สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 221 ร้องทุกข์กลางถนน
ตอนที่ 221 ร้องทุกข์กลางถนน
คุณหนูจูพักอยู่ในแถบเรือนบ้านชาวบ้านไม่ไกลจากร้านหนังสือชิงซง
มีเตียงนอนสบาย มีอาหารอร่อย ไปรับน้ำร้อนได้ตลอดเวลา คุณหนูจูพักมาหลายวันทำให้สีหน้าดีขึ้นไม่น้อย
แต่นางกำลังร้อนใจ ไม่คิดละโมบความสุขสบายเหล่านี้ ร้อนใจรอปฏิบัติการก้าวต่อไป
ซินโย่วมองเห็นคุณหนูจูตอนนี้คล้ายดังมองเห็นตนเอง
ความจริงพวกนางก็เหมือนกัน คุณหนูจูแสดงอาการร้อนใจผ่านสีหน้า ส่วนนางเก็บความร้อนใจไว้ภายใน ล้วนเป็นคนโดดเดี่ยวที่ต้องการล้างแค้นหนี้โลหิตให้คนในครอบครัว
“คุณหนูจูร้องทุกข์กลางถนน เจ้ากลัวไหม”
คุณหนูจูอึ้งไปก่อนจะรีบส่ายหน้า “ข้าไม่กลัว!”
แววตานางสว่างวาบ เผยให้เห็นความกล้าหาญไร้ความหวาดกลัว
คุณหนูอายุน้อยๆ ตัวคนเดียวเดินทางจากติ้งเป่ยมาเมืองหลวงได้ มีความกล้าหาญคิดลอบสังหารองค์ชาย ย่อมมีความกล้าเหนือสามัญ
“พรุ่งนี้เช้า เจ้าไปรออยู่ละแวกศาลซุ่นเทียน พอเห็นเจ้ากรมศาลซุ่นเทียนปรากฏตัว ได้รับสัญญาณจากคนของข้าก็ออกไปกลางถนนขวางทางเขาไว้ ยื่นคำร้องที่เตรียมไว้แล้ว” เอ่ยถึงตรงนี้ ซินโย่วก็เน้นย้ำ “จำไว้ ต้องออกไปขวางเขากลางถนน”
คุณหนูจูพยักหน้า “ข้าจำได้แล้ว แต่ข้าไม่รู้จักเจ้ากรมศาลซุ่นเทียน…”
“เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนจะนั่งเกี้ยวกลับที่ทำการ เจ้าเพียงแค่จดจำเกี้ยวของเขาไว้ก็เพียงพอแล้ว…”
ขุนนางราชวงศ์ต้าซย่าระดับสามขึ้นไปล้วนนั่งเกี้ยวได้ ที่เหลือก็นั่งรถหรือไม่ก็ขี่ม้า หากสภาพทางบ้านลำบากก็อาจขี่ลา
ซินโย่วเล่าถึงลักษณะเด่นของเกี้ยวเจ้ากรมศาลซุ่นเทียน คุณหนูจูตั้งใจจดจำ ถามความสงสัยในใจ “ต้องรอสัญญาณก่อนลงไปขวางเกี้ยวหรือ”
“ใช่ เพราะเป้าหมายเรามิใช่เจ้ากรมศาลซุ่นเทียน แต่เป็นเจ้ากรมตรวจสอบเหอ”
“เจ้ากรมตรวจสอบเหอ?” คุณหนูจูสีหน้าตกใจ
ที่แท้ไม่ได้ขวางเส้นทางเจ้ากรมศาลซุ่นเทียนหรือ
“เจ้ากรมตรวจสอบเหอเป็นขุนนางกรมตรวจสอบท่านหนึ่ง เป็นคนซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ปฏิบัติหน้าที่เต็มความสามารถ หลายวันนี้เขามีคดีต้องมาตรวจสอบที่ศาลซุ่นเทียน น่าจะเป็นเวลาที่เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนกลับที่ทำการ แต่เรื่องนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ หากพรุ่งนี้เจ้ากรมตรวจสอบเหอไม่มา เจ้าก็อย่าได้ลงมือ รอโอกาสถัดไป…”
“ข้าทราบแล้ว แล้วเจ้ากรมตรวจสอบเหอ…”
“เจ้ากรมตรวจสอบเหอขี่ลาสีดำปลอดทั้งตัว…”
ซินโย่วพูดจบก็กุมมือคุณหนูจู “เกี่ยวพันถึงองค์ชาย ย่อมเผชิญความยากลำบากแสนสาหัส คุณหนูจูต้องเตรียมใจให้พร้อม”
คุณหนูจูพยักหน้าเต็มแรง “ข้าเข้าใจ”
หากไม่ใช่คุณหนูโค่ว วันนั้นนางก็คงจบชีวิตแล้ว ก้าวเดินจากนี้ต่อไปสำหรับนางก็คือกำไร
ขอเพียงทวงความยุติธรรมให้ท่านพ่อท่านแม่และพี่น้องในหมู่บ้านได้ นางไม่กลัวอันใดทั้งสิ้น
“คุณหนูจูพักผ่อนให้ดี ขอให้พรุ่งนี้ราบรื่น”
ตอนซินโย่วกำลังจะจากไป คุณหนูจูก็เรียกไว้
“คุณหนูโค่ว…” คุณหนูจูลังเลเล็กน้อย เอ่ยขึ้นเบาๆ “ข้าชื่อจูเสี่ยวเยวี่ย”
‘เยวี่ย’ มีความหมายพิเศษมาก เห็นได้ว่าคุณหนูจูเป็นบุตรสาวที่รักของบิดามารดา
ซินโย่วกระดกมุมปาก “ชื่อคุณหนูจูไพเราะมาก”
ริมฝีปากจูเสี่ยวเยวี่ยมีรอยยิ้มบางเอ่ยว่า “ชื่อคุณหนูโค่วเองก็ไพเราะมาก”
ซินโย่วพยักหน้า ในใจแอบเติม ‘คำว่าอาโย่วเองก็ไพเราะมาก’
กลับถึงร้านหนังสือชิงซง ซินโย่วกำชับงานผู้ดูแลร้านหูก่อนจะพาเสี่ยวเหลียนกลับจวนรองเจ้ากรม
นายหญิงผู้เฒ่าเห็นซินโย่วกลับมายามนี้ก็แปลกใจ
ซินโย่วเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสบายๆ “อยู่ข้างนอกมานาน คิดถึงท่านยายแล้วเจ้าค่ะ”
ปฏิกิริยาแรกของนายหญิงผู้เฒ่าคือไม่เชื่อ หากกตัญญูเช่นนี้จริง จะยอมสะบั้นสัมพันธ์เพื่อเงินหรือ
แต่นางก็ยินดีที่ความสัมพันธ์คลายความตึงเครียดลง ดึงมือซินโย่วมาด้วยท่าทางอารีเอ่ยว่า “ควรกลับมาอยู่นานแล้ว เจ้าอยู่ข้างนอกคนเดียว ยายเป็นห่วงเจ้าทุกวัน”
พอรองเจ้ากรมต้วนกลับจากที่ทำการมา ได้ยินว่าคุณหนูนอกกลับมาก็สะดุ้งในใจ
เขาย่อมได้ยินข่าวลือภายนอกมาแล้ว ท่านซงหลิงที่ทำให้ร้านหนังสือชิงซงรุ่งเรืองถึงกับอาจเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับฮองเฮาซินที่หายตัวไปหลายปี ร้านหนังสือชิงซงจะวางตัวอยู่นอกวงได้หรือ
นังเด็กควรตายนี่ ก่อเรื่องแล้วรู้จักกลับมาหลบภัยที่จวนรองเจ้ากรม!
รองเจ้ากรมต้วนเป็นห่วงว่าจะนำพาความยุ่งยากมาให้จวนรองเจ้ากรม จึงไปพบซินโย่ว
“ชิงชิง ระยะนี้ร้านหนังสืองานไม่ยุ่งหรือ”
ซินโย่วยิ้มละไม “ไม่ยุ่งเจ้าค่ะ”
“ชิงชิงคิดมอบร้านหนังสือให้คนงานในร้านดูแล วันหน้าจะกลับมาอยู่ที่นี่หรือ”
หากยอมกลับมาอยู่บ้านสงบเสงี่ยมเรียบร้อยจริง ก็มิใช่ไม่มีข้อดี เงินเหล่านั้นก็มีโอกาสขนกลับมาอีก
“ก็มิได้ รอให้ผ่านระยะนี้ไปก่อน รอให้ร้านหนังสืองานยุ่งค่อยกลับไป ตอนนี้พอมีเวลาว่างที่หาได้ยาก จึงกลับมาอยู่เป็นเพื่อนท่านยายให้มากหน่อย”
มุมปากรองเจ้ากรมต้วนกระตุก
พอมีเรื่องยุ่งยากก็กลับจวนรองเจ้ากรม พอไม่มีอันใดก็ออกไปสุขสบาย ประสบความยุ่งยากใหม่ค่อยกลับมา…หมายความเช่นนี้หรือ
ซินโย่วผินหน้ามาเห็นสีหน้าย่ำแย่ของรองเจ้ากรมต้วน “คิดไม่ถึงท่านลุงห่วงใยข้าเช่นนี้ ท่านลุง…”
รู้สึกได้ว่ามีภัยมาถึงตัวอีกแล้ว!
รองเจ้ากรมต้วนสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย รีบตัดบทซินโย่ว “ในเมื่อกลับมาแล้วก็พักให้สบายใจ ลุงยังมีธุระต้องทำอีก”
มองรองเจ้ากรมต้วนเร่งรีบจากไป เสี่ยวเหลียนที่ยืนข้างกายซินโย่วก็เบ้ปาก
คืนนี้ในจวนรองเจ้ากรม ซินโย่วนอนไม่เป็นสุข เพราะพรุ่งนี้ถูกกำหนดว่าจะต้องเกิดคลื่นลมอีกระลอกแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้นท้องฟ้าสดใสเมฆบาง แสงตะวันสาดส่องลงมา ในยามนี้เกี้ยวสีเขียวสี่คนแบกเคลื่อนมาบนท้องถนนมุ่งไปทางศาลซุ่นเทียน
คนผ่านไปมาเห็นแล้วก็รู้ว่าเป็นเกี้ยวของขุนนางใหญ่ ได้แต่รู้ความหลบข้างทาง
ในยามนี้เอง ริมทางพลันมีคนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น คุกเข่าลงหน้าเกี้ยว
เกี้ยวพลันหยุดชะงัก มีเสียงดังจากด้านใน “มีเรื่องอันใด”
บ่าวติดตามรายงานว่า “ใต้เท้า มีคุณหนูท่านหนึ่งมาขวางเกี้ยวร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม”
จูเสี่ยวเยวี่ยจ้องมาประตูเกี้ยวเขม็ง แต่ม่านเกี้ยวกลับไม่ขยับแม้แต่น้อย
เสียงทุ้มต่ำนั้นดังออกมาจากม่านเกี้ยว เห็นชัดว่าทรงอำนาจบารมีอย่างมาก “ด้านหน้าก็คือศาลซุ่นเทียนแล้ว หากมีเรื่องเรียกร้องความเป็นธรรม ก็ไปแจ้งความที่ศาลได้”
บ่าวข้างๆ ตะโกนดัง “เคลื่อนเกี้ยว…”
เห็นคนแบกเกี้ยวยกเกี้ยวขึ้น จูเสี่ยวเยวี่ยคลานเข่าตามพร้อมกับชูคำร้องขึ้นสูง “ใต้เท้าผู้ทรงธรรม ขอใต้เท้าได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับข้าน้อยด้วย ขอใต้เท้าได้โปรด…”
“หลีกไป!” บ่าวตวาดดัง
ม่านเกี้ยวพลันเปิดขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าเหลี่ยม “อย่าเสียมารยาทต่อชาวบ้าน”
จูเสี่ยวเยวี่ยเงยหน้าขึ้น พอมองเห็นคนในเกี้ยวกระจ่าง ม่านก็ปิดลง
เกี้ยวอ้อมไปทางด้านหน้า จูเสี่ยวเยวี่ยคลานเข่าไล่ตามไปอีกสองสามก้าว “ใต้เท้าผู้ทรงธรรม…”
คนมามุงดูมาพักหยุดมองอย่างอยากรู้อยากเห็น อดเอ่ยกล่อมไม่ได้ “เจ้าเป็นคุณหนู ใต้เท้าบอกให้ไปที่ทำการด้านหน้า เจ้าก็ไปร้องทุกข์ที่นั่นก็ได้ มาร้องไห้ที่นี่มีประโยชน์อันใด”
“ใช่ ใต้เท้าท่านนี้ยังนับว่าดี หากเป็นใต้เท้าเปี่ยมบารมีท่านอื่น เจ้าบุกเข้ามาขวางเกี้ยวก็คงโดนลงโทษแล้ว”
“ข้า ข้ากลัว…” จูเสี่ยวเยวี่ยคุกเข่าลงนั่งสภาพน่าอนาถ พึมพำน้ำตาร่วง คำร้องในมือร่วงลงพื้น
มีคนที่รู้หนังสือชะโงกหน้าออกมาอ่านเสียงดังออกมาคล้ายไม่รู้ตัว “…ฟ้องร้องผู้แทนพระองค์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ทุจริตเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย กวาดล้างสังหารชาวบ้าน…”
คนอ่านยังไม่ทันตั้งสติได้ทัน คนที่ได้ยินก็พากันตกใจ
“หมายความอย่างไร คำร้องเขียนอันใด”
คนอ่านคำร้องคิดสับสนไปมาก่อนสีหน้าพลันแปรเปลี่ยน “ไม่รู้ ไม่รู้!” พูดจบก็ยกชายชุดยาว ตกใจวิ่งหนีไปทันที