สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 237 ปล่อยตัว
ตอนที่ 237 ปล่อยตัว
นอกประตูสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือมีชาวบ้านมารวมตัวกันเป็นจำนวนมากมายมหาศาล ย่อมไม่อาจปิดบังผู้ใด
เจ้าหน้าที่กองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองหลวงมาลาดตระเวนทางนี้รอบแล้วรอบเล่า แม้กลัวว่าราษฎรก่อเรื่องจะต้องแบกความผิดชอบ แต่ก็ไม่อยากมีเรื่องกับกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน
ดังนั้นพอเกิดภาพเหตุการณ์นี้ โดยรอบจึงมีเจ้าหน้าที่ทางการมากันไม่น้อย ราษฎรไม่ก่อเรื่อง พวกเขาก็ไม่สนใจ
ประชุมท้องพระโรงเช้าวันรุ่งขึ้น ขณะเสียงประกาศดังขึ้น “มีเรื่องยื่นฎีกา ไม่มีเรื่องเลิกประชุม” ก็มีเสียงกระแอมไอดังขึ้นหลายเสียง ขุนนางใหญ่หลายคนเตรียมออกมายื่นฎีกา
การส่งเสียงไอนี้ย่อมไม่ใช่เสียงไอแท้จริง แต่เป็นการเตือนว่าจะยื่นฎีกา เพื่อป้องกันการก้าวออกมาพร้อมกันจะทำให้เก้กัง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้นิ่งอึ้งไปทันที
หากเขาจำไม่ผิด คนที่ยื่นฎีกาเหล่านี้มีรองเจ้ากรมกรมคลังจาง รองเจ้ากรมทหารเฉิน ขุนนางตรวจสอบตู้แห่งสำนักตรวจสอบ เมิ่งจี้จิ่วสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน…คนเหล่านี้ไม่ค่อยได้แสดงความเห็นออกนอกหน้าสักเท่าไร
เพราะเรื่องช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กำลังรู้สึกไม่ดีต่อกรมคลัง ส่วนฎีกาที่ขุนนางตรวจสอบมักจะค่อนข้างหยุมหยิมน่าหงุดหงิด เมิ่งจี้จิ่วอาจต้องการเอ่ยเร่งเรื่องการสอบเตี้ยนซื่อ แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ จึงมองไปทางรองเจ้ากรมทหาร “รองเจ้ากรมทหารเฉิน มีเรื่องอันใดรายงาน”
รองเจ้ากรมทหารเฉินคุกเข่าลงกราบทูล “ทูลฝ่าบาท เมื่อวานยามบ่ายมีชาวบ้านจำนวนมากมายมหาศาลไปรวมตัวกันหน้าสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ ค่ำคืนก็ไม่สลายตัวกลับ…”
กองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองหลวงรับหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในเมืองหลวง สังกัดกรมทหาร หากชาวบ้านร่วมตัวกันก่อเรื่องอันใด กรมทหารเองก็สลัดความรับผิดชอบนี้ไม่พ้น
“อ้อ เพราะเหตุใดหรือ”
“คนเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านจากเป่ยโหลวฝางมารวมตัวกันหน้าสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือเพื่อขอให้ปล่อยตัวคุณหนูโค่วออกมา…”
ได้ยินรายงานรองเจ้ากรมทหารเฉิน สีพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็เคร่งเครียด “ลุกขึ้นได้”
รองเจ้ากรมทหารเฉินกลับเข้าแถวเงียบๆ
เมิ่งจี้จิ่วก้าวออกมากราบทูล “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเองก็ต้องการกราบทูลเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่เข้าพระทัย “เมิ่งจี้จิ่วเองก็ได้ยินเรื่องนี้มาเช่นกันหรือ”
“ทูลฝ่าบาท สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนมีนักเรียนคนหนึ่งเป็นชาวเป่ยโหลวฝาง เมื่อวานขอลาหยุด ต่อมาได้ยินว่าชาวเป่ยโหลวฝางไปสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือขอให้ปล่อยตัวคุณหนูโค่ว ไม่วางใจจึงได้ไปสอบถามดู รู้มาว่านักเรียนผู้นั้นถูกผู้บัญชาการเซียวจับไปขังไว้แล้ว…”
เมิ่งจี้จิ่วย่อมไม่อาจกล่าวว่าตั้งแต่กู่อวี้ขอลาหยุด สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนก็รู้ว่าเขาจะไปทำอันใดแล้ว
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้ยินเช่นนี้สีพระพักตร์เคร่งเครียดขึ้นอีก “นักเรียนผู้นั้นชื่ออะไร เหตุใดจับเขาไปขัง”
“นักเรียนผู้นั้นชื่อกู่อวี้ ปีนี้เพิ่งจะอายุสิบเจ็ดปี”
อายุสิบเจ็ดกำลังอยู่ในวัยถือคุณธรรมเป็นสำคัญ
“เขารู้สึกสำนึกในบุญคุณของคุณหนูโค่ว จึงได้เดินทางมาสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือพร้อมกับเพื่อนบ้านเพื่อขอให้ปล่อยตัวคุณหนูโค่ว ผู้บัญชาการสำนักเจิ้นฝู่ซือเซียวคิดว่าเขาเป็นคนนำก่อเรื่อง จึงได้จับตัวเขากับผู้ใหญ่บ้านเป่ยโหลวฝางไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เอ่ยถึงตรงนี้ เมิ่งจี้จิ่วทูลเสียงดังขึ้น “ฝ่าบาท ทรงมอบตำแหน่งจี้จิ่วสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนให้กระหม่อม รับหน้าที่อบรมสั่งสอนใต้หล้า การกระทำของกู่อวี้แม้ว่าวู่วามไปสักหน่อย แต่การรู้คุณและตอบแทน ไม่เกรงกลัวอำนาจอิทธิพล เป็นนักเรียนที่กระหม่อมคาดหวังจะอบรมขึ้นให้เป็น พอรู้ว่าเขาถูกจับ กระหม่อมไม่อาจไม่สนใจได้ ขอฝ่าบาทเมตตาปล่อยตัวกู่อวี้กลับสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนไปเรียนหนังสือ ปล่อยตัวผู้ใหญ่บ้านเป่ยโหลวฝางกลับบ้าน…”
เมิ่งจี้จิ่วทูลรายงานจบ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็มองไปทางรองเจ้ากรมจางจากกรมคลัง
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเองก็…” รองเจ้ากรมจางถึงกับยื่นฎีกาเรื่องนี้เช่นกัน
ตอนรวบรวมเงินบริจาค คุณหนูโค่วบริจาคห้าหมื่นตำลึงทำให้เขาจดจำได้ขึ้นใจ ในทางการ เขารู้สึกชื่นชมคุณหนูผู้นี้มาก ในส่วนตัว มีคุณหนูโค่วนำบริจาคก้อนโตทำให้งานของเขาสำเร็จงดงาม รองเจ้ากรมเผยเกิดเรื่อง เป็นไปได้มากที่เขาจะได้ก้าวขึ้นไป จึงเหมือนว่าได้รับน้ำใจจากคุณหนูผู้นี้
ทั้งส่วนทางการและส่วนตัว เขายินยอมยื่นฎีกาทูลเพื่อคุณหนูโค่วสักสองสามคำ
ผู้ที่ออกมายื่นฎีกาสุดท้ายก็คือขุนนางตรวจสอบตู้
เทียบกับการยื่นฎีกาด้วยท่าทีสงบนิ่งของสองสามท่านก่อนหน้า ขุนนางตรวจสอบท่านนี้น้ำเสียงดุดันกว่ามาก ด่าทอกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินยกใหญ่ ดีที่ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ประทับอยู่ด้านบน ไม่เช่นนั้นอาจถูกน้ำลายกระเซ็นใส่
“คุณหนูโค่วบริจาคห้าหมื่นตำลึงช่วยผู้ประสบภัยติ้งเป่ย ช่วยปลดความร้อนใจให้ราชสำนัก ชาวเป่ยโหลวฝางยังคงจดจำบุญคุณคุณหนูโค่วไว้ แต่กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินกลับจับตัวคุณหนูโค่วเพราะข่าวลือพวกนั้น จะให้ชาวประชาวิพากษ์ราชสำนักเยี่ยงไร ขอฝ่าบาททรงไตร่ตรองด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
ได้ฟังฎีกาของบรรดาขุนนางจบ สีพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ดำมะมึนราวกับเมฆดำปกคลุม
เจ้าเซียวเหลิ่งสือนี่เพิ่งมารับหน้าที่ดูแลสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือก็ก่อเรื่องยุ่งยากเช่นนี้ เห็นชัดว่าความสามารถธรรมดา หันไปคิดถึงว่าคุณหนูโค่วเข้าไปอยู่ในกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินได้วันที่สามแล้วยังไม่ปล่อยตัว ขังนางต่อก็ไร้ประโยชน์ ในพระทัยฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ยิ่งไม่พอพระทัยมากยิ่งขึ้น
“เรารู้แล้ว”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้มีพระราชดำรัสให้สำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือปล่อยตัว
ตอนได้รับราชโองการพระดำรัส สีหน้าเซียวเหลิ่งสือไม่กล้าเผยอารมณ์ออกมา แต่ในใจรู้ว่าแย่แล้ว
ผู้ที่มาถ่ายทอดราชโองการพระดำรัสเพิ่งกลับไป ผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเฝิงเหนียนก็มา
“ใต้เท้า…” ต่อหน้าผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเฝิงเหนียน เซียวเหลิ่งสือนอบน้อมอย่างมาก มองภาพขุนนางโหดเหี้ยมไม่ออกแม้แต่น้อย
ผู้บัญชาการเฝิงน้ำเสียงไม่พอใจ “เหตุใดทำจนเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ ไม่เห็นครั้งไหนที่กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินทำคดีแล้วราษฎรหลายร้อยมาล้อมหน้าประตูที่ทำการสักครั้ง”
เซียวเหลิ่งสือเป็นคนที่เขาทูลเสนอต่อฮ่องเต้ ทำงานไม่ดี เขาผู้เสนอก็ย่อมต้องเสียหน้าต่อฮ่องเต้
“ข้าน้อยจัดการไม่ดีเอง” ในใจเซียวเหลิ่งสือโมโหคุกรุ่น ยากบรรยายด้วยคำพูดใด
เขาอ่อนโยนมากแล้ว รู้ว่าคุณหนูท่านนี้โค่วเป็นคนสำคัญของจวนองค์หญิงใหญ่ และยังได้เคยเข้าเฝ้าฮ่องเต้ เดิมก็ไม่ได้นำทัณฑ์หนักเหล่านั้นมาใช้ ผู้ใดจะรู้ว่าการจับตัวคุณหนูจะทำให้ชาวบ้านชั้นต่ำมากันมากมายเพียงนี้
“คุณหนูโค่วท่านนี้มีบุญคุณต่อชาวเป่ยโหลวฝาง ไม่ใช่เพียงคนเดียว แต่กับหลายร้อยคน หากเป็นเพียงชาวบ้านคนเดียวก็คงไม่กระไร หลายสิบคนหลายร้อยคนเล่า เมืองหลวงใกล้พระเนตรพระกรรณเช่นนี้ เจ้าจะจับกุมชาวบ้านมากมายได้หรือ”
เซียวเหลิ่งสือนิ่งฟังเงียบๆ
ผู้บัญชาการเฝิงถอนหายใจ “เรื่องมาถึงขั้นนี้ พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ วันหน้ารอบคอบกว่านี้ก็แล้วกัน”
“ขอรับ”
ถูกผู้บัญชาการเฝิงตำหนิจบ เซียวเหลิ่งสือก็หน้าบึ้งตรงไปยังที่คุมขังซินโย่ว
ประตูเปิดออก แสงเล็ดรอดเข้ามา
ซินโย่วค่อยๆ ลืมตาขึ้น มองไปทางชายที่ก้าวเท้าเดินเข้ามา
เซียวเหลิ่งสือมาหยุดตรงหน้านาง สายตาจ้องมองลึกนิ่ง
“คุณหนูโค่วมีความสามารถจริงนะ”
“ใต้เท้าล้อเล่นแล้ว หากมีความสามารถจะต้องถูกจองจำหรือ” ซินโย่วน้ำเสียงสงบนิ่ง คาดเดาหาเหตุที่เซียวเหลิ่งสือปรากฏตัวขึ้นที่นี่ในตอนนี้
ว่ากันว่าตอนนี้เข้าสู่สภาวะตึงเครียด ก็ต้องดูว่าระหว่างสองฝ่าย ผู้ใดจะระงับอารมณ์ตนเองได้ดีกว่า คนผู้นี้คิดจะข่มนางก็ไม่ควรปรากฏตัวขึ้นที่นี่ในตอนนี้เร็วเช่นนี้
มีเรื่องอันใดเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นหรือ
ขณะที่ซินโย่วคาดเดา เซียวเหลิ่งสือก็พลันหรี่เสียงเอ่ยว่า “เจ้าปั่นกระแสชาวบ้านพวกนั้นได้อย่างไร”
ชาวบ้าน?
ซินโย่วรู้สึกสงสัย เซียวเหลิ่งสือเห็นแล้วกลับมีสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก
“คนนับร้อยมาล้อมที่ทำการกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน บีบให้กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินถูกวิพากษ์ จำต้องปล่อยคน ข้าจดจำความสามารถคุณหนูโค่วไว้แล้ว ทหาร ส่งคุณหนูโค่วออกไป”
ซินโย่วถูกส่งออกมา ในใจคาดเดาไปต่างๆ นานา หรือว่าชาวบ้านพวกนั้นเป็นชาวเป่ยโหลวฝาง
หากเป็นเช่นนี้ เรื่องใหญ่เช่นนี้ต้องไปถึงหูคนผู้นั้นแล้วเป็นแน่ ปล่อยนางไปน่าจะเป็นความคิดของคนผู้นั้น
หากนางออกจากประตูสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ เปิดเผยเรื่องที่กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินลงทัณฑ์นางต่อหน้าทุกคน คนผู้นั้นจะจัดการใต้เท้าเซียวผู้ดูแลสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือชั่วคราวผู้นี้อย่างไร
ซินโย่วกำลังคิดเช่นนี้ ก็จ้องมองภาพตรงหน้าที่เมื่อครู่ยังคงปกติ ยามนี้พลันแปรเปลี่ยน