สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 225 กบฏหลบหนี
ตอนที่ 225 กบฏหลบหนี
พอได้ยินเฮ่อชิงเซียวกราบทูล แววตาชิ่งอ๋องก็แทบจะสังหารคนได้
เขารู้มานานแล้วว่า เฮ่อชิงเซียวคอยหาเรื่องเขา!
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ฟังจบก็ขมวดพระขนงตรัสถามขึ้นว่า “เรื่องใหญ่เช่นนี้ เหตุใดไม่รายงานในทันที”
“กระหม่อมเกรงว่าคนผู้นั้นจะพูดจาเหลวไหล ทำให้ฝ่าบาททรงกลัดกลุ้มด้วยเรื่องราวอันเป็นเท็จ หลังสอบสวนแล้วก็ส่งคนกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินไปตรวจสอบที่ติ้งเป่ย คิดรอผลตรวจสอบค่อยกราบทูลฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
สีพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เคร่งเครียด “คิดทำโดยพลการ!”
“กระหม่อมสมควรตาย” เฮ่อชิงเซียวคุกเข่าลงข้างหนึ่งขอรับโทษ
วันเวลาที่เขาจับกุมชายหนุ่มผู้นี้ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง สำหรับฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แล้วการทูลเช่นนี้ทรงรับได้มากกว่า ไม่เช่นนั้นหากให้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงรู้ว่าหลายวันก่อนก็มีเรื่องเช่นนี้ ก็คงได้ลงโทษจริงๆ แล้ว
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แสดงอาการไม่พอพระทัย แต่ไม่มีใจคิดตำหนิเฮ่อชิงเซียวแท้จริง รับสั่งด้วยพระพักตร์เย็นเยียบว่า “ตอนนี้คนผู้นี้อยู่สำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ?”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“นำตัวเขามาพบเรา”
เป็นการรอคอยที่ทรมานอีกครั้ง ชายหนุ่มถูกนำตัวมายังเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้
“กระหม่อมเว่ยฉางชิง ถวายบังคมฝ่าบาท”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรเฮ่อชิงเซียวอย่างไม่พอพระทัยทีหนึ่ง “ลงทัณฑ์สอบ?”
“คนของกระหม่อมวู่วาม เริ่มแรกสงสัยว่าคนผู้นี้เป็นโจร จึงใช้วิธีการเหล่านี้…”
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินได้รับสิทธิพิเศษจากฮ่องเต้ให้ทำการลงทัณฑ์สอบสวนได้
พอฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสถามเช่นนี้ ความสนใจทั้งหมดก็ตกอยู่ที่เว่ยฉางชิงแล้ว
เว่ยฉางชิงก็เหมือนจูเสี่ยวเยวี่ย เริ่มเล่าเรื่องติ้งเป่ย “อำเภอเป่ยเฉวียนใกล้กับเภอเป่ยอันที่ประสบภัยรุนแรงที่สุด ประสบเหตุรุนแรงมากเช่นกัน โชคดีที่แม้บ้านเรือนถล่มมากมาย แต่คนส่วนใหญ่ปลอดภัย ก็ไม่ทราบว่าเหตุใดอำเภอหลายอำเภอได้รับสิ่งของบรรเทาทุกข์และความช่วยเหลือ แต่เป่ยเฉวียนกลับไร้วี่แววความช่วยเหลือมาถึง…”
เฮ่อชิงเซียวได้ยินเว่ยฉางชิงเล่าอีกครั้ง ผสมกับข่าวใหม่ล่าสุดที่ได้มาจากติ้งเป่ย จะไม่กระจ่างในอุบายของขุนนางโกงกินเหล่านี้อีกหรือ
งบประมาณช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติมีจำกัด หากใช้ในอำเภอเป่ยเฉวียนที่บ้านเรือนถล่มพังทั้งหมด คนส่วนใหญ่ก็ไม่เป็นอันใด หากต้องสร้างบ้านให้พวกเขา ให้พวกเขามีอาหารกินอิ่มมีเสื้อผ้าสวมใส่อุ่น จะทุจริตเงินส่วนต่างได้สักเท่าไร แต่หากใช้ในพื้นที่ประสบภัยไม่มาก ก็จะใช้เงินจำนวนน้อยที่สุด ทำได้ดีที่สุด และได้ชื่อเสียงมากที่สุด
ร่มหมื่นราษฎร์เหล่านั้นเป็นของจริง ทุจริตเงินช่วยผู้ประสบภัยก็เป็นเรื่องจริง
คนเหล่านี้ต้องการปิดบังความจริงโดยเลือกการสังหารชาวบ้านอย่างไม่นึกสงสาร และยังได้ใจชาวบ้านในพื้นที่อื่นของผิงเฉิง ไม่มีเรื่องใดน่าสมเพชและเหลวไหลเช่นนี้อีกแล้ว
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ฟังจบ ก็มองไปทางรองเจ้ากรมเผยด้วยสายตาเย็นเยียบ “เผยจั่ว เจ้ายังมีอันใดจะกล่าวอีกไหม”
รองเจ้ากรมเผยหน้าผากแนบพื้นนิ่งไม่ขยับ
“เผยจั่ว…” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สุรเสียงเย็นเยียบยิ่งกว่าเดิม
เสนาบดีกรมคลังที่อยู่ใกล้กับรองเจ้ากรมเผยรู้สึกร้อนใจ อดยกเท้าเตะเบาๆ ไปทีหนึ่งเพื่อเรียกสติไม่ได้ ผู้ใดจะรู้ว่าเพิ่งสัมผัสก็พบว่ารองเจ้ากรมเผยร่างโงนเงนล้มลงกับพื้น
น่าสงสารเสนาบดีกรมคลังอายุมากเพียงนี้ ถูกเหตุการณ์กะทันหันนี้ทำเอาตกใจสะดุ้งเฮือกหนวดกระดิก
มหาขันทีซุนเหยียนเข้าไปตรวจสอบ
“ฝ่าบาท รองเจ้ากรมเผยสลบไปแล้ว”
บรรดาขุนนางต่างสบตากันไปมา
นี่คือตกใจจนสลบหรือ
“ตามหมอหลวง ทำให้เขาฟื้น!” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สุรเสียงเย็นเยียบ
ตอนรอหมอหลวงมา ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงทอดพระเนตรไปทางชิ่งอ๋องด้วยสีพระพักตร์เรียบเฉยไร้ความรู้สึก
ชิ่งอ๋องร้องไห้น้ำตาไหลพราก “เสด็จพ่อ กระหม่อมไม่ได้สั่งให้สังหารชาวตำบลไท่ผิงจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”
แววพระเนตรฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เต็มไปด้วยความผิดหวังและรังเกียจ “มาถึงตอนนี้แล้ว เจ้ายังปากแข็ง”
“กระหม่อมไม่ได้ทำจริงๆ! กระหม่อมสาบานได้พ่ะย่ะค่ะ!”
พอเห็นชิ่งอ๋องยกมือหนึ่งขึ้นด้วยท่าทางลนลาน จูเสี่ยวเยวี่ยก็นึกถึงก่อนหน้านี้ไม่นานที่นางสาบานด้วยชีวิตต่อหน้าเจ้ากรมศาลซุ่นเทียน ก็รู้สึกสมเพชและเจ็บปวด
“สาบาน? เจ้าคิดว่านี่คือชาวบ้านในเมืองทะเลาะวิวาทสาบานกันหรือ” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรชิ่งอ๋องเช่นนี้ก็ยิ่งโมโห
ชิ่งอ๋องตกใจไม่กล้าส่งเสียง
ยามนี้เองหมอหลวงก็ยกล่วมยาเข้ามา ไม่กล้ามองไปรอบๆ ยิ่งไม่กล้าคาดเดาส่งเดช ถวายบังคมแล้วก็ฝังเข็มให้รองเจ้ากรมเผย
ไม่นานรองเจ้ากรมเผยก็พ่นลมหายใจเฮือกหนึ่งออกมาพร้อมกับลืมตาขึ้น
เขากำลังนอนอยู่ ภาพตรงหน้าก็คือเพดานลวดลายมังกรเมฆาที่งดงามประณีต เตือนสติให้เขารู้ว่าเขาอยู่ที่ใด
รองเจ้ากรมเผยลนลานลุกขึ้นนั่ง พลิกตัวขึ้นคุกเข่ารับผิด “กระหม่อมสมควรตายพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แค่นเยาะ “เจ้าสมควรตายจริงๆ!”
“ฝ่าบาท ที่ทั้งสองคนกล่าวว่า กระหม่อมไม่รู้เรื่องด้วยจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”
ตอนมองดูเป็ดตายก็ยังปากแข็ง เขาเคยรู้สึกน่าขัน แต่พอเป็นตนเองก็กลับเป็นความสามารถเอาชีวิตรอด
ในยามนี้เอง ขันทีผู้หนึ่งก็รีบเดินเข้ามา ก้มหน้ากระซิบมหาขันทีซุนเหยียน
ซุนเหยียนเป็นหนึ่งในมหาขันทีที่ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไว้วางพระทัยที่สุด ย่อมระงับอาการตื่นเต้นได้เป็นปกติ แต่ยามนี้สีหน้ากลับซีดเผือด ตอนเดินเข้าไปด้านในยังถึงกับลนลานเล็กน้อย
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงเห็นดังนี้ ก็มีสีพระพักตร์สงสัย “เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
“ฝ่าบาท รองผู้บัญชาการกองกำลังเมืองหลวงจ้าวเฟยฝานมีเรื่องด่วนขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
นอกเมืองมีกองกำลังประจำการ ชื่อว่ากองกำลังเมืองหลวง ปกติขุนพลทหารในกองกำลังจะไม่เข้าเมือง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้ยินว่ามาจากกองกำลังเมืองหลวงในห้วงเวลาล่อแหลมเช่นนี้ พระทัยก็วาบขึ้นมาทันที “ให้เขาเข้ามา!”
ไม่นานขุนพลร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง “กระหม่อมจ้าวเฟยฝานถวายบังคมฝ่าบาท”
“รองผู้บัญชาการจ้าว เข้าวังมายามนี้มีเรื่องอันใด”
รองผู้บัญชาการจ้าวหลุบตาลงประสานมือ “เมื่อสักครู่ ผู้บัญชาการกองอู่นำทหารสามพันออกจากกองทัพขึ้นเหนือไปแล้ว กระหม่อมรู้สึกว่าผิดปกติ ส่งทหารไล่ตามไป และตรงมากราบทูลฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
ผู้บัญชาการกองกำลังเมืองหลวงนำกำลังออกจากกองทัพโดยไร้เหตุ ก็คือก่อกบฏอย่างไม่ต้องสงสัย
ผู้บัญชาการกองกำลังเมืองหลวงอู่เหยียนถิงถึงกับก่อกบฏ!
ข่าวนี้ดังอสุนีบาตฟาดกลางวันแสกๆ ทำให้ทุกคนในพระที่นั่งต่างพากันตัวแข็งทื่อ
ชิ่งอ๋องยังคงอ้าปากค้างอยู่ รองเจ้ากรมเผยที่คุกเข่าอยู่ก็โงนเงน ก่อนจะสลบไปอีกครั้ง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้ยินรองผู้บัญชาการกองกำลังเมืองหลวงจ้าวเฟยฝานขอเข้าเฝ้า ก็รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดีแล้ว แต่พอได้ยินว่าอู่เหยียนถิงกบฏแล้ว โทสะในพระทัยก็คุกรุ่นขึ้นมาทันที ปฏิกิริยารองเจ้ากรมเผยก็ยิ่งทำให้ทรงกริ้วถึงขีดสุด
ฮ่องเต้ตรงเข้าไปแย่งเข็มในมือหมอหลวงที่ควักออกมาอีกครั้งทันที ก่อนปักลงไปบนตัวรองเจ้ากรมเผยทั้งหมด
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น รองเจ้ากรมเผยได้สติแล้ว แต่ทำให้บรรดาขุนนางต่างตกใจตาค้าง
“ฝ่า ฝ่าบาทโปรดอภัยโทษ…” รองเจ้ากรมเผยคลานไปพร้อมกับร่ำไห้ร้องตะโกน
ผู้บัญชาการกองกำลังเมืองหลวงอู่เหยียนถิงก่อกบฏในยามนี้ ก็เท่ากับตอกย้ำความผิดของพวกเขาแล้ว
ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังเมืองหลวงได้ ย่อมต้องได้รับความไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้ อู่เหยียนถิงนำทหารหนีเช่นนี้ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเขาได้ยินข่าวลือในเมืองหลวง และรู้ดีกว่าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่มีทางยอมรับเรื่องพวกนี้อย่างเด็ดขาด ต้องทุ่มเทสรรพกำลังหนีเอาตัวรอดแล้ว
รองเจ้ากรมเผยหวาดกลัวถึงเพียงนี้ แต่สมองกลับว่องไวมาก พริบตาก็คิดเรื่องเหล่านี้กระจ่าง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว แม้ว่าเขาปากแข็งไม่ยอมรับจนตายก็คงไร้ความหมายแล้ว
รองเจ้ากรมเผยยิ่งคิดก็ยิ่งสิ้นหวัง ตัวสั่นเทาไม่หยุด
ขุนนางใหญ่ทนรับบรรยากาศน่าหวาดกลัวเช่นนี้ไม่ไหว พากันคุกเข่าลงเงียบๆ
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รับสั่งจัดการเรื่องไล่ล่าอู่เหยียนถิงและเรื่องที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ก่อนจะหันไปทอดพระเนตรรองเจ้ากรมเผยที่ตัวสั่นงันงกไม่หยุด
“เผยจั่ว เจ้ายอมรับผิดไหม”
“ฝ่าบาท ทรงไว้ชีวิตด้วย ฝ่าบาท ทรงไว้ชีวิตด้วย!”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่สนใจรองเจ้ากรมเผยอีก สายพระเนตรเย็นเยียบดุจน้ำแข็งทอดพระเนตรชิ่งอ๋อง
ข่าวอู่เหยียนถิงกบฏทำให้ชิ่งอ๋องตกใจไม่น้อย พอสายพระเนตรเย็นเยียบมองมาก็ได้สติคืนมาทันที
“เสด็จพ่อ กระหม่อมไม่รู้เรื่องจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!” เขาหันไปชี้รองเจ้ากรมเผย “กวาดล้างสังหารชาวบ้านเป็นฝีมือพวกเขา พวกเขากระทำการปิดบังกระหม่อม!”