไกลแล้ว แต่เสียงในลำคอของคนเฝ้าประตูดังขึ้น
คุณหนูนอกเก่งกาจยิ่งนัก ของพระราชทานไหลบ่ามาราวกับสายน้ำ
ตอนเฮ่อชิงเซียวกลับเข้าวังอีกครั้ง ท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว
“ส่งคุณหนูโค่วกลับไปแล้ว?” ตอนเฮ่อชิงเซียวยังไม่กลับมา ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงอ่าน ‘บันทึกตะวันตก’อีกหลายรอบ ตอนนี้สงบพระทัยลงแล้ว
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมส่งคุณหนูโค่วกลับจวนรองเจ้ากรมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พยักหน้า ตรัสถึงสาเหตุที่ให้เฮ่อชิงเซียวกลับเข้าวังมาอีกครั้ง “พรุ่งนี้เจ้าไปหว่านหยาง สืบหาร่องรอยท่านซงหลิง”
เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนตอบว่า “แล้วก็ร่องรอยของฮองเฮา”
เฮ่อชิงเซียวมองด้วยแววตาตกใจ
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สีหน้าเข้มเล็กน้อย “นำคนไว้ใจได้ไปมากหน่อย เรื่องอื่นไม่ต้องถามมาก”
“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา”
เฮ่อชิงเซียวเตรียมจะกลับ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสเรียกเขาไว้ “หากหาฮองเฮาพบ รีบพานางกลับเมืองหลวงมาพบเรา”
เฮ่อชิงเซียวคิดอยากลอบถามท่าทีฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ต่อฮองเฮาซิน จึงทูลด้วยสีหน้าลำบากใจ “หากฮองเฮาไม่ยินยอมตามกระหม่อมกลับเมืองหลวง…”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สุรเสียงเด็ดขาด “ต้องพาฮองเฮากลับมาเมืองหลวงให้ได้ แต่ห้ามเสียมารยาทต่อนาง”
“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
กลับถึงจวนฉางเล่อโหว เฮ่อชิงเซียวกินข้าวไปได้ไม่กี่คำก็รีบกลับเข้าห้องหนังสือเก็บตัวเงียบ
น้ากุ้ยมองประตูที่ปิดลงพลางถอนหายใจ
ปีใหม่ยังงานยุ่งเช่นนี้ อย่าว่าแต่แต่งภรรยา แม้แต่เวลากินข้าวก็ยังไม่มี ฮ่องเต้ทรงให้ท่านโหวดำรงตำแหน่งเจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน คงมิใช่มีเจตนานี้แอบแฝงกระมัง
ในห้องหนังสือ
เฮ่อชิงเซียวกลับไม่ได้จัดการเอกสารแต่ละอย่างดังที่น้ากุ้ยคิด แต่กำลังอ่าน ‘บันทึกตะวันตก’ บรรจงอ่านทีละอักษร
วันต่อมาหลังพระอาทิตย์ขึ้น แสงอาทิตย์งดงามแต่ไม่ให้ความอบอุ่นสักเท่าใด หลังคามีหิมะกองหนาเป็นที่สะดุดตา
ก่อนเฮ่อชิงเซียวไปจากเมืองหลวง ยังไปเยือนจวนรองเจ้ากรม
รองเจ้ากรมต้วนสีหน้ามีรอยยิ้ม แต่พอซินโย่วไปพบกับเฮ่อชิงเซียวที่ลานแล้ว ในใจเริ่มไม่พอใจขึ้นมา เป็นถึงเจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน มาเยือนเป็นครั้งที่สาม แม้ฆ่าคนวางเพลิง ก็ไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นนี้กระมัง
ในลาน เฮ่อชิงเซียวเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูโค่ว วันนี้ข้าจะออกจากเมืองหลวงไปหว่านหยางแล้ว”
“ขอให้ใต้เท้าเฮ่อเดินทางโดยสวัสดิภาพ”
เฮ่อชิงเซียวนิ่งเงียบครู่หนึ่งก็ถามขึ้นว่า “คุณหนูโค่วไม่มีเรื่องอื่นอยากจะเอ่ยแล้วหรือ”
ซินโย่วก้มหน้าลงเล็กน้อย กวาดตามองก้อนหินบนพื้นที่มีหิมะปกคลุม เห็นหญ้าแห้งล้มกองอยู่ตามรอยแยก
นางเงียบไปครู่หนึ่ง จึงได้เอ่ยว่า “หวังว่าใต้เท้าเฮ่อจะสืบหาความจริงได้ นำหลักฐานกลับมาเมืองหลวงเร็ววัน”
“อืม” เฮ่อชิงเซียวรับคำเบาๆ จากนั้นก็เอ่ยน้ำเสียงเบายิ่งว่า “ท่านซงหลิง… ก็คือคุณชายซินหรือ”
ก่อนหน้าคุณหนูโค่วบอกว่ามีวิธีทำให้ฮ่องเต้ทรงสั่งให้ตรวจสอบเรื่องหว่านหยางด้วยพระองค์เอง จนกระทั่งเมื่อวานเขาจึงได้รู้ว่าวิธีการใด
ใน ‘บันทึกตะวันตก’ เอ่ยถึงหว่านหยาง น่าจะมีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับฮองเฮาแฝงอยู่ในนิยาย ทำให้ฮ่องเต้ทรงทราบ
คุณหนูโค่วเป็นคนของฮองเฮาซิน รู้ความลับก็ย่อมไม่แปลก แต่ท่านซงหลิงที่เขียน ‘บันทึกตะวันตก’ รู้ได้อย่างไร
หนึ่ง ท่านซงหลิงเองก็มาจากหุบเขานั้น พวกเขาเดิมก็เป็นพวกเดียวกัน สอง ท่านซงหลิงก็คือตัวคุณหนูโค่วเอง
ท่านซงหลิงมีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองหลวง แต่กลับไม่พบร่องรอยของเขา เห็นชัดว่าประการหลังมีความเป็นไปได้มากที่สุด คนคนหนึ่งไร้ตัวตน ย่อมไร้ร่องรอย
และด้วยสถานะเขา บางเรื่องแม้รู้อยู่แล้ว แต่กลับไม่อาจเอ่ยถาม
เช่นเรื่องคุณหนูโค่ว ท่านซงหลิง… คุณชายซิน