สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 232 ออกหน้าช่วยเหลือ
ตอนที่ 232 ออกหน้าช่วยเหลือ
หลิวโจวพลันตั้งสติได้ “ท่านลูกค้าเรียกข้าหรือ”
ลูกค้าที่หอบนิยายใหม่ในมือ ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “เหตุใดเจ้าเหมือนกำลังเหม่อลอย”
“เฮ้อ!” หลิวโจวถอนหายใจหนักหน่วง “ไม่มีอันใด เมื่อครู่ท่านลูกค้าถามอันใดนะ”
“ข้าถามว่า ‘บันทึกตะวันตก’ เล่มสี่จะออกวางขายเมื่อไร”
“ไม่รู้เหมือนกัน การวางขายนิยายใหม่ ล้วนเป็นการจัดการของเจ้าของร้านเรา”
ได้ยินหลิวโจวเอ่ยถึง ‘เจ้าของร้าน’ ลูกค้าพลันสีหน้าแลดูมีเลศนัย กวาดตามองซ้ายขวาทีหนึ่ง กระซิบถามขึ้นว่า “ข่าวลือพวกนั้นจริงไหม”
“ข่าวลืออันใด?” หลิวโจวสีหน้างุนงง
“บอกว่าคุณหนูโค่วจับท่านซงหลิงขังไว้ หากไม่เขียน ‘บันทึกตะวันตก’ ก็ไม่ให้ออกจากห้องหรือ”
หลิวโจวโมโหฮึดฮัด “ข่าวลือพวกนั้นล้วนผายลม! ร้านหนังสือเรามีต้นฉบับ ‘บันทึกตะวันตก’ ครบชุดแล้ว เจ้าของร้านเราจะขังตัวท่านซงหลิงไว้ทำไมกัน!”
“โอ้ กล่าวเช่นนี้ข่าวลือเหล่านั้นล้วนเท็จ?” ไม่รู้มีคนรุมล้อมเข้ามาเมื่อใด
หลิวโจวดูแล้วโมโหไม่น้อย “ไม่รู้พวกปากยื่นปากยาวว่างงานคนไหน ตนเองพูดจาเหลวไหลสะใจ แต่กลับทำร้ายเจ้าของร้านเรา!”
พอเห็นว่ามีข่าวซุบซิบ คนที่รุมล้อมเข้ามาก็ยิ่งมาก
“เจ้าของร้านพวกเจ้าเป็นอันใดไปหรือ”
“ใช่ คุณหนูโค่วเป็นอันใดไปหรือ”
หลิวโจวสีหน้าบึ้งตึงไม่เอ่ยอันใด สือโถวข้างปาดน้ำตา “เพราะข่าวลือพวกนั้น เมื่อวานเจ้าของร้านเราถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนำตัวไปแล้ว!”
“ซี๊ด…” กลุ่มคนยามนี้พากันส่งเสียงสูดลมหายใจเฮือกอย่างตกใจ
เดิมคนที่มาเข้าแถวซื้อนิยายใหม่ก็มาก และเหมือนจะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ข่าวลือใหม่ออกจากเตาร้อนๆ เพราะข่าวลือเหลวไหลทำให้คุณหนูโค่วเจ้าของร้านร้านหนังสือชิงซงถูกนำตัวไป
สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนใกล้กับร้านหนังสือ เรื่องราวแพร่ลุกลามไปถึงอย่างรวดเร็ว
ต้วนอวิ๋นหลางวิ่งพรวดเดียวไปถึงร้านหนังสือชิงซง คว้าข้อมือหลิวโจวถามว่า “น้องชิงถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินจับกุมตัวไปจริงหรือ”
หลิวโจวพยักหน้าน้ำตาคลอ
“ใต้เท้าเฮ่อมีความสัมพันธ์พอใช้ได้กับน้องชิงไม่ใช่หรือ” ต้วนอวิ๋นหลางไม่เข้าใจ
เขาสงสัยมาตลอดว่าเจ้ายาจกนั่นหมายปองน้องชิง หรือว่าเข้าใจผิด
“ว่ากันว่าใต้เท้าเฮ่อออกราชการนอกเมือง ตอนนี้ใต้เท้าท่านอื่นมาทำหน้าที่แทน”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้”
ต้วนอวิ๋นหลางหันหลังจะวิ่งออกไป ถูกเมิ่งเฝ่ยที่ตามเขามาคว้าตัวไป “เจ้าจะไปไหน”
“ไปหาท่านลุงข้า”
ได้ยินต้วนอวิ๋นหลางว่าจะไปหารองเจ้ากรมต้วน แววตาเมิ่งเฝ่ยก็ฉายแววเยาะ “ข้าขอเตือนเจ้าอย่าไปให้เสียแรงเปล่า นั่นคือสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน รองเจ้ากรมพระราชยานหลวงจะพูดอันใดได้หรือ”
หากกล่าวว่าพูดอันใดไม่ได้เพราะสถานะตำแหน่งก็คงต้องยอมรับ แต่เห็นชัดว่ารองเจ้ากรมต้วนผู้นั้นมีปัญหาคุณธรรม มีความจริงใจต่อหลานสาวเพียงหนึ่งส่วนก็นับว่ามากพอแล้ว
“แล้วทำอย่างไรดี” ต้วนอวิ๋นหลางกลัดกลุ้ม
เมิ่งเฝ่ยคิดแล้วก็เอ่ยว่า “ข้าไปบอกท่านปู่ข้า”
เมิ่งจี้จิ่วปู่ของเมิ่งเฝ่ย ในสายตาต้วนอวิ๋นหลางก็คือบุคคลยิ่งใหญ่แท้จริง
ความจริงระดับขุนนางของจี้จิ่วสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนไม่สูงนัก แต่ตำแหน่งนี้สูงส่งและสำคัญ ผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งนี้จะได้รับความไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้
“พี่เมิ่ง รบกวนแล้ว” ต้วนอวิ๋นหลางประสานมือคำนับเมิ่งเฝ่ย
เมิ่งเฝ่ยถอนหายใจ “ได้แต่ลองไปพูดดู เจ้าอย่าได้ตั้งความหวังมากนัก กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินไม่เหมือนกับหน่วยงานอื่น ไม่แน่ว่าจะไว้หน้าผู้ใด”
“เช่นนั้นอย่างไรก็ต้องขอบคุณพี่เมิ่งที่ช่วยเหลือ”
“ระหว่างพี่น้อง เกรงใจอันใด” เมิ่งเฝ่ยโบกมือเดินไป
มองดูแผ่นหลังสหายที่รีบก้าวเท้าไป ต้วนอวิ๋นหลางพลันรู้สึกบอกไม่ถูก
พี่ใหญ่ผ่านการสอบมีชื่อขึ้นติดบนประกาศ ตอนนี้ไม่ได้เรียนในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน เขากลับไปอยู่บ้าน เขาต้องรู้เรื่องที่เกิดกับน้องชิง ดูท่าแล้ว…ทางบ้านคล้ายว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใด
พี่น้อง…เป็นครั้งแรกที่ต้วนอวิ๋นหลางเริ่มรู้สึกหวั่นไหวไม่มั่นใจกับคำนี้
“คุณหนูโค่วถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนำตัวไปแล้ว?” พอฟังเมิ่งเฝ่ยพูดจบ เมิ่งจี้จิ่วสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ลุกขึ้นออกไปทันที
“ท่านปู่จะไปไหน” เมิ่งเฝ่ยไล่ตามไปถาม แอบบ่นในใจ เหตุใดชอบบอกว่าจะไปก็ไป
เมิ่งจี้จิ่วมองหลานชายอย่างแปลกใจทีหนึ่ง “เจ้ามาบอกปู่ ไม่ใช่อยากให้ปู่ไปช่วยพูดให้คุณหนูโค่วหรือ ย่อมต้องเข้าวัง”
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินถือเป็นพระเนตรพระกรรณของฮ่องเต้ แม้ว่ามีใจคิดสานสัมพันธ์กับขุนนางใดก็มิค่อยกล้าแสดงออกนอกหน้า เกรงว่าจะถูกโยนความผิดว่าลอบสืบความลับทางการ หากเมิ่งจี้จิ่วตรงไปกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน อาจก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้
เมิ่งเฝ่ยนิ่งอึ้งไปทันที “จะเข้าวังไปเข้าเฝ้า วู่วามเกินไปหรือไม่ ท่านปู่ไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบอีกสักหน่อยหรือ”
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินทำงานตามรับสั่งฮ่องเต้ โดยเฉพาะเรื่องที่ฮ่องเต้ไม่ทรงอยากให้ขุนนางรู้ หากแล่นไปทูลฟ้องการทำงานของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ จะไม่ทำให้ฮ่องเต้กริ้วหรือ
เมิ่งจี้จิ่วถลึงใส่หลานชายทีหนึ่ง “คนมาหาข้าก็คือเจ้า ให้ข้าคิดให้รอบคอบก็คือเจ้า เจ้าเด็กนี่อยากโดนหรือ”
เมิ่งเฝ่ยยิ้มเผล่
ความจริงในใจเขาก็ลังเลอยู่ เพราะรู้ว่าเรื่องนี้จะเป็นการหาเรื่องมาให้ท่านปู่ตน เพียงแต่ความสัมพันธ์ของสหายสนิทร่วมชั้นเรียนและความชื่นชมต่อคุณหนูโค่วมีพลังเหนือกว่า ทำให้เขาไม่อาจทนนิ่งดูดายได้
“ไปเรียนหนังสือ!” ตวาดใส่หลานชายเสร็จ เมิ่งจี้จิ่วก็รีบเข้าวัง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงได้ยินขันทีรายงานว่าเมิ่งจี้จิ่วขอเข้าเฝ้า ก็ยังคิดไม่ออกว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ไม่นานขันทีก็เดินนำเขาเข้ามา
“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”
“เมิ่งจี้จิ่วมีเรื่องอันใดหรือ” กับขุนนางก่าเก่าที่ติดตามรับใช้มาตั้งแต่ยามออกศึกสงครามผู้นี้ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เองก็ทรงรู้สึกผูกพันอยู่ไม่น้อย แม้ว่าหลายวันนี้ในพระทัยจะย่ำแย่ แต่ยามนี้ก็เรียกได้ว่าสีพระพักตร์มีความยินดีขึ้นมาบ้าง
ระหว่างทางมา เมิ่งจี้จิ่วคิดบรรจงประดิษฐ์คำพูดไว้แล้ว “ละแวกสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนมีร้านหนังสือชื่อร้านหนังสือชิงซง…”
“เรารู้ เจ้าของร้านร้านหนังสือชิงซงคือคุณหนูโค่ว” เอ่ยถึงคุณหนูโค่ว สีพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็อ่อนโยนลงอยู่ไม่น้อย
“ที่กระหม่อมทูลก็คือคุณหนูโค่ว?”
“ทำไมหรือ”
“ระยะนี้มีข่าวลือว่าคุณหนูโค่วกักตัวท่านซงหลิงไว้…”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ส่ายหน้า “เรื่องเหลวไหล”
แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเผยสีหน้าให้เมิ่งจี้จิ่วรู้ว่าเขารู้ข่าวลือนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว
“กระหม่อมเองก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องเหลวไหล แต่กระหม่อมได้ยินว่าเมื่อวานกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนำตัวคุณหนูโค่วไป ตอนนี้ยังไม่ปล่อยตัว ตอนนี้ชาวบ้านต่างกำลังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อยู่พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ขมวดพระขนงทันที
ตอนเขาให้เซียวเหลิ่งสือไปดูแลสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือชั่วคราว ก็พอรู้ว่ากองกำลังองครักษ์จิ่นหลินย่อมไปหาคุณหนูโค่ว ในใจเขาก็หวังว่าเปลี่ยนคนสอบ จะสอบพบเบาะแสใหม่ของท่านซงหลิงได้บ้าง
แต่เหตุใดทำจนเป็นที่รู้ไปทั่วเช่นนี้ได้
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เริ่มสงสัยในความสามารถของเซียวเหลิ่งสือ แต่ย่อมไม่อาจรับสั่งให้ตามตัวเขามาในทันที ได้แต่ตรัสสุรเสียงนิ่งเรียบ “ข่าวลือเป็นกระแสไปทั่ว มีลมก็ย่อมมีคลื่น บางเรื่องควรใส่ใจ บางเรื่องไม่สู้ไม่ต้องให้ความสนใจ”
เมิ่งจี้จิ่วเข้าใจท่าทีฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แล้ว ดูท่าตอนนี้คุณหนูโค่วยังออกจากกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินไม่ได้
“เมิ่งจี้จิ่วรู้จักกับคุณหนูโค่วหรือ”
“เคยพบกันสองสามครั้ง กระหม่อมชื่นชมคุณหนูโค่วบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างมาก ได้ยินว่ากองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนำตัวคุณหนูโค่วไปเพราะข่าวลือ เกรงว่านางเป็นคุณหนูจะถูกกระทำให้ต้องเจ็บกาย และเป็นห่วงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ราษฎรจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงราชสำนัก…”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้ฟังเมิ่งจี้จิ่วกล่าวเช่นนี้ ก็รับสั่งซุนเหยียน “เจ้าไปสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ ให้พวกเขาอย่าได้เสียมารยาทต่อคุณหนูโค่ว ถามละเอียดแล้วก็ส่งคุณหนูโค่วกลับ”
ซุนเหยียนรับพระบัญชาออกจากวังทันที
ยามนี้ในสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ เซียวเหลิ่งสือกำลังโมโหอย่างมาก