สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 226 โทสะดุจอสุนีบาต
ตอนที่ 226 โทสะดุจอสุนีบาต
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรบุตรชายที่ตะโกนว่าถูกใส่ความแล้วในพระทัยก็ยิ่งเยียบเย็น
“ไม่รู้เรื่องสังหารชาวบ้าน แล้วเรื่องทุจริตเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยเล่า”
ชิ่งอ๋องสะอึกไปครู่หนึ่ง
เขาสบพระเนตรเยียบเย็นของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ แล้วก็กวาดตามองรองเจ้ากรมเผยที่เข่าอ่อนหมดเรี่ยวแรงทีหนึ่ง ความกล้าหาญคิดเจ้าเล่ห์ก็พลันมลายหายไปหมดสิ้น
อู่เหยียนถิงกบฏแล้ว รองเจ้ากรมเผยยอมรับแล้ว หากเขายังปากแข็งแล้วถูกรองเจ้ากรมเผยออกมาซัดทอด เช่นนั้นแม้พูดความจริงอีกครั้งเสด็จพ่อก็คงไม่ทรงเชื่อแล้ว
“กระหม่อม…” ชิ่งอ๋องเอ่ยขึ้น แต่ในใจทั้งรู้สึกทำใจยอมรับไม่ได้และหวนนึกเสียใจภายหลัง “กระหม่อมรับแค่เงินทองจากพวกรองเจ้ากรมเผย ตอนถูกบิดาคุณหนูจูขวางเกี้ยวร้องทุกข์กลางถนน ได้ฟังเรื่องของตำบลไท่ผิงกับการตายของเจ้าหน้าที่อำเภอเป่ยเฉวียนอย่างน่าประหลาดแล้ว ก็ให้พวกรองเจ้ากรมเผยไปจัดการให้เรียบร้อยแล้ว”
เอ่ยถึงตรงนี้ ชิ่งอ๋องก็แสดงท่าทางเหมือนถูกใส่ความ “กระหม่อมไม่รู้จริงๆ ว่าการจัดการของพวกเขาถึงกับเป็นการกวาดล้างสังหาร!”
ไปถึงสถานที่ผีร้ายเช่นนั้น กินไม่ดี อยู่ไม่ดี เขาไม่ได้ไปที่ใดทั้งนั้น วันๆ อยู่แต่ในที่ทำการ การจัดการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติมีรองเจ้ากรมเผยและผู้บัญชาการอู่ค่อยให้การสนับสนุน เขาไม่ได้ทำอันใดทั้งสิ้น คิดถึงความลำบากแล้ว รับเงินทองที่ลูกน้องมอบให้จะมีอันใดมิได้กัน
“พวกเขาปิดบังกระหม่อม เสด็จพ่อโปรดพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” ชิ่งอ๋องโขกศีรษะลงบนพื้นอิฐสีทอง เสียงดังก้องอย่างมาก
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้มองคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นนิ่งเงียบไปนานก่อนจะตรัสว่า “ทหาร นำตัวเผยจั่วไปขังคุกกรมอาญา กักตัวชิ่งอ๋องไว้ที่สำนักราชวัง”
ตอนรองเจ้ากรมเผยถูกลากออกไป ยังลืมแม้แต่จะส่งเสียงร้อง ร่างกายอ่อนยวบราวกับกองโคลน
ชิ่งอ๋องกลับตะโกนไม่หยุด “เสด็จพ่อ กระหม่อมถูกใส่ความ…”
สีพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เรียบเฉยไร้ความรู้สึก กวาดพระเนตรมองบรรดาขุนนางทีหนึ่งก่อนตรัสถามด้วยสุรเสียงนิ่งเรียบว่า “เจ้ากรมตรวจสอบเหอ ผู้บัญชาการสำนักเจิ้นฝู่ซือเฮ่อ เจ้าทั้งสองพรุ่งนี้เดินทางไปติ้งเป่ยตรวจสอบให้กระจ่าง”
“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา” เฮ่อชิงเซียวกับเจ้ากรมตรวจสอบเหอรับคำพร้อมเพรียง
หลังจัดการเรียบร้อย ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ให้เฮ่อชิงเซียวอยู่ต่อ
“ไปติดตามเรื่องอู่เหยียนถิงสักหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
ตอนเช้าได้ยินว่าอู่เหยียนถิงกบฏ เฮ่อชิงเซียวส่งกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินไปจวนอู่เหยียนถิงตามรับสั่งจากฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แล้ว ยามนี้ทั้งจวนถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินล้อมไว้หมดแล้ว เฮ่อชิงเซียวออกจากวังก็มีลูกน้องมายืนรอรายงานอยู่หน้าวังแล้ว
ฟังรายงานของลูกน้องจบ เฮ่อชิงเซียวก็เข้าวังอีกครั้ง
“หลังตรวจสอบ อู่เหยียนถิงมีบุตรสาวสามบุตรชายหนึ่ง ตอนนี้มีเพียงบุตรสาวสามคนอยู่ในจวน บุตรชายหายไปแล้ว…” รายงานจบ เฮ่อชิงเซียวก็ลังเลเล็กน้อยก่อนเอ่ยว่า “หลังจากการสอบปากคำเว่ยฉางชิง และสอบสวนเหตุการณ์ที่ติ้งเป่ย กระหม่อมส่งกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินไปจับตาดูจวนอู่เหยียนถิง แต่ไม่เห็นบุตรชายเขาออกมา กระหม่อมคาดว่าลูกน้องอู่เหยียนถิงตามล่าตัวเว่ยฉางชิงยังไม่สำเร็จ กังวลว่าเรื่องจะแดงขึ้นมา จึงน่าจะปลอมตัวลอบหนีออกไปเตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว”
“เยี่ยมมาก เตรียมพร้อมไว้ก่อน!” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แค่นเยาะ
เฮ่อชิงเซียวหลุบตาลง “กระหม่อมไร้ความสามารถ ขอฝ่าบาทลงอาญาพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้จ้องมองชายหนุ่มที่ขอรับอาญาทีหนึ่ง ในพระทัยยังคงเต็มไปด้วยความไม่พอพระทัย แต่เทียบกับเรื่องราวร้อนใจต่างๆ นานาที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันแล้ว ความไม่พอพระทัยนี้นับว่าเล็กน้อยไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง
“มีสองเรื่อง เราต้องการให้เจ้าจัดการให้ดี”
“ขอฝ่าบาทโปรดรับสั่งพ่ะย่ะค่ะ”
“เรื่องแรก สอบเรื่องติ้งเป่ยให้กระจ่างชัด เราไม่อยากถูกความลวงบังตา เห็นขุนนางชั่วเป็นขุนนางชอบ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เรื่องที่สอง…” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ผ่อนสุรเสียงช้าลง แววพระเนตรสว่างเย็นเยียบ “จากนี้ไปขุนพลทหารระดับสามขึ้นไปยามอยู่นอกจวน ต้องมีกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินคอยจับตาดูตลอดเวลา”
ยามนี้กล่าวว่ากองกำลังองครักษ์จิ่นหลินจับตาดูขุนนางทุกคน แต่ยังไม่ถึงขั้นจับตาดูทุกอนูไร้ช่องโหว่ กล่าวได้ว่าการกบฏหลบหนีไปของอู่เหยียนถิง ทำให้หน้าที่ของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินในฐานะหน่วยคอยจับตาดูแทนฮ่องเต้เพิ่มสมรรถนะมากขึ้น
เฮ่อชิงเซียวเข้าใจดี จากนี้ไปอำนาจของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินจะยิ่งใหญ่ขึ้น แต่ชื่อเสียงก็จะฉาวโฉ่ไม่เป็นที่พึงประสงค์ของผู้ใดทั้งสิ้น
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องคำนึง ยามดำรงอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ เขาได้แต่ทุ่มเทภักดีปฏิบัติตามรับสั่งฮ่องเต้อย่างเต็มความสามารถ รับคำด่าและคำชมทั้งมวล
“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา”
“ไปเถอะ”
หลังจากในพระที่นั่งว่างเปล่าลง ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกรเป็นนานไม่ตรัสอันใด
อู่เหยียนถิงกบฏหลบหนีไปทำให้เขาโมโหมากกว่า ไม่ได้รู้สึกเป็นกังวลอันใด เพราะขุนพลทหารเก่งกาจที่ติดตามเขาออกศึกบุกเบิกแผ่นดินมายังอยู่ ขุนพลหนุ่มมีความสามารถอีกมาก การปราบกบฏเป็นเพียงเรื่องช้าหรือเร็วเท่านั้น
ที่ทำให้ทรงหงุดหงิดมากก็คือพวกรองเจ้ากรมเผย โดยเฉพาะชิ่งอ๋อง
เขาวางแผนมอบแผ่นดินให้บุตรชายคนนี้ แต่ตอนนี้…ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้หลับพระเนตรลง ตอนลืมขึ้นอีกครั้งก็เย็นเยียบหมดสิ้น
เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้แทบหมดเวลาไปวันหนึ่ง
ขุนนางแต่ละหน่วยงานติดตามหัวหน้ากลับไปแล้ว อย่างไรก็คงพอรู้กันแล้วว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น แต่ละคนพากันเงียบกริบไม่เอ่ยอันใด เกรงว่าภัยจะลามมาถึงตนเอง พอได้เวลาเลิกงาน เสียงเรียกกันไปร่ำสุราก็น้อยลง งานเลี้ยงก็น้อยลง แต่ละคนรีบมุ่งตรงกลับบ้าน
รองเจ้ากรมต้วนเองก็ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่น พอถึงบ้านก็ตรงไปเรือนหรูอี้ถัง
พอนายหญิงผู้เฒ่าเห็นบุตรชายก็นิ่งอึ้งไปทันที “เกิดเรื่องอันใดขึ้น เหตุใดสีหน้าย่ำแย่เพียงนี้”
“เกิดเรื่องใหญ่ในราชสำนักแล้ว”
นายหญิงผู้เฒ่ารีบถามทันทีว่าเรื่องอันใด
รองเจ้ากรมต้วนสีหน้าสิ้นหวัง เอ่ยน้ำเสียงลังเล “รายละเอียดไม่กระจ่าง รู้เพียงว่าชิ่งอ๋องถูกกักตัวอยู่ที่สำนักราชวัง รองเจ้ากรมคลังจั่วถูกส่งไปคุกหลวง…คล้ายว่าเกี่ยวกับทุจริต”
นายหญิงผู้เฒ่าไม่ค่อยเข้าใจเรื่องในราชสำนักมากนัก แต่กลับจับประเด็นได้เรื่องหนึ่ง “ชิ่งอ๋องเกิดเรื่อง แล้วจวนกู้ชางป๋อเล่า”
จวนกู้ชางป๋อสนิทชิดใกล้กับชิ่งอ๋อง ก่อนหน้านี้กู้ชางป๋อเกิดเรื่อง ผู้คนยังรู้สึกว่าจวนกู้ชางป๋อน่าจะยังไม่จบสิ้น เพราะยังมีชิ่งอ๋อง แต่ตอนนี้ชิ่งอ๋องถูกกักตัวในสำนักราชวัง จวนกู้ชางป๋ออาจจะถูกประหารล้างตระกูล และอาจทำให้ผู้อื่นพลอยเดือดร้อนไปด้วย
รองเจ้ากรมต้วนย่อมเคยคิดถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด พอถูกนายหญิงผู้เฒ่าถามเช่นนี้ สีหน้าก็ยิ่งย่ำแย่
“รู้อย่างนี้การแต่งงานนี้…”
นายหญิงผู้เฒ่าสีหน้าเคร่งเครียด “เจ้าโทษแม่หรือ”
“ท่านแม่คิดมากไปแล้ว ข้าจะโทษท่านแม่ได้อย่างไร ก็แค่รู้สึกว่าตระกูลเราระยะนี้ดวงไม่ดีเลยจริงๆ”
นายหญิงผู้เฒ่าแค่นเยาะ “ภรรยาดี สามีภัยย่อมน้อย ก็มิใช่เพราะเฉียวซื่อเริ่มก่อกรรมก่อนหรือ!”
สองแม่ลูกสบตากันกลัดกลุ้มครู่หนึ่ง รองเจ้ากรมต้วนก็ถอนหายใจ “ท่านแม่ให้น้องสะใภ้สั่งให้คนออกไปนอกจวนให้น้อยหน่อย ข้าเองก็จะคอยสังเกตให้มาก ขอให้ภัยหายนะนี้ครั้งอย่าได้มาถึงตระกูลเรา”
ณ เรือนหว่านฉิง หวางมามามารายงานต่อซินโย่ว “คุณหนู จินไชที่เรือนหรูอี้ถังแอบมารายงานว่านายท่านใหญ่กลับมาแล้วก็ไปเรือนหรูอี้ถัง สีหน้าย่ำแย่มาก นายหญิงผู้เฒ่าให้บ่าวรับใช้ออกไปหมด ก่อนจะคุยกับนายท่านใหญ่เป็นนาน”
นายหญิงผู้เฒ่ามีสาวใช้ใหญ่สองคนข้างกาย อวี้จูกับจินไช
เหตุใดสาวใช้ใหญ่เรือนหรูอี้ถังจึงมารายงานข่าวต่อเรือนหว่านฉิง ก็คงต้องเอ่ยถึงหวางมามากับหลี่ หมัวมัวแล้ว
ตอนซินโย่วย้ายออกจากจวนรองเจ้ากรม ทั้งสองคนอยู่เฝ้าเรือนหว่านฉิง ต่อมาก็มีเงินทองมากขึ้นเรื่อยๆ…
หวางมามากับหลี่หมัวมัวได้รับเงินรางวัลมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนล้วนชอบโอ้อวด ไม่นานก็กลายเป็นผู้ที่บ่าวในจวนล้วนอิจฉา บ่าวเหล่านี้ยินดีเข้ามาตีสนิทหวางมามาเพื่อให้เอ่ยถึงตนต่อหน้าซินโย่ว
ซินโย่วคิดแล้วก็มิใช่เรื่องเลวร้าย จึงได้มอบเงินให้ทั้งสองคนไปจัดการสัมพันธ์เหล่านี้โดยเฉพาะ
ไม่เคยคิดเลยว่าจะ ‘ซื้อตัว’ จินไชสาวใช้ใหญ่เรือนหรูอี้ถังที่ได้รับความสำคัญรองจากอวี้จูมาเป็นพวกอย่างไม่รู้ตัว
[1] ในสมัยหมิงหัวหน้าสำนักขันทีนี้มีตำแหน่งเป็นดูแลพระราชพิธีฝ่ายในควบตำแหน่งดูแลการเมืองฝ่ายใน