สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 22 เห็นกับตา
ตอนที่ 22 เห็นกับตา
เวลาจำกัด ซินโย่วไม่คิดเอ่ยอ้อมค้อม
บุปผาไหวไปตามแรงลม เสียงนางเบายิ่ง “ข้านึกเรื่องตอนตกหน้าผาได้แล้ว”
ต้วนอวิ๋นหลิงตกตะลึง สีหน้าฉายแววตกใจ หันหลังคิดหนีด้วยสัญชาตญาณ
มือหนึ่งคว้าข้อมือนางไว้ เรียวเล็กแต่มีกำลัง
“น้องหลิงอย่าได้ทำให้เป็นที่สังเกต เจ้าดูผู้ใดมา”
ต้วนอวิ๋นหลิงมองตามสายตาซินโย่วก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยมากเดินไปที่ริมสระน้ำ
“พี่หว่าน!” นางหลุดเสียงออกมา ก่อนมองซินโย่วอย่างนึกสงสัย “พี่รู้ว่าพี่หว่านจะมาที่นี่หรือ”
“ก็มิได้ ข้ารู้สึกว่าหลังเที่ยงที่สวนดอกไม้ไม่มีคน นัดที่นี่ค่อนข้างปลอดภัย”
ซินโย่วตอบน้ำเสียงนิ่งเรียบ ทำให้ต้วนอวิ๋นหลิงคลายความระแวงในใจลง
พวกนางมาก่อน พี่หว่านมาทีหลัง ดูท่าบังเอิญมากกว่า
แต่แม้เป็นเช่นนี้ นางก็ไม่อาจหันหลังกลับได้แล้ว ไม่เช่นนั้นเกิดพี่ชิงร้องตะโกนดัง พี่หว่านก็จะเห็นว่านางมาอยู่ที่นี่กับพี่ชิง
นางไม่กล้า!
นางกลัวทำให้พี่หว่านระแวง ทำให้…ท่านแม่ระแวง
สีหน้าต้วนอวิ๋นหลิงพลันซีดขาว สายตาที่มองซินโย่วมีแต่ความคับแค้นและเหมือนแทบทนไม่ไหว
หลายครั้ง นางคิดบอกความจริงกับพี่ชิง ให้พี่ชิงระวังตัวให้มาก แต่นางกลัวพี่ชิงเก็บเรื่องไว้ไม่อยู่ พลอยเปิดโปงนางไปด้วย
นางยอมรับ นางขี้ขลาดและเห็นแก่ตัว
“น้องหลิงเองก็รู้กระมัง พี่หว่านผลักข้าตกหน้าผา”
ต้วนอวิ๋นหลิงผงะถอยหลังก้าวหนึ่ง มองภาพใบหน้าสงบนิ่งตรงหน้า บางทีเพราะเรื่องที่เก็บไว้ในใจมาหลายวันพลันถูกเปิดเผยออกมา พอนางตั้งสติได้ ปากก็เอ่ยออกไปแล้ว “ข้ารู้แล้วอย่างไร ให้ช่วยเป็นพยานให้พี่ชิงต่อหน้าท่านย่าหรือ”
แววตาดำขลับกระจ่างใสคู่นั้นทำให้ในใจนางราวกับมีเข็มทิ่มแทง แต่นางกลับทำได้แค่ส่ายหน้า “ขอโทษด้วย ข้าทำไม่ได้”
“น้องหลิงกลัวนายหญิงใหญ่หรือ” ซินโย่วถามเบาๆ
ต้วนอวิ๋นหลิงสะดุ้ง แววตาหดเกร็ง “พี่รู้?”
เพราะตกใจมากเกินไป น้ำเสียงนางดังขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ซินโย่วยื่นมือขึ้นชี้ทีริมฝีปาก แสดงท่าทางให้นางหรี่เสียงลง
ต้วนอวิ๋นหลิงมองไปที่เงาร่างริมสระอย่างตื่นตกใจ ก่อนจะสบตาดำขลับของสาวน้อยตรงหน้า พลันตั้งสติได้ถึงเป้าหมายที่อีกฝ่ายนัดนางมา “พี่ชิงคิดให้ข้าเปิดโปงท่านแม่ใหญ่?”
ซินโย่วพยักหน้า
“ไม่ได้!” ต้วนอวิ๋นหลิงส่ายหน้าทันที “ไม่ได้เด็ดขาด!”
“เหตุใดไม่ได้”
ซินโย่วถามขึ้นอย่างรู้สึกเป็นคำถามที่สมเหตุสมผลยิ่ง ทำให้ต้วนอวิ๋นหลิงพลันรู้สึกว่านางปฏิเสธทีท่ารุนแรงเช่นนี้เหมือนน่าขันไปสักหน่อย
แต่ไม่ได้เด็ดขาด นางเป็นเพียงบุตรสาวอนุตัวเล็กๆ โชคจะดีหรือไม่ล้วนอยู่ในกำมือท่านแม่ใหญ่ นางจะกล้าได้อย่างไร
คิดถึงพี่หว่านที่ถูกท่านแม่ใหญ่บีบให้เป็นมือสังหารแล้ว นางก็รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก
ต้วนอวิ๋นหลิงมองซินโย่วเอ่ยอันใดไม่ออก แววตาคลอไปด้วยหยาดน้ำตา
ปล่อยนางไปเถอะ เหตุใดมาสร้างความลำบากใจให้นาง นางเพียงแค่ต้องการเติบโตไปให้ดี แล้วก็ออกเรือนไปเท่านั้น
คล้ายรับรู้ได้ถึงความคิดต้วนอวิ๋นหลิง ซินโย่วดึงมือนางมากล่าวว่า “น้องหลิง ครั้งนี้เจ้าโชคดีรอดจากเรื่องราวเหล่านี้ไปได้ แล้วครั้งหน้าเล่า”
ต้วนอวิ๋นหลิงมือสั่น
ซินโย่วปล่อยมือนาง น้ำเสียงอ่อนโยนแฝงความล่อลวงอยู่มาก “น้องหลิงเป็นคนฉลาด ควรเข้าใจได้ดี การจะหวังลมๆ แล้งๆ ว่าคนใจอสรพิษจะละเว้นเจ้า ไม่สู้จัดการให้อสรพิษนั่นไม่อาจทำร้ายคนได้อีก เช่นนี้จึงจะเป็นหนทางรักษาตนให้รอดปลอดภัยอย่างแท้จริง”
“แต่แม้พูดไป ผู้ใดจะเชื่อ” ต้วนอวิ๋นหลิงพึมพำ จิตใจที่หวั่นไหวตัดสินใจได้ทันที “ไม่ได้”
นางเป็นเพียงบุตรสาวอนุที่วาจาไร้น้ำหนัก ท่านแม่ใหญ่เป็นผู้ปกครองในจวน อย่าว่าแต่ท่านย่ากับท่านพ่อจะไม่เชื่อ แม้ว่าภายในใจเชื่อ แต่ภายนอกก็จะไม่เชื่อ
จะออกมายืนยันว่าท่านแม่ใหญ่ทำร้ายพี่ชิง ชื่อเสียงจวนรองเจ้ากรมจะทำอย่างไร อนาคตพี่ใหญ่จะทำอย่างไร
ต้วนอวิ๋นหลิงคิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาแล้วก็พลันรู้สึกว่าภูผาหนักอึ้งกดทับจนหายใจแทบไม่ออก ก่อนหันไปมองสายตาวาดหวังของสาวน้อย ความเห็นใจก็ล้นทะลักออกมา
นางกุมมือซินโย่วเอ่ยอย่างจริงใจว่า “พี่ชิง พี่ก็ทำเหมือนว่ายังนึกไม่ออกก็แล้วกัน แล้วไปเถอะนะ”
ซินโย่วกลับไม่ตอบนาง แต่มองตรงไปยังริมสระน้ำ
ต้วนอวิ๋นหลิงเองก็มองตามไป คล้ายว่ามีน้ำเย็นสาดใส่หน้ากะละมังหนึ่ง ทำเอานางตัวแข็งทื่อไปทันที
แสงแดดร้อนแรง ใต้แสงอาทิตย์เจิดจ้ามีมือบ่าวหญิงคู่หนึ่ง ผลักต้วนอวิ๋นหว่านตกสระน้ำอย่างไม่ลังเล
จากมุมนี้เห็นได้ว่าคนในสระพยายามดิ้นรน แต่มือคู่นั้นกดศีรษะนางไว้ใต้น้ำแน่น กดแล้วกดเล่าไม่ยอมปล่อย
ต้วนอวิ๋นหลิงตกใจจนขยับตัวไม่ได้ มีเพียงฟันกระทบกันไม่หยุด
“หยุด!” ซินโย่วพุ่งออกไป
เสียงตะโกนของนางตามมาด้วยเสี่ยวเหลียนและหนิงชุ่ยก็เห็นภาพบ่าวหญิงฆาตกร พากันวิ่งตามกันมา
“ใครก็ได้ ฆ่าคนแล้ว!” สาวใช้กรีดร้องตะโกนดังก้องฟ้า
บ่าวหญิงรู้ตัวว่ามีคนเห็นก็นิ่งอึ้งไปทันที ก่อนจะหันหลังวิ่งหนี
ซินโย่ววิ่งไปก็ควักก้อนหินที่เก็บไว้ในแขนเสื้อปาออกไป
ก้อนหินที่ปาไปกระแทกใส่ขาขวาของบ่าวผู้นั้นแม่นยำ บ่าวหญิงล้มลุกคลุกคลานกับพื้น
ซินโย่วยังคงวิ่งตรงไปยังริมสระน้ำ เสี่ยวเหลียนกับหนิงชุ่ยวิ่งไล่ตามบ่าวหญิงไป
ไม่มีมือปลิดชีพคู่นั้น ต้วนอวิ๋นหว่านก็ดิ้นรนพ้นเหนือน้ำขึ้นมาได้
“ช่วย ช่วยข้าด้วย…”
จากนั้นนางก็เห็นซินโย่วยื่นมือมาให้นาง
สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดทำให้นางไม่คิดอันใด คว้ามือนั่นไว้แน่น นั่นคือมือที่ช่วยชีวิตนาง
ต้วนอวิ๋นหว่านถูกดึงขึ้นมาได้แล้วก็นั่งพับอยู่บนพื้นหอบหายใจหนัก
เสี่ยวเหลียนกับหนิงชุ่ยจับตัวบ่าวหญิงกดตัวไว้ได้แล้วเช่นกัน
“จ้าวมามา!” หนิงชุ่ยจำได้
แม้จ้าวมามาเป็นบ่าวหญิงใช้แรงงาน แต่ก็อยู่ในเรือนนายหญิงใหญ่ หนิงชุ่ยตามต้วนอวิ๋นหลิงไปคำนับนายหญิงใหญ่ทุกวันย่อมจำได้
ยามนี้มีบ่าวรับใช้ไม่น้อยได้ยินเสียงก็พากันมาถึงที่นี่ พอเห็นสภาพเปียกปอนของคุณหนูใหญ่แล้วก็มองไปยังจ้าวมามาที่ถูกกดตัวจับไว้ ยามนี้ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น
“ไปเรือนหรูอี้ถัง” ซินโย่วเอ่ยน้ำเสียงเข้ม
เสี่ยวเหลียนปฏิบัติตามคำสั่งซินโย่วอย่างลังเล หนิงชุ่ยประสบเหตุใหญ่เช่นนี้สมองก็ไม่ทำงานแล้ว เสี่ยวเหลียนทำอันใดนางก็ทำตามด้วยสัญชาตญาณ
“ปล่อยข้า ปล่อยข้า!” จ้าวมามาดิ้นรน
นางทำงานหนักจนชิน เกิดมาก็ร่างกายแข็งแรง เรี่ยวแรงก็ย่อมเยอะ เห็นว่าจะดิ้นหลุดแล้ว อารามร้อนใจ เสี่ยวเหลียนก็รีบคว้าก้อนอิฐบนพื้นขึ้นมาก้อนหนึ่งทุบใส่จ้าวมามาทีหนึ่ง
จ้าวมามาส่งเสียงร้องเจ็บปวดก่อนจะยอมสงบนิ่งลง
เสี่ยวเหลียนจึงตั้งสติได้ว่าตนเองทำอันใดลงไป โยนก้อนหินทิ้ง รีบมองไปทางซินโย่ว
ซินโย่วยกเท้าเตะก้อนหินใส่พุ่มไม้ข้างๆ พยักหน้าเอ่ยชม “ทำได้ไม่เลว”
แต่ต้นจนจบ นางไม่ทันได้สังเกตต้วนอวิ๋นหลิง
ต้วนอวิ๋นหลิงค่อยๆ เดินออกมาจากหลังพุ่มไม้ มองสวนดอกไม้เงียบเชียบตรงหน้า นิ่งอึ้งไปทันทีครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบไล่ตามไป
กลุ่มคนพากันมายังเรือนหรูอี้ถังอย่างฮึกเหิม ทำเอานายหญิงผู้เฒ่าที่กำลังนอนหลับสนิทยามบ่ายตกใจตื่น
“นี่มันเรื่องอันใดกัน” เห็นต้วนอวิ๋นหว่านเปียกปอนไปทั้งตัว นายหญิงผู้เฒ่าก็ถามเสียงเฉียบขาด
ต้วนอวิ๋นหว่านนัยน์ตาเหม่อลอย คล้ายสติล่องลอย
นายหญิงผู้เฒ่าขมวดคิ้ว กวาดสายตามองไปยังจ้าวมามาที่หน้าผากบวมปูด
ซินโย่วเอ่ยว่า “ท่านยาย ตอนข้าอยู่ในสวนดอกไม้เห็นบ่าวผู้นี้ผลักพี่หว่านตกสระน้ำ”
“อะไรนะ” นายหญิงผู้เฒ่าตกใจ
“สระน้ำ” สองคำนี้คล้ายกระทบกระเทือนใจต้วนอวิ๋นหว่าน นางเริ่มพึมพำเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน ร้องไห้โผเข้ากอดขานายหญิงผู้เฒ่า “ท่านย่า ท่านย่าโปรดช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ!”