สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 217 ผลสอบซิ่งปั่ง
ตอนที่ 217 ผลสอบซิ่งปั่ง
คุณหนูจูร้องไห้อยู่นาน ก่อนจะปาดน้ำตาเช็ดหน้าไปมา เผยให้เห็นแววตาแดงก่ำ “ขออภัย…”
นางเองก็ไม่รู้ว่าขออภัยทำไม เพียงแต่เห็นสีหน้าสงบนิ่งของสาวน้อยตรงหน้า ก็เกิดความหวังอย่างไร้เหตุผล
“คุณหนูจูเรื่องของเจ้าขอข้าคิดดูสักหน่อยว่าจะทำอย่างไรจึงจะเหมาะสม เจ้าอดทนรอหน่อยได้หรือไม่” ซินโย่วกำลังกล่อมอยู่ก็พลันนึกถึงเฮ่อชิงเซียว
เขากล่อมให้นางอดทนสักหน่อย อย่าได้เอาชีวิตมาแก้แค้น ก็คงอารมณ์เดียวกันนี้กระมัง
คุณหนูจูหลุบตานิ่งเงียบเป็นนานก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
ซินโย่วสั่งการเสี่ยวเหลียนให้พาคุณหนูจูไปพักที่ห้องเรือนข้าง ส่งสือโถวนำจดหมายไปให้เฮ่อชิงเซียวที่สำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ
วันนี้ท้องถนนทุกแห่งล้วนมีการรายงานบรรยากาศมงคล เสียงฆ้องเสียงกลองตีดังครึกครื้นอย่างมาก สือโถวได้เห็นขบวนผ่านพอดี ก็มองอย่างอยากรู้สองที ไม่กล้าเสียเวลานำจดหมายไปส่ง
เฮ่อชิงเซียวได้รับจดหมายก็ขี่ม้าไปร้านหนังสือชิงซง
“ใต้เท้าเฮ่อ เจ้าของร้านเชิญท่านไปคุยที่เรือนตะวันออกขอรับ” หลิวโจวเห็นเฮ่อชิงเซียวเข้ามาก็เข้าไปต้อนรับเบาๆ
เฮ่อชิงเซียวรู้ว่าซินโย่วมาหาเขายามนี้ย่อมต้องมีเรื่องสำคัญ รีบก้าวเท้าไปยังเรือนตะวันออก
ซินโย่วรออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่กลางลาน แสงแดสาดส่องลอดผ่านใบไม้ชอุ่ม ส่องลงบนโต๊ะหินม้าหินเกิดภาพเงาเป็นลวดลาย แต่ยังทำให้เรือนผมและเสื้อผ้าของสาวน้อยเปล่งประกายบางๆ ชั้นหนึ่งดังภาพวาดงดงาม
เฮ่อชิงเซียวอดชะงักไม่ได้ แววตาค่อยๆ ถูกแสงแดดร้อนแรงกระทบจนรู้สึกแสบเคือง
ซินโย่วลุกขึ้นไปรับ ทักทายอย่างสนิทสนม “ใต้เท้าเฮ่อ”
เฮ่อชิงเซียวพาตกเองออกจากภวังค์ความคิด กลับคืนสู่ท่าทีสงบสุขุมดังเดิม “คุณหนูโค่วหาข้า มีเรื่องอันใดหรือ”
ซินโย่วเชิญเฮ่อชิงเซียวไปนั่งที่ม้าหินใต้ต้นไม้ ก่อนจะถามขึ้นว่า “ใต้เท้าเฮ่อ คนที่ส่งไปติ้งเป่ยมีจดหมายรายงานมาหรือยัง”
ติ้งเป่ยนับว่าไม่ไกลจากเมืองหลวง ม้าเร็วนำข่าวด่วนกลับมา สองวันก็เพียงพอแล้ว
“ได้รับรายงานแล้ว” สีหน้าเฮ่อชิงเซียวแปรเปลี่ยน “สารรายงานว่า คนในเมืองผิงเฉิงต่างชมเชยชิ่งอ๋องปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนพระองค์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ต่างซาบซึ้งใจอย่างมาก”
เมืองผิงเฉิงเป็นเมืองเอกของมณฑลติ้งเป่ย เป็นศูนย์กลางของพื้นที่ติ้งเป่ย
ผลเช่นนี้ทำให้เฮ่อชิงเซียวตกใจ แต่สุดท้ายก็ไม่รู้สึกเหนือความคาดหมาย
เพิ่งเอ่ยถึงว่าในบรรดามณฑลในราชวงศ์ต้าซย่า ติ้งเป่ยนับว่าใกล้กับเมืองหลวง หากผู้ประสบภัยเมืองผิงเฉิงไม่ได้รับการดูแลให้อย่างเหมาะสม ข่าวก็ย่อมเล็ดลอดมาถึงเมืองหลวง หากพวกชิ่งอ๋องไม่ได้หน้ามืดตามัว อย่างไรก็คงต้องทำเมืองผิงเฉิงให้เป็นตัวอย่าง
“พวกเขาได้สืบลึกลงไปในพื้นที่อำเภอเป่ยเฉวียน พิสูจน์คำพูดของชายหนุ่มผู้นั้นว่าเป็นความจริงหรือไม่…” เฮ่อชิงเซียวเล่าถึงการจัดการต่อจากนั้น
เดิมเขาไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้มากนัก เรื่องนี้เกี่ยวพันกับอำนาจพิเศษในการทำงานของสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ แต่วันนั้นนางมุ่งหมายแลกด้วยชีวิต ทำให้เขาตกใจจริงๆ
“ใต้เท้าเฮ่อให้ลูกน้องท่านไปสืบตำบลไท่ผิงดูสักหน่อย”
การที่ซินโย่วเอ่ยถึงตำบลหนึ่งในติ้งเป่ย ทำให้เฮ่อชิงเซียวคาดไม่ถึงอยู่บ้าง พลันนึกได้ว่าการที่คุณหนูโค่วตามเขามาในวันนี้ เกรงว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับตำบลไท่ผิงนี้
ซินโย่วไม่ได้ปล่อยให้เขาสงสัยนานนัก เอ่ยถึงเรื่องคุณหนูจู “วันนี้ชิ่งอ๋องมาอีกแล้ว มีคุณหนูผู้หนึ่งคิดลอบสังหารเขา ก่อนนางลงมือถูกข้าสกัดไว้ได้ทัน…”
เฮ่อชิงเซียวนิ่งฟังจบ แววตาเต็มไปด้วยโทสะ
สังหารคนทั้งตำบล ใช้คำว่าเสียสติคลุ้มคลั่งมาบรรยายก็ยังรู้สึกว่าน้อยเกินไป
“ใต้เท้าเฮ่อ ตอนนี้นอกจากชายหนุ่มบุตรชายนายทะเบียนแล้ว ก็ยังมีคุณหนูจูเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง จากนี้ไปควรทำเช่นไรต่อ”
แม้ซินโย่วเชิญเฮ่อชิงเซียวมาหารือ แต่ไม่ได้ให้คุณหนูจูได้พบกับเฮ่อชิงเซียว
คุณหนูจูต้องการเอาชีวิตชิ่งอ๋อง นางเองก็ต้องการเอาชีวิตชิ่งอ๋อง เดิมใต้เท้าเฮ่อเป็นคนนอก การจัดให้เขาอยู่วงนอกเป็นการดีที่สุด
“จัดให้คุณหนูจูไปพักอยู่นอกร้านหนังสือก่อน รอให้ลูกน้องสืบเรื่องตำบลไท่ผิงก่อนค่อยว่ากัน”
ซินโย่วพยักหน้ารับคำ
ก่อนไป เฮ่อชิงเซียวอดถามขึ้นไม่ได้ว่า “วันนี้ชิ่งอ๋องมาร้านหนังสือ ไม่ได้ทำให้คุณหนูโค่วลำบากใจกระมัง”
“ไม่มี ข้ารับมือได้ด้วยคำพูดสองสามคำเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ดี ก่อนที่เรื่องติ้งเป่ยจะกระจ่าง คุณหนูโค่วพยายามหลบชิ่งอ๋องสักหน่อย”
จากนั้นซินโย่วก็จัดหาที่พักให้คุณหนูจูที่ไม่ไกลจากร้านหนังสือ เฮ่อชิงเซียวเองก็แอบส่งคนไปคอยเฝ้าไว้เพื่อป้องกันเหตุผิดพลาด
พอถึงยามบ่าย ซินโย่วเตรียมจะพักผ่อนก็มีคนจากจวนรองเจ้ากรมมา
ต้วนอวิ๋นเฉินมีชื่อติดประกาศการสอบหุ้ยซื่อ[1] ขอให้นางกลับจวน
ท่านซงหลิงเป็นเป้าจับตาของวังหลวง ตอนนี้ซินโย่วก็ยิ่งต้องการสถานะโค่วชิงชิงช่วยปิดบัง ดังนี้จึงไม่หาเหตุปฏิเสธ พาเสี่ยวเหลียนกลับจวนรองเจ้ากรม
เพราะการตายของกู้ชางป๋อ จวนรองเจ้ากรมจึงไม่ได้ประดับประดาผ้าแพรสีสันและโคมไฟฉลอง แต่ความดีใจของทุกคนในจวนล้วนไม่อาจเก็บซ่อน
นายหญิงผู้เฒ่าเดิมกระทบกระเทือนจิตใจล้มป่วยอยู่หลายวัน ตอนนี้ก็มีกำลังวังชาขึ้นมา อมยิ้มรับฟังคำพูดมงคล แจกเงินรางวัลดังสายน้ำไหล
ในบรรดาหลานๆ ซินโย่วเห็นเพียงต้วนอวิ๋นหลิงกับต้วนอวิ๋นเยี่ยน
“พี่ใหญ่เจ้ากับบรรดาสหายร่วมรุ่นไปเดินรอบเมืองเฉลิมฉลอง ยังไม่กลับมา พี่รองเจ้าไม่ได้หยุดเรียนที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน” เอ่ยถึงหลานทั้งสอง นายหญิงผู้เฒ่าก็ยิ้มตาหยี พอเอ่ยถึงต้วนอวิ๋นหวา สีหน้าก็เรียบเฉย “พี่หวาเจ้าเป็นหวัด ต้องพักผ่อนให้ดีๆ”
ซินโย่วรับรู้ได้ถึงท่าทีของนายหญิงผู้เฒ่าต่อนางเปลี่ยนไป
วันปีใหม่ไปถวายพระพรปีใหม่ หลังไทเฮาเอ่ยถึงเรื่องแต่งงานของนาง นางก็รับรู้ได้ถึงความเย็นชาของนายหญิงผู้เฒ่า
ความรู้สึกของซินโย่วไม่ผิด นายหญิงผู้เฒ่าหันกลับมาให้ความสำคัญกับหลานสาวคนนี้อีกครั้งจริงๆ
หลังจากความหวังของตระกูลหมดสิ้นลง นายหญิงผู้เฒ่าก็นึกถึงหกแสนที่หลานสาวเอาคืนไปขึ้นมาแล้วก็รู้สึกปวดใจ ทำให้ไม่ชอบใจซินโย่ว แต่พอกู้ชางป๋อตายลง หลานสาวรองอนาคตยากคาดเดา ถึงกับอาจส่งผลกระทบต่อจวนรองเจ้ากรม หากหลานสาวที่เป็นที่จับตาของคนในวังได้แต่งงานกับคนที่พอใช้ได้สักคน กล่อมนางไว้ได้ก็จะเป็นเรี่ยวแรงสำคัญให้กับจวนรองเจ้ากรมได้
ต้วนอวิ๋นเฉินมีชื่อติดประกาศ ความจริงติดลำดับไม่สูง เกินอันดับสองร้อย แต่ด้วยอายุของเขา สอบได้เช่นนี้ก็นับว่าโดดเด่นแล้ว
ซินโย่วกล่าวแสดงความยินดีแล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะของนายหญิงผู้เฒ่า พลันกลายเป็นภาพยายหลานรักใคร่ปรองดองอยู่ไม่น้อย
กล่าวถึงการแสดงความยินดีกับต้วนอวิ๋นเฉิน ต้วนอวิ๋นเฉินไปดื่มสุรากับสหายร่วมรุ่นที่สอบติดเช่นกันจึงได้กลับมา
ซินโย่วเอ่ยว่าจะกลับร้านหนังสือ ต้วนอวิ๋นเฉินเอ่ยอาสาไปส่งนางด้วยตนเอง
“ไม่จำเป็นต้องลำบากพี่ใหญ่”
ต้วนอวิ๋นเฉินยืนยัน “น้องชิงมาอวยพรข้า ตอนนี้ฟ้าก็ค่ำมืดแล้ว ข้าไปส่งน้องชิงก็เป็นเรื่องสมควร”
นายหญิงผู้เฒ่าดีใจที่เห็นความสัมพันธ์ของทั้งสองคนผ่อนลง ก็เอ่ยว่า “ให้พี่ใหญ่เจ้าไปส่งเถอะ วันหน้าเขาก็ไม่ต้องยุ่งกับการเรียนทั้งวัน พอมีเวลาแล้ว”
มีชื่อติดประกาศซิ่งปั่ง วันหน้าการเข้าสอบเตี้ยนซื่อก็เป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว ต้วนอวิ๋นเฉินนับว่าจบเส้นทางตรากตรำเรียนหนังสือก้าวเข้าสู่เส้นทางขุนนางแล้ว
ซินโย่วไม่ได้ปฏิเสธอีก
หลายบ้านต่างจุดโคมไฟสว่างกันแล้ว ท้องถนนยังคงมีผู้คนไปมา
พอถึงร้านหนังสือชิงซง ซินโย่วก็ลงจากรถ พยักหน้าให้ต้วนอวิ๋นเฉินเล็กน้อย “ถึงแล้ว พี่ใหญ่กลับไปเถอะ”
ต้วนอวิ๋นเฉินเริ่มมีอาการเมาสุรา เพราะค่ำคืนสลัวปิดบังสีหน้าทำให้มีความกล้ามากขึ้น มองสาวน้อยสีหน้าเย็นชาตรงหน้าก็เอ่ยวาจาที่อัดแน่นอยู่ในใจมานานลง
“น้องชิง ข้ารู้สึกว่าเจ้าเปลี่ยนไปมาก” เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ค่อยๆ เอ่ยว่า “คล้ายเป็นคนละคน”
เสี่ยวเหลียนที่ตามหลังซินโย่วสูดลมหายใจเฮือกใหญ่
[1] รอบการสอบขุนนางของจีนมีสามรอบ รอบแรกในระดับมณฑลหรือเซี่ยงซื่อจะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจึงเรียกว่า การสอบในฤดูใบไม้ร่วง ผลการสอบจะประกาศขึ้นป้ายเรียกว่า กุ้ยปั่ง เพราะเป็นช่วงดอกกุ้ยบาน ส่วนการสอบระดับเมืองหลวงหรือหุ้ยซื่อ จะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจึงเรียกว่าการสอบในฤดูใบไม้ผลิ ผลการสอบจะประกาศขึ้นป้ายเรียกว่า ซิ่งปั่ง เพราะเป็นช่วงดอกซิ่งบาน ก่อนจะไปสอบหน้าพระที่นั่งเรียกว่า การสอบเตี้ยนซื่อ ผลการสอบจะประกาศขึ้นป้ายเรียกว่า หวงปั่ง