สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 213 พ่ายแพ้
ตอนที่ 213 พ่ายแพ้
ขณะสบตากับชิ่งอ๋อง ซินโย่วก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ได้ประสงค์ดี
แล้วจะอย่างไรเล่า ตั้งแต่เอ่ยคำพูดนั้นกับไต้เจ๋อ นางก็รอคอยวันนี้มาตลอด
กล่าวว่านางวางแผนที่มีดปรากฏก็ดี เปิดเผยโดยตรงก็ช่าง วันนี้ขอเพียงเอาชีวิตชิ่งอ๋องได้ สำหรับนางก็คือความสำเร็จ
ซินโย่วเดินหนักแน่นเข้ามาคำนับชิ่งอ๋อง “ถวายบังคมชิ่งอ๋อง”
ชิ่งอ๋องเชิดใบหน้าขึ้น “เราแต่งกายสามัญออกมา คุณหนูโค่วไม่ต้องมากพิธี ที่มาวันนี้เพราะมีเรื่องจะคุยกับคุณหนูโค่ว”
“ชิ่งอ๋องเชิญตามหม่อมฉันมา” ซินโย่วนำชิ่งอ๋องเดินไปห้องรับรอง
ชิ่งอ๋องหันไปสั่งการบ่าวติดตามสองคน “พวกเจ้าเฝ้าอยู่ตรงนี้ก็พอ”
มีบางเรื่อง คนยิ่งรู้น้อยยิ่งดี
ส่วนคุณหนูโค่ว…แววตาชิ่งอ๋องเผยรังสีสังหาร
หากสามารถพยากรณ์ข่าวบางอย่างได้จริง ก็จะพิจารณาไว้ชีวิตนาง หากมีใจคิดวางอุบาย จะไม่ปล่อยนางไปอย่างแน่นอน!
ในห้องรับรอง ในแจกันลายครามฐานกว้างยังคงปักดอกซานอิง เพียงแต่สีชมพูได้เปลี่ยนเป็นสีขาวดุจหิมะแล้ว
หลิวโจวนำน้ำชาเข้ามาส่งแล้วก็ออกไป ประตูห้องรับรองปิดลง
แก้วน้ำชาสองใบวางอยู่ตรงกลาง ชิ่งอ๋องมองประเมินสาวน้อยตรงหน้า
ใบหน้าเรียวตาประณีตงาม แลดูสูงศักดิ์เทียมฟ้า ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ
ชิ่งอ๋องไม่อยากยอมรับว่า ยามเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายเสด็จอาตน เขาคล้ายจะไม่อาจระงับความหวาดระแวงในใจได้
อารมณ์น่าประหลาดนี้ทำให้อารมณ์ชิ่งอ๋องยิ่งโหดเหี้ยม พอเอ่ยขึ้นก็ล้วนเป็นวาจาเย็นเยียบ “คุณหนูโค่ว ข้าไม่ชอบอ้อมค้อม ขอกล่าวตรงๆ”
ซินโย่วกุมจอกชา ขยับร่างกายมาด้านหน้าเล็กน้อย ทำท่าทางเหมือนตั้งใจฟัง “ชิ่งอ๋อง เชิญกล่าวเพคะ”
ชิ่งอ๋องเองก็ถือแก้วชาในมือเล่น แต่กลับไม่มีทีท่าว่าจะดื่ม “คุณหนูโค่วบอกไต้เจ๋อว่าการตายของลุงข้าเกี่ยวข้องกับข้า หมายความเช่นไร”
สาวน้อยตรงหน้ามีทีท่าเคร่งเครียด “คุณชายไต้บอกชิ่งอ๋องแล้ว”
“เรื่องนี้ไม่สำคัญ” ชิ่งอ๋องสีหน้าเริ่มทนไม่ไหว “ข้าต้องการรู้แค่ว่า การตายของลุงข้าเกี่ยวอันใดกับข้า!”
ซินโย่วมองประเมินชิ่งอ๋องอย่างละเอียด
ชิ่งอ๋องแค่นเยาะ “คุณหนูโค่วกำลังดูนรลักษณ์ข้าหรือ”
ซินโย่วเม้มปาก สีหน้านิ่งเรียบลง “ดูท่าชิ่งอ๋องไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ในเมื่อไม่เชื่อ เชิญท่านกลับไปดีกว่าเพคะ”
ปล่อยแก้วในมือลงแล้วก็ตบโต๊ะ ใบหน้ารูปงามยามนี้มีเพียงความเหี้ยมโหด “เดิมข้าเรียกเจ้าว่า ‘คุณหนูโค่ว’ ก็คิดไปว่าตนเองมีเกียรติหรือ! เจ้ามันตัวอันใด กล้าวางตัวสูงส่งต่อหน้าข้า!”
ในห้องรับรองเล็ก ๆ ไม่มีคนที่สาม ชิ่งอ๋องระเบิดความดูแคลนและร้ายกาจออกมาอย่างไม่ต้องกังวลเรื่องใด
บรรยากาศพลันเคร่งเครียดขึ้นมา สาวน้อยเผยสีหน้าโมโหยามถูกลบหลู่ “หม่อมฉันไม่กล้าวางตัวสูงส่งต่อหน้าชิ่งอ๋อง เพียงแต่ในเมื่อชิ่งอ๋องไม่เชื่อ ไยต้องมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ด้วย”
เห็นนางลุกขึ้นจะเดินออกไป ชิ่งอ๋องก็คว้านางไว้ “หยุดนะ! เราอนุญาตให้เจ้าไปแล้วหรือ”
กระชากกันได้ครู่หนึ่ง ทั้งสองคนก็เขยิบเข้าใกล้กัน
ชิ่งอ๋องสูงกว่าซินโย่วสามนิ้ว แม้ยังไม่ได้วัยสวมกวน แต่โครงร่างผู้ชายก็ไม่ใช่เรื่องที่ผู้หญิงจะเทียบได้
ความกดดันในหลายวันนี้ การได้รู้ความจริง และการที่สาวน้อยตรงหน้าไม่ยอมสยบเชื่อฟังทำให้เขาโมโหจนขาดสติ และความคิดว่าแรงกำลังตนเองได้เปรียบกว่า สาเหตุต่างๆ มารวมกัน ทำให้เดิมซินโย่วที่ยังไม่คุ้นเคยและไม่ได้รับความไว้วางใจจากชิ่งอ๋องมีโอกาสเข้าใกล้เป้าหมาย
“ชิ่งอ๋องเป็นถึงอ๋อง เอาเรื่องหญิงสาวตัวเล็ก ๆ เช่นหม่อมฉัน ไม่กลัวแพร่ออกไปส่งผลต่อชื่อเสียงท่านหรือ”
คำพูดนี้ทำให้ชิ่งอ๋องยิ่งโมโห “เจ้ายังกล้าข่มขู่ข้า”
เขาใช้มือหนึ่งบีบคางหญิงสาวอย่างไม่คิดทะนุถนอมแม้แต่น้อย “ข้าไม่เข้าใจจริงๆ เจ้าเอาความมั่นใจมาจากที่ใด ทำให้เจ้ากล้าวางตัวสูงส่งต่อหน้าข้าเช่นนี้ องค์หญิงใหญ่เจาหยางหรือ หรือว่าเพราะเจ้าบริจาคห้าหมื่นตำลึง…”
คำพูดเสียดสีเหล่านี้เข้าหูซินโย่วไป แต่เหมือนนางไม่ได้เก็บมาใส่ใจ สีหน้านางยังคงเป็นความโมโหที่ถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรี สมองกลับนิ่งสงบอย่างน่าตกใจ ขณะที่ชิ่งอ๋องยิ่งพูดยิ่งไหลลื่น มือหนึ่งก็ค่อยๆ ยกขึ้น
หว่างนิ้วนางมีใบมีดบางคมกริบดังปีกจักจั่น เพียงแค่ปาดลงบนลำคอของชายที่กำลังโมโหขาดสติอยู่ทีหนึ่ง…
เสียงหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับเสียงตวาดของบ่าวรับใช้ชิ่งอ๋อง “หยุดนะ! บังอาจ!”
ซินโย่วกับชิ่งอ๋องหันขวับไปมองพร้อมกัน
นอกประตูห้องรับรอง เฮ่อชิงเซียวยังคงสวมชุดแดงดังเดิม ใบหน้าขาวดังหิมะ แววตางามกระจ่างมองมาที่ทั้งสองคน
ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก แม้ถูกเขาบุกเข้ามากะทันหัน ก็มองออกว่ากำลังอยู่ในภาวะตึงเครียด
ชิ่งอ๋องสะบัดมือทิ้ง เดินเข้าไปหาอย่างเดือดดาล “เฮ่อชิงเซียว เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
นอกประตูยังมีคนของเขาเฝ้าอยู่ ถึงกับกล้าบุกเข้ามา เฮ่อชิงเซียวเสียสติไปแล้วหรือ
ชิ่งอ๋องถูกหยามเกียรติอยู่หลายครั้งก็โมโหเดือดถึงขีดสุด
เผชิญหน้ากับชิ่งอ๋องที่กำลังโมโหเดือดถึงขีดสุด เฮ่อชิงเซียวก็นิ่งประสานมือ “ไม่ทราบว่าในนี้คือชิ่งอ๋อง ขอชิ่งอ๋องโปรดอภัย”
“ไม่รู้? เจ้าไม่เห็นบ่าวรับใช้ข้าที่นอกประตูหรือ”
เฮ่อชิงเซียวมองตาสายตาชิ่งอ๋องไปที่สองบ่าว เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “กระหม่อมกำลังทำคดีอยู่ เห็นทั้งสองคนแต่งกายปกติไม่ทันได้มองว่าเป็นบ่าวของท่านอ๋อง พวกเขาก็มิได้แสดงสถานะ ทำให้ท่านอ๋องตกใจ ขออภัยเป็นอย่างยิ่ง”
“เจ้า…” ชิ่งอ๋องคิดระเบิดโทสะ แต่เห็นเฮ่อชิงเซียวในชุดขุนนางสีแดงกับกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินที่ตามหลังเข้ามา ก็ได้เก็บกดอารมณ์ไว้
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินทำคดี มีใหญ่มีเล็ก หากไปแตะต้องอาจถูกแว้งกัดได้
พอห้องรับรองเปิดประตูออก กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินปรากฏตัว บรรยากาศที่ซินโย่วตั้งใจยั่วยุให้เกิดก็ค่อยๆ สงบลง สติชิ่งอ๋องเองก็กลับคืนเป็นปกติแล้ว
“ข้าคิดไม่ออกจริงๆ ท่านโหวทำคดี เหตุใดจึงบุกมาในห้องรับรองของคุณหนูโค่ว” ชิ่งอ๋องมองเฮ่อชิงเซียวก่อนจะมองซินโย่ว น้ำเสียงแฝงความนัย
เผชิญหน้ากับความสงสัย เฮ่อชิงเซียวยังคงสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน “เพราะเรื่องที่ต้องการสืบอาจเกี่ยวข้องกับคุณหนูโค่ว ต้องการนำตัวคุณหนูโค่วไปที่ทำการสอบถาม”
ชิ่งอ๋องคิดโยงไปถึงการปรากฏตัวของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินบนท้องถนนในหลายวันนี้ หัวใจก็กระตุกวาบ ความสงสัยในคำพูดของเฮ่อชิงเซียวน้อยลงไปกว่าครึ่ง
เฮ่อชิงเซียวประสานมือ “หากชิ่งอ๋องไม่มีเรื่องอื่นแล้ว กระหม่อมก็ขอพาตัวคุณหนูโค่วไปก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
ชิ่งอ๋องเอี้ยวตัวหลบ “ไม่มีเรื่องอันใด เพียงแค่มาถามคุณหนูโค่วว่าท่านซงหลิงยังมีนิยายใหม่อีกไหม”
เอ่ยถึงตรงนี้ เขาก็มองซินโย่วนิ่งทีหนึ่ง “คุณหนูโค่ว เจ้าว่าใช่หรือไม่”
ซินโย่วหลุบตาลง สั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด เป็นนานก่อนจะกล่าวออกมาว่า “ใช่เพคะ”
ปฏิกิริยานี้ทำให้ชิ่งอ๋องพึงพอใจอยู่ไม่น้อย
หากนางรู้จักความสามารถตนเองกระจ่างเช่นนี้แต่ต้น อย่าได้วางท่าทางสูงส่งไม่ยอมอ่อนข้อต่อหน้าเขา เขาเองก็ใช่ว่าจะไร้ความอดทนฟังนางพูดจาเหลวไหลไร้สาระ
“คุณหนูโค่ว เรื่องนิยายใหม่ยังคุยไม่จบ วันหน้าข้าค่อยมาขอความรู้อีกครั้ง” ชิ่งอ๋องพูดจบก็ก้าวเท้ายาวจากไป
เฮ่อชิงเซียวเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น “คุณหนูโค่วไปกันเถอะ”
ซินโย่วเดินตามหลังเขาออกจากร้านหนังสือโดยไม่เอ่ยอันใด ถูกพาไปที่สำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเข้ามาในสถานที่เช่นนี้ ตั้งแต่เข้ามาจนกระทั่งไปถึงห้องหนึ่ง สีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกมาโดยตลอด
เฮ่อชิงเซียวบอกให้ลูกน้องถอยออกไป ในห้องเหลือเพียงสองคน
เขามองนางเป็นนานก่อนจะถามขึ้นเบาๆ ว่า “คุณหนูโค่ว บนโลกนี้…ไม่มีคนที่ท่านใส่ใจหรือ”