สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 23 ช่วยเหลือตนเอง
ตอนที่ 23 ช่วยเหลือตนเอง
ต้วนอวิ๋นหว่านกอดขานายหญิงผู้เฒ่า คล้ายกอดฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตนาง ทิ้งความอ่อนโยนอ่อนหวานที่เคยมีไปหมดสิ้น
“ท่านย่า ท่านช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ ท่านแม่จะฆ่าข้าปิดปาก!” ไม่ทันรอให้นายหญิงผู้เฒ่าตั้งสติได้ ต้วนอวิ๋นหว่านก็เอ่ยเล่าเรื่องนายหญิงใหญ่เฉียวซื่อบงการให้นางผลักโค่วชิงชิงตกหน้าผาออกมาเอง
ภัยอันตรายเกือบเอาชีวิตไม่รอดทำให้นางไม่สนใจอันใดอีกแล้ว ในสมองเต็มไปด้วยความคิดว่าน้องชิงพูดได้ถูกต้อง ท่านแม่ไม่ยอมปล่อยนางไปแน่ โดนลงทัณฑ์ดีกว่าเอาชีวิตไปทิ้ง!
“ท่านแม่กลัวข้าแพร่งพรายออกไป เมื่อครู่ส่งคนมาฆ่าปิดปากข้า! ท่านย่า ขอท่านย่าช่วยออกหน้าให้ข้าด้วยเจ้าค่ะ!”
เสียงร้องไห้ของต้วนอวิ๋นหว่านดังไปทั่วห้อง เส้นเอ็นที่ขมับนายหญิงผู้เฒ่ากระตุกไม่หยุด ค่อยๆ กวาดตามองซินโย่วทีหนึ่ง
ซินโย่วเม้มปากแน่น แววตามีความประหลาดใจ หวาดกลัวและโมโห
ริมฝีปากนายหญิงผู้เฒ่าขยับ แต่กลับไม่รู้ควรเอ่ยอันใด สายตากวาดมองจากใบหน้านางต่อไปยัง ต้วนอวิ๋นหลิง
ต้วนอวิ๋นหลิงใบหน้าถอดสี ริมฝีปากสั่นระริกไร้สีเลือด
นายหญิงผู้เฒ่ามองไปทางจ้าวมามา “นางคือ…”
อย่างไรก็เป็นบ่าวใช้แรงงาน นายหญิงผู้เฒ่ารู้สึกเพียงแค่คุ้นตาเท่านั้น
“นางคือจ้าวมามาในเรือนท่านแม่!” ต้วนอวิ๋นหว่านชี้ไปที่หน้าจ้าวมามา นึกภาพสองมือใหญ่ที่พยายามกดนางจมน้ำในสระน้ำครั้งแล้วครั้งเล่าขึ้นมา
ความรู้สึกใกล้สิ้นลมทะลักขึ้นมา ทำให้สีหน้านางยิ่งซีดขาว สั่นเทาไปทั้งตัวเอ่ยว่า “ท่านย่า นางผลักข้าลงสระน้ำไม่พอ ยังใช้มือกดศีรษะข้าไว้ใต้น้ำ…”
ในห้องนอกจากบ่าวรับใช้ใกล้ชิดนายหญิงผู้เฒ่า ก็มีซินโย่วกับเสี่ยวเหลียน ต้วนอวิ๋นหลิงกับสาวใช้ของนางหนิงชุ่ย ยังมีจ้าวมามาที่คุกเข่าอยู่บนพื้น
นอกจากจ้าวมามาที่เป็นฆาตกรแล้ว คนอื่นได้ยินคำพูดต้วนอวิ๋นหว่านล้วนมีสีหน้าหวาดกลัว โดยเฉพาะคนที่ได้เห็นภาพฆาตกรลงมือด้วยตาตนเอง สีหน้าก็ยิ่งดูย่ำแย่
นายหญิงผู้เฒ่ากวาดตามองทุกคนในห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สั่งการสาวใช้ “ไปเรือนหย่าซินย่วนเชิญนายหญิงใหญ่มา”
“เจ้าค่ะ”
นายหญิงผู้เฒ่ายังสั่งการให้บ่าวคนสนิทข้างๆ ไปที่ทำการรายงานรองเจ้ากรมต้วน
เดิมเรื่องในจวน ไม่นายหญิงผู้เฒ่าจัดการก็จะเป็นเฉียวซื่อจัดการ จะไม่ทำให้เจ้าบ้านชายที่ไปทำงานข้างนอกต้องตกใจง่าย ๆ แต่เรื่องวันนี้ไม่ธรรมดา
เกี่ยวพันถึงเรื่องนายหญิงปองร้ายบุตรสาวอนุ และยิ่งไปกว่านั้นก็คือเรื่องป้าปองร้ายหลานสาวเพื่อชิงสมบัติ เรื่องราวหนักหนาสาหัส จำเป็นต้องตามประมุขตระกูลกลับมา
นายหญิงใหญ่เฉียวซื่อรู้เรื่องราวในสวนดอกไม้ก่อนหน้านี้แล้ว ตอนตามสาวใช้เรือนหรูอี้ถังมา ไม่ว่าในใจคิดเยี่ยงไร แต่สีหน้ายังคงสงบนิ่ง
“ล้วนเพราะสะใภ้ดูแลอบรมไม่ดีพอ ถึงกับปล่อยให้เกิดเหตุบ่าวปองร้ายนายได้” เฉียวซื่อเข้ามาก็ขอรับผิด มองจ้าวมามาด้วยสายตาโมโห “เจ้าบอกข้ามาให้กระจ่าง เหตุใดจึงปองร้ายคุณหนูใหญ่”
คนมากมายเห็นตอนจ้าวมามาลงมือ ในใจเฉียวซื่อรู้ดีกว่ายากจะแก้ตัว ได้แต่ผลักจ้าวมามาออกไปรับผิดแล้ว
นางรู้ดีว่าจ้าวมามาไม่กล้าเปิดโปงนาง อย่างไรครอบครัวจ้าวมามาก็ล้วนอยู่ในกำมือนาง
“เจ้าค่ะ…เจ้าค่ะ บ่าวแค้นใจคุณหนูใหญ่เคยตำหนิบ่าว วันนี้เห็นคุณหนูใหญ่อยู่ริมสระน้ำคนเดียว พลันเกิดจิตคิดสังหารขึ้นมาเจ้าค่ะ…” จ้าวมามาหมอบติดพื้นส่งเสียงร่ำไห้น้ำตานอง
“เจ้าพูดจาเหลวไหล ข้าเคยตำหนิเจ้าเมื่อใด…” หลังจากโมโหตวาดใส่แล้ว ต้วนอวิ๋นหว่านมองไปทางเฉียวซื่อ “จ้าวมามาแต่งเหตุผลนี้ ท่านแม่ไม่รู้สึกว่าน่าขันหรือ คิดว่าเรื่องที่ท่านแม่บงการข้าผลักน้องชิงตกหน้าผาแดงขึ้นมา ก็คงเหมือนเช่นจ้าวมามา ถูกบีบให้บอกว่าเพราะข้ามีใจริษยาน้องชิงกระมัง”
เฉียวซื่อสีหน้าเคร่งเครียด “ธรรมเนียมมารยาทของเจ้าเล่า ถึงกับพูดจากับข้าเช่นนี้!”
ท่ามกลางความหวาดกลัวสิ้นหวัง สติต้วนอวิ๋นหว่านแตกกระเจิงหมดสิ้นแล้ว ทุ่มเทกำลังทั้งหมดเอ่ยว่า “ท่านแม่บีบให้ข้ากลายเป็นฆาตกรฆ่าคน และยังบงการให้จ้าวมามามาฆ่าข้าปิดปาก ข้าก็แค่พูดความจริงออกมาเท่านั้น เรียกว่าไม่มีธรรมเนียมมารยาทหรือ ท่านแม่ ข้าเองก็เป็นคนเหมือนกันกับน้องหวา!”
ได้ยินต้วนอวิ๋นหว่านเอ่ยถึงต้วนอวิ๋นหวา เฉียวซื่อสีหน้าแปรเปลี่ยน “หุบปาก! ข้าเคยให้เจ้าไปทำร้ายคุณหนูนอกเมื่อใดกัน ท่านแม่ ข้าว่านังเด็กนี่เสียสติแล้ว เชิญท่านหมอที่คุ้นเคยกันมาตรวจสักหน่อยดีกว่า”
“นายหญิงใหญ่” ซินโย่วเอ่ยเรียก
เฉียวซื่อจึงได้พบว่า ตั้งแต่นางเข้ามา มีเรื่องกับบุตรสาวอนุ คุณหนูนอกผู้นี้ไม่ส่งเสียงแม้แต่คำเดียว
“ชิงชิงเจ้าอย่าได้เชื่อคำพูดเหลวไหลของพี่สาวเจ้า ในใจของป้า เจ้าก็เหมือนกับคุณหนูอื่นๆ ในจวน” เฉียวซื่อฝืนยิ้ม
ซินโย่วจ้องมองปากเฉียวซื่อพูดไม่หยุด รู้สึกเพียงแค่น่าขันยิ่ง
กลับดำเป็นขาว ชี้กวางเป็นม้า วันนี้นับว่านางได้เห็นด้วยตนเองแล้ว
“เหมือนกับคุณหนูในจวนหรือ” ซินโย่วหัวเราะเบาๆ “แต่พี่หว่านเพิ่งจะเอาชีวิตไม่รอดในสระน้ำ ก่อนหน้านี้ไม่นานข้าก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด หากมองเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราก็เหมือนกันจริงๆ”
พอเอ่ยเช่นนี้ เฉียวซื่อกับนายหญิงผู้เฒ่าพากันสีหน้าแปรเปลี่ยน ต้วนอวิ๋นหลิงที่ยืนอยู่มุมหนึ่งก็ยิ่งสีหน้าแปรเปลี่ยน แววตาเต็มไปด้วยอาการดิ้นรนหาทางรอด
“ชิงชิง เจ้าหมายความเยี่ยงไร หรือเจ้าสงสัยป้า?” เฉียวซื่อสีหน้าผิดหวังและแทบไม่อยากจะเชื่อ
ผิดหวังคือเท็จ ไม่อยากจะเชื่อคือจริง
นี่คือคุณหนูนอกหน้าบาง ยอมเสียเปรียบแต่ไม่ยอมเสียหน้าผู้นั้นหรือ
ซินโย่วยิ้ม “เทียบกันระหว่างเรื่องจ้าวมามาถูกพี่หว่านตำหนิจึงคิดสังหารนาย กับคำพูดพี่หว่าน อันไหนสมเหตุสมผลกว่า นายหญิงใหญ่ว่าอย่างไร”
เฉียวซื่อสีหน้าบัดเดี๋ยวเขียวบัดเดี๋ยวขาว ในแววตามีความโหดเหี้ยมผุดขึ้นมา
“ชิงชิง เจ้ากล่าวเช่นนี้ทำให้ป้าเสียใจมาก…”
“เช่นนั้นก็แจ้งทางการเถอะ” ซินโย่วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ คร้านจะมองดูเฉียวซื่อเสแสร้งต่อไป
“แจ้งทางการ?” รองเจ้ากรมต้วนรีบกลับบ้านมาถึง พอก้าวเข้ามาก็ได้ยินคำพูดนี้ทำเอาสีหน้าแปรเปลี่ยนทันที
ซินโย่วตรงเข้าไปย่อกายคำนับรองเจ้ากรมต้วน เอ่ยเล่าเรื่องราวง่ายๆ ว่า “วันนี้จ้าวมามาในเรือนท่านป้าใหญ่ผลักพี่หว่านตกสระน้ำในสวนดอกไม้ พี่หว่านบอกว่าท่านป้าใหญ่ฆ่าคนปิดปาก เพราะท่านป้าใหญ่บงการให้นางมาผลักข้าตกหน้าผา ท่านป้าใหญ่บอกว่าพี่หว่านพูดเองฝ่ายเดียว จ้าวมามาทำร้ายพี่หว่านเพราะเคยถูกนางตำหนิ ท่านลุงคิดว่าแบบไหนน่าเชื่อมากกว่าเจ้าคะ”
“นี่…” รองเจ้ากรมต้วนสีหน้าแข็งทื่อ เห็นชัดว่าคิดไม่ถึงว่าหลานสาวที่ว่านอนสอนง่ายในความคิดเขาจะถามตรงไปตรงมาเช่นนี้ จึงฝืนยิ้มปลอบโยนออกไปว่า “ชิงชิง เรื่องใหญ่มาก ต้องตรวจสอบให้กระจ่างก่อน”
“ท่านพี่ คำพูดเหลวไหลของเด็กน้อย ท่านพี่ก็ปล่อยให้นางเหลวไหลหลู่เกียรติข้าผู้เป็นท่านแม่นางหรือเจ้าคะ” เฉียวซื่อจ้องมองรองเจ้ากรมต้วน
รองเจ้ากรมต้วนกัดฟัน ฝืนบังคับไฟโทสะในใจให้เย็นลง
เขาไม่ได้โง่ ความจริงเช่นไรไม่จำเป็นต้องเอ่ย แต่แม้จะโมโหเฉียวซื่อที่ไม่เลือกวิธีการเพียงใด ก็ไม่อาจปล่อยให้ภรรยาแต่งของเขา มารดาของลูกๆ เขา นายหญิงแห่งจวนรองเจ้ากรมต้องมีความผิดสังหารคนหมายเอาทรัพย์สมบัติได้
เฉียวซื่อเห็นปฏิกิริยาของรองเจ้ากรมต้วนอยู่ในสายตา กวาดตามองต้วนอวิ๋นหว่านกับซินโย่วทีหนึ่ง
ช่างเป็นสองเด็กสาวโง่งมโดยแท้ ผ่านด่านนี้ไปได้ พวกเจ้าได้เห็นดีแน่!
พริบตานั้นเอง แววตานางก็เย็นเยียบ ชั่วร้ายขึ้นมา ต้วนอวิ๋นหลิงรู้สึกเลือดในกายร้อนระอุ หลุดโพล่งออกไปว่า “ข้าได้ยิน!”
สายตาหลายคู่มองมา คุณหนูที่คิดจะรักษาตัวรอดแต่ก็รู้สึกไม่สบายใจมาตลอดถูกผลักออกมาผจญคลื่นลม
นางกลัวมาก แต่กลับรู้ว่าไม่มีหนทางถอยอีกแล้ว ส่งเสียงดังขึ้นอีกครั้ง “ข้าได้ยินเจ้าค่ะ!”