สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 223 ยื่นฎีกาตามกระแสข่าวลือ
ตอนที่ 223 ยื่นฎีกาตามกระแสข่าวลือ
เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนกระแอมไอเบาๆ ทีหนึ่ง “ตรวจสอบให้ละเอียดก่อนค่อยว่ากัน”
เจ้ากรมตรวจสอบเหอขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่กล่าวอันใด
เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนรู้ดีกว่านี่คือขวากหนาม อดถามขึ้นไม่ได้ว่า “เจ้ากรมตรวจสอบเหอคิดอย่างไร”
“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ใต้เท้าเถียนสมควรต้องตรวจสอบให้ละเอียด” เจ้ากรมตรวจสอบเหอน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ข้าจะไปกราบทูลฝ่าบาท”
มุมปากเจ้ากรมศาลซุ่นเทียนกระตุกทีหนึ่ง ขมับเต้นตุบๆ “เจ้ากรมตรวจสอบเหอ เมื่อครู่ท่านก็บอกเองว่า คำพูดฝ่ายเดียวไม่อาจเชื่อโดยง่าย! หากไปทูลฝ่าบาท ก็ควรต้องรอให้ตรวจสอบก่อนแล้วค่อยว่ากันกระมัง”
จัดการสยบเจ้าก้อนหินหน้าเหม็นนี่ให้ยอมนิ่งก่อน ค่อยไปรายงานชิ่งอ๋อง หากวันหน้าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริง ก็ถือว่าเขาได้พยายามเต็มที่แล้ว
“คำพูดเพียงฝ่ายเดียว ใต้เท้าเถียนควรระวังรอบคอบ แต่สำหรับข้า…” มุมปากเจ้ากรมตรวจสอบเหอ แย้มยกเล็กน้อย “สำหรับข้าแล้วมีอันใดไม่ได้ ข้าเป็นขุนนางตรวจสอบ เดิมมีสิทธิ์ในการกราบทูลเรื่องที่ได้ยินได้ฟังมาดำเนินการได้”
ยื่นฎีกาตามกระแสข่าวลือเป็นสิทธิพิเศษที่สุดที่ราชวงศ์ต้าซย่ามอบให้ขุนนางตรวจสอบ ยื่นฎีกาตามกระแสข่าวลือได้
เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนพูดไม่ออก ค่อยๆ ผ่อนน้ำเสียงลงเอ่ยว่า “เจ้ากรมตรวจสอบเหอ ผู้ที่หญิงสาวผู้นี้ฟ้องคือชิ่งอ๋อง ท่านไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมาหรือ”
สีหน้าเจ้ากรมตรวจสอบเหอเคร่งเครียด เอ่ยด้วยน้ำเสียงทรงพลัง “ข้าคำนึงเพียงแค่แม่น้ำใสสะอาด ทะเลไร้คลื่นลม ประชาสงบสุข”
เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนรู้ว่าไม่อาจกล่อมได้อีก ได้แต่กัดฟันเอ่ยว่า “เชิญเจ้ากรมตรวจสอบเหอตามสบาย แต่เรื่องนี้มาฟ้องถึงศาลซุ่นเทียน ข้าก็ต้องสอบสวนให้ดี”
“ใต้เท้าเถียนมีสิทธิ์จัดการ ข้าไม่กล้าแทรกแซง”
สุดท้ายก่อนออกไป เจ้ากรมตรวจสอบเหอมองสาวน้อยที่คุกเข่าหลังตรงทีหนึ่ง เอ่ยน้ำเสียงเตือนสติและกำราบในทีว่า “ความปลอดภัยของคุณหนูจูในฐานะผู้ฟ้องร้องก็มอบให้ใต้เท้าเถียนแล้ว หากฝ่าบาทเรียกตัวคุณหนูจูเข้าเฝ้าแล้วเกิดเหตุอันใด ท่านและข้าก็ล้วนต้องรับผิดชอบ”
เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนกระตุกในใจทีหนึ่ง พึมพำเบาๆ ว่า “ข้าย่อมรู้”
พอเจ้ากรมตรวจสอบเหอไปแล้ว เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนก็คลายความเคร่งเครียดลง มองไปยังจูเสี่ยวเยวี่ยที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นด้วยสีหน้าปวดหัวไม่น้อย
“คุณหนูจูใช่หรือไม่ เจ้ามาเมืองหลวงเมื่อใด”
“ข้าน้อยเข้าเมืองหลวงมาได้สักพักแล้ว ไปสอบถามได้ความว่าใต้เท้าศาลซุ่นเทียนรับหน้าที่สืบคดี ดังนั้นจึงมาขอให้ใต้เท้าออกหน้าให้ความเป็นธรรมกับข้าน้อย”
เจ้ากรมศาลซุ่นเทียน “…”
รู้แล้วว่าจะเกิดคลื่มพายุโหมกระหน่ำ เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนสั่งให้คนเฝ้าจูเสี่ยวเยวี่ยให้ดี แอบสั่งการคนสนิท “ไปจวนชิ่งอ๋อง…”
ส่วนทางรองเจ้ากรมเผย เขาไม่ได้ส่งคนไปแจ้งข่าว ไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์กับรองเจ้ากรมไม่ดี แต่เพราะเรื่องนี้ถูกเจ้ากรมตรวจสอบเหอนำไปกราบทูลฮ่องเต้ ทันทีที่เรื่องทุจริตเงินงบประมาณถูกเปิดโปง ชิ่งอ๋องอาจอยู่รอดปลอดภัย แต่รองเจ้ากรมเผยคงถูกแขวนแล้ว
เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนไม่อยากสร้างความยุ่งยากมากนัก
ห้องรับรองในร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง เฮ่อชิงเซียวกำลังฟังรายงานจากลูกน้อง
“ทูลใต้เท้า เจ้ากรมตรวจสอบเหอเดินทางไปวังหลวงแล้ว ยังมีคนผู้หนึ่งแอบออกจากศาลซุ่นเทียนตรงไปจวนชิ่งอ๋อง…”
จูเสี่ยวเยวี่ยเข้าขวางเกี้ยวร้องทุกข์ คนที่อ่านคำร้องก็คือคนที่เฮ่อชิงเซียวเตรียมไว้ จากนั้นก็ส่งกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินที่เชี่ยวชาญการแฝงตัวคอยจับตาศาลซุ่นเทียน จับตาเรื่องราวที่จะดำเนินต่อไป
การที่เจ้ากรมตรวจสอบเหอจะเข้าวังไปกราบทูลนั้นไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของเฮ่อชิงเซียว เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนจะส่งข่าวไปให้ชิ่งอ๋องเป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้แล้ว
นอกจากขุนนางตรงไปตรงมาเช่นเจ้ากรมตรวจสอบเหอที่มีน้อยมากๆ แล้ว จะมีขุนนางสักกี่คนที่กล้าพนันว่าฮ่องเต้จะทรงยอมสละชิ่งอ๋อง ย่อมไม่กล้าล่วงเกินชิ่งอ๋อง
“สกัดไว้ได้แล้วหรือยัง”
“สกัดไว้ได้แล้วขอรับ คนรายงานข่าวถูกส่งไปโรงหมอแล้ว” ลูกน้องรายงานไป สายตาที่มองเฮ่อชิงเซียวก็เต็มไปด้วยความเลื่อมใส
ใต้เท้าช่างฉลาดมีไหวพริบจริง อุบายเข้าสกัดไว้ก่อนเช่นนี้ก็คิดได้
ความรู้สึกไวเฮ่อชิงเซียวเพียงใด มองปราดเดียวก็รู้ความคิดของลูกน้อง ย่อมรู้สึกเก้กัง
อุบายสกัดไว้ก่อนได้มาเพราะคุณหนูโค่ว เหตุโชคร้ายที่กระถางต้นไม้ตกจากที่สูงใส่เขา และความโชคร้ายนับครั้งไม่ถ้วน เพราะคำพูดคุณหนูโค่วเหล่านั้นฝังใจเขา
“ไปจับตาดูต่อ มีเรื่องอันใดให้รีบรายงานทันที”
ลูกน้องรับคำสั่งออกไป เฮ่อชิงเซียวมองออกไปนอกหน้าต่าง มองไปยังทิศทางที่ตั้งวังหลวง
การประชุมท้องพระโรงยามเช้าเลิกประชุมได้สักพักแล้ว ยามนี้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กำลังหารือราชกิจกับขุนนางคนสำคัญสองสามคน ก็ได้ยินขันทีรายงานว่าเจ้ากรมตรวจสอบเหอขอเข้าเฝ้า หว่างคิ้วทุกคู่อดขมวดแน่นไม่ได้
แม้ขุนนางตรวจสอบตำแหน่งต่ำต้อย แต่ขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ได้โดยตรง มาเข้าเฝ้าในยามนี้ มักรู้สึกว่ามีเรื่องไม่ยินดีเกิดขึ้น
“ให้เขาเข้ามา”
ไม่นาน เจ้ากรมตรวจสอบเหอก็ก้มกายเดินเข้ามา ประสานมือคำนับ “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”
อาจเพราะรูปร่างเจ้ากรมตรวจสอบเหอสูงใหญ่ ทำให้แม้ก้มกาย ก็ยังทำให้คนรู้สึกลำตัวตรงเด่นเป็นสง่า
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงโปรดขุนนางหนุ่มปฏิบัติหน้าที่แข็งกร้าวผู้นี้มาก สุรเสียงอ่อนโยนกว่าตอนออกว่าราชการ “เจ้ากรมตรวจสอบเหอมีเรื่องอันใด”
ขุนนางใหญ่หลายคนตั้งใจฟัง
เจ้ากรมตรวจสอบเหอได้ชื่อว่าเจ้าก้อนหินหน้าเหม็น ครั้งนี้ผู้ใดโชคร้ายอีก
เจ้ากรมตรวจสอบเหอไม่สนใจขุนนางใหญ่ในที่นั้น เอ่ยน้ำเสียงเคร่งขรึม “กระหม่อมขอยื่นฎีกาฟ้องร้องชิ่งอ๋องผู้แทนพระองค์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติและรองเจ้ากรมคลังฝ่ายซ้ายเผยจั่ว ทุจริตเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย และกวาดล้างสังหารชาวบ้าน”
“อะไรนะ” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้คิดว่าทรงฟังผิด
ขุนนางใหญ่หลายคต่างก็พากันสูดลมหายใจเฮือก สีหน้าไม่อยากเชื่อ
ขุนนางใหญ่ในที่นั้นก็มีเสนาบดีกรมคลัง พอได้ยินว่าไฟลามมาถึงกรมตนเองแล้ว ก็มีสีหน้าแตกตื่นกว่าขุนนางในที่นั้นหลายคน
“กระหม่อมขอยื่นฎีกาฟ้องร้องชิ่งอ๋อง ผู้แทนพระองค์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติและรองเจ้ากรมคลังฝ่ายซ้ายเผยจั่ว ทุจริตเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย และกวาดล้างสังหารชาวบ้าน” เจ้ากรมตรวจสอบเหอทูลรายงานดัง
บรรดาขุนนาง “…”
สีพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พลันเย็นเยียบ ราวกับฉาบด้วยน้ำค้างแข็งชั้นหนึ่ง “เจ้ากรมตรวจสอบเหอได้ยินมาจากที่ใด ค่อยๆ รายงานมาให้ละเอียด!”
“ตอนกระหม่อมไปศาลซุ่นเทียน ได้พบหญิงสาวผู้หนึ่งมาขวางเกี้ยวใต้เท้าเถียนเจ้ากรมศาลซุ่นเทียน ร้องขอความเป็นธรรม…” เจ้ากรมตรวจสอบเหอพูดจบ ก็ยื่นคำร้องขึ้น “ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วย”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กวาดพระเนตรมองมหาขันทีซุนเหยียนทีหนึ่ง
ซุนเหยียนเข้าไปรับคำร้องมาถวายต่อฮ่องเต้ซิงหยวนตี้
พอได้อ่านอักษรตวัดงาม ก็รู้ว่าเป็นลายมือหญิงสาว คำร้องเป็นดังที่เจ้ากรมตรวจสอบเหอกล่าวทุกคำ
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงอ่านทุกคำ สีพระพักตร์เริ่มดำทะมึน
บรรดาขุนนางพากันหลุบตา ในห้องเงียบจนแม้ใบไม้ร่วงก็คงได้ยิน
ไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด ขณะที่บรรดาขุนนางใกล้จะหายใจไม่ออกท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด ในที่สุดฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็เอ่ยว่า “ให้ชิ่งอ๋องและรองเจ้ากรมคลังเผยจั่วรีบเข้าวัง”
น้ำเสียงเขายังนับว่าสงบนิ่ง แต่บรรดาขุนนางใหญ่ที่รับใช้ฮ่องเต้มานานล้วนรู้ว่าเป็นความสงบภายใต้คลื่นพายุใกล้โหมกระหน่ำ
ชิ่งอ๋องกับรองเจ้ากรมเผยทุจริตจริงหรือ ยังกวาดล้างสังหารชาวบ้านทั้งหมู่บ้านอีกหรือ
หากเป็นเรื่องจริง ยังไม่เอ่ยถึงชิ่งอ๋อง รองเจ้ากรมเผยต้องโทษประหารทั้งตระกูลยังเบาเกินไป!
ควรรู้ว่าเรื่องที่ฮ่องเต้ทรงเจ็บปวดที่สุดคือขุนนางทุจริต อย่าว่าแต่ทุจริตเงินงบประมาณช่วยผู้ประสบภัยมากมายเพียงนี้ ก่อนหน้านี้ขุนนางทุจริตไปแค่ร้อยกว่าตำลึงก็ต้องโทษประหารแล้ว
จวนชิ่งอ๋องไม่ได้รับสารแจ้งข่าวนี้จากเจ้ากรมศาลซุ่นเทียน ชิ่งอ๋องฟังจากขันทีที่มาถ่ายทอดราชโองการเรียกตัวเข้าเฝ้า ก็มีสีหน้าดีใจ “เสด็จพ่อต้องการพบข้าจริงหรือ”
ตั้งแต่ท่านลุงเกิดเรื่อง หลายวันมานี้เขาไม่ได้พบเสด็จพ่อเลย เสด็จพ่อทรงหายกริ้วแล้วหรือ
ขันทีที่มาถ่ายทอดราชโองการเองย่อมไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น บอกเพียงว่า “ท่านอ๋องเร็วหน่อย ฝ่าบาทกำลังรออยู่พ่ะย่ะค่ะ”
“ได้ ได้”
ชิ่งอ๋องเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จรวดเร็ว เตรียมตัวเข้าวังอย่างอารมณ์ดีมาก
“ฝ่าบาท ชิ่งอ๋องมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ให้เข้ามาได้”
เสียงขันทีรายงาน ชิ่งอ๋องก็ก้าวเข้ามารวดเร็ว