สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 239 บาดเจ็บ
ตอนที่ 239 บาดเจ็บ
“คุณหนูโค่วเป็นอย่างไรบ้าง”
“ทูลองค์หญิง คุณหนูโค่วฟื้นแล้ว เพียงแต่บาดแผลค่อนข้างลึก และไม่ได้รับการดูแลทันท่วงที…”
องค์หญิงใหญ่เจาหยางสีหน้าแปรเปลี่ยน รีบก้าวเข้าไปทันที
พอเห็นองค์หญิงใหญ่เจาหยางเข้ามา ซินโย่วที่นอนอยู่บนเตียงก็ดิ้นรนจะลุกขึ้น “ถวายบังคมองค์หญิง…”
องค์หญิงใหญ่เจาหยางรีบกดตัวนางไว้ “ไม่ต้องคำนับในตอนนี้ ไม่ต้องมากพิธี รู้สึกอย่างไรบ้าง”
สาวน้อยใบหน้าซีดขาวพยายามฝืนยิ้มอ่อนแรง “ดีขึ้นมาแล้วเพคะ”
“กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินลินลงทัณฑ์เจ้าหรือ”
ซินโย่วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหลุบตาลงเล็กน้อย “ถูกแส้ฟาดสองทีเพคะ”
“เจ้าเซียวเหลิ่งสือ!” องค์หญิงใหญ่เจาหยางสีพระพักตร์กริ้วจัด ยื่นพระหัตถ์ออกไป “บาดเจ็บตรงไหน ให้ข้าดูหน่อย”
ซินโย่วปฏิเสธอ้อมค้อม “อย่าได้ทำให้สายพระเนตรแปดเปื้อนดีกว่าเพคะ”
เสี่ยวเหลียนข้างๆ ปาดน้ำตา “ที่แขน ที่ตัว มีหมดเพคะ เนื้อหนังปริแตก…”
แม้ว่ามีคนตะโกนว่ากองกำลังองครักษ์จิ่นหลินลินลงทัณฑ์คุณหนูโค่วเป็นเจตนาสั่งการของซินโย่ว แต่ที่เสี่ยวเหลียนเสียใจนั้นเป็นเรื่องจริง
รอยแส้ฟาดลึกเพียงนี้ เนื้อหนังปริแตก ตอนนั้นคุณหนูจะเจ็บปวดเพียงใด!
เสี่ยวเหลียนแค่ลองคิดก็ถูกความหวาดกลัวครอบงำความคิด
คุณหนูชิงชิงตายอนาถเพียงนั้น หากตอนนี้คุณหนูเกิดเรื่องอีก นางก็ไม่คิดมีชีวิตต่อแล้ว
“ข้าดูหน่อย” องค์หญิงใหญ่เจาหยาง ดึงดันเลิกแขนเสื้อซินโย่วขึ้น
สาวน้อยแขนขาวละมุนดุจหยกงาม มีรอยแส้สีม่วงคล้ำน่าตกใจ
แววตาองค์หญิงใหญ่เจาหยางคุกรุ่นไปด้วยไฟโทสะพร้อมกับกำมือแน่น
นี่คือที่เสด็จพี่รับปากนางจะไม่เสียมารยาทต่อคุณหนูโค่วอย่างนั้นหรือ
ยังมีเจ้าเซียวเหลิ่งสือ เขาเอาความกล้ามาจากที่ใดจึงได้กล้าทำเช่นนี้ เขาหลอกลวงเบื้องสูง!
องค์หญิงใหญ่เจาหยางพลันผุดลุกขึ้น “คุณหนูโค่วพักรักษาตัวในจวนข้าให้สบายใจ ข้าจะไปทวงความยุติธรรมให้เจ้าเอง!”
หมอหญิงได้รับคำสั่งจากองค์หญิงใหญ่เจาหยางให้ใช้ยาทาที่ดีที่สุดจัดการบาดแผลให้ซินโย่ว แม้พยายามทำให้อย่างเบามือที่สุด แต่พอแตะโดน ซินโย่วยังคงรู้สึกเจ็บปวดจนหลั่งเหงื่อเย็น สีหน้าก็ยิ่งซีดขาว
พอคนนอกออกไปกันแล้ว เสี่ยวเหลียนก็สะอื้นไห้ “กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินต้องไม่ตายดี โหดเหี้ยมมากเหลือเกิน”
ใต้เท้าเฮ่อที่มักมาร้านหนังสืออ่านหนังสือทำให้การรับรู้ของนางผิดพลาดไป คิดว่าคนเหล่านี้จะอ่อนโยนเป็นมิตรเหมือนใต้เท้าเฮ่อ
ฟางหมัวมัวเองก็เจ็บปวดใจจนน้ำตาไหลริน “คุณหนูได้รับความทุกข์ทรมานแล้ว หมอบอกว่าบาดแผลไม่อาจโดนน้ำได้ อีกสักครู่บ่าวจะเช็ดตัวให้คุณหนูนะเจ้าคะ”
ในคุกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเป็นที่อยู่ของคนหรือ น่าสงสารคุณหนูอยู่ในนั้นมาสองคืน…
ฟางหมัวมัวยิ่งคิดก็ยิ่งปวดใจ
เสี่ยวเหลียนปฏิเสธทันที “ไม่ต้อง!”
ฟางหมัวมัวมองนางอย่างแปลกใจ “ไม่ต้องอันใด”
เสี่ยวเหลียนหันขวับไปมองซินโย่วทีหนึ่ง รีบเอ่ยว่า “ให้คุณหนูรีบเข้านอนดีกว่า หมอบอกแล้วไม่ใช่หรือ นอนหลับให้เพียงพอเป็นการรักษาตัวเที่ดีที่สุด อาหารการกินก็ยังต้องระวังอีกมาก ฟางหมัวมัวคอยดูแลไว้ รอคุณหนูนอนพอแล้ว ข้าค่อยมาเช็ดตัวให้คุณหนูเอง…”
แม้ฟางหมัวมัวรู้สึกว่าเสี่ยวเหลียนพูดมาก แต่ก็มิได้สงสัย เพียงแค่พยักหน้ารับคำ
เสี่ยวเหลียนค่อยๆ ผ่อนลมหายใจลง
หน้าตาคุณหนูกับชิงชิงคุณหนูแตกต่างยังอาจกล่าวได้ว่าเพราะเติบโตทำให้เปลี่ยนแปลง แต่รอยตำหนิที่หัวไหล่แต่กำเนิดนั้นไม่อาจอธิบายได้
ซินโย่วย่อมรู้ว่าเสี่ยวเหลียนเป็นห่วงอันใด พร้อมกับแสดงท่าทางเหน็ดเหนื่อยง่วงนอนตามไปด้วย “ข้าขอนอนสักครู่ก่อน”
นางหลับตาลง ในสมองพลันเห็นภาพห้องสอบสวนที่มืดเยียบเย็นเต็มไปด้วยกลิ่นคาวโลหิต ครู่หนึ่งใบหน้าจริงใจมากมายภายใต้แสงตะวันอบอุ่นลอยเข้ามา ไม่รู้ว่าสะลึมสะลือหลับไปเมื่อใด
ข่งฝูดึงมือข่งรุ่ยพี่ใหญ่ตนเองก้าวเข้ามาในลานด้านหน้า ถามสาวใช้ที่เฝ้าอยู่ “ได้ยินว่าพี่โค่วอยู่ที่นี่ จริงหรือ”
“เจ้าค่ะ”
“เจ้าเข้าไปบอกหน่อย ว่าข้ามาเยี่ยมนาง”
ไม่นานเสี่ยวเหลียนก็ตามสาวใช้ออกไป ทั้งสองคนย่อกายคำนับสองพี่น้อง “บ่าวคารวะท่านโหว คารวะคุณหนูข่ง”
ข่งฝูเงยหน้าเล็กน้อย “เจ้าคือสาวใช้ของพี่โค่ว?”
“บ่าวเสี่ยวเหลียน เป็นสาวใช้ประจำตัวของคุณหนู คุณหนูเพิ่งหลับไป บ่าวออกมาขอบคุณท่านโหวกับคุณหนูข่งแทนคุณหนูเจ้าค่ะ”
“คุณหนูโค่วยังสบายดีไหม” ครั้งนี้คนที่เอ่ยคือข่งรุ่ย
เสี่ยวเหลียนลังเลเล็กน้อย ไม่ได้แสดงท่าทีปิดบัง “ไม่ค่อยดี บาดแผลที่ถูกลงทัณฑ์ลึกอยู่สักหน่อย ร่างกายอ่อนแอมาก…”
สาวใช้พูดไปๆ ก็น้ำตาร่วง
คุณหนูต้องการให้เรื่องที่นางถูกลงทัณฑ์เผยต่อหน้าผู้คนย่อมต้องมีเหตุผล
แววตาข่งรุ่ยโมโหมาก
ข่งฝูเบิกตากลมโตถามว่า “ลงทัณฑ์? พี่ใหญ่ เหตุใดพี่โค่วจึงถูกลงทัณฑ์”
ข่งรุ่ยเม้มริมฝีปากบางเล็กน้อย พลันไม่รู้ควรตอบคำถามนี้ของน้องสาวอย่างไร
ข่งฝูกลับยังคงดึงดันถามคำถามนี้ต่อ “พี่โค่วดีถึงเพียงนี้ เหตุใดมีคนทัณฑ์นาง หรือว่าพี่โค่วทำความผิดอันใด”
“คุณหนูโค่วไม่ได้ทำความผิดอันใด” ข่งรุ่ยตอบน้องสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
คุณหนูน้อยขมวดคิ้วมุ่น “คนชั่วทำร้ายพี่โค่ว พี่ใหญ่ ข้าจะไปฟ้องเสด็จลุง ให้เสด็จลุงลงโทษคนชั่วนั่น!”
ข่งรุ่ยลูบศีรษะน้องสาว “ท่านแม่เข้าวังไปแล้ว”
“พี่ใหญ่ ข้าจะเข้าวังด้วย”
ข่งรุ่ยคิดปฏิเสธด้วยสัญชาตญาณ แต่เห็นเสี่ยวเหลียนร้องไห้ตาแดง ก็เปลี่ยนคำพูดว่า “ได้ พี่ใหญ่พาเจ้าเข้าวัง”
คำบางคำ ผู้ใหญ่ไม่สะดวกพูด น้องสาวเขาพูดได้
คุณหนูโค่วช่วยน้องสาวเขาไว้ จวนองค์หญิงใหญ่รู้สึกขอบคุณต่อคุณหนูโค่วมาก อย่างไรก็ไม่อาจตอบแทนเพียงแค่ซื้อนิยายไม่กี่เล่ม
จวนองค์หญิงใหญ่ไม่ไกลจากวังหลวง องค์หญิงใหญ่เจาหยางบุกมาถึงวังหลวงอย่างรวดเร็ว
“น้องพี่ เหตุใดจึงได้โมโหเพียงนี้” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสถามอย่างตกพระทัย
แม้ว่าน้องสาวเขาคนนี้นิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมา แต่อย่างไรก็อายุไม่น้อยแล้ว ยังมีตำแหน่งสูงศักดิ์ถึงองค์หญิงใหญ่ อาการโมโหแสดงออกทางสีหน้าเช่นนี้ปรากฏไม่มากนัก
“วันนี้คุณหนูโค่วออกมาจากกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินแล้ว”
ได้ยินองค์หญิงใหญ่เจาหยางเอ่ยถึงคุณหนูโค่ว ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ยิ่งสงสัย
คุณหนูโค่วออกมา น้องพี่ไม่ควรดีใจหรือ
“เสด็จพี่ตรัสไว้อย่างไร ไม่ให้คนเหล่านั้นเสียมารยาทต่อคุณหนูโค่ว! ผลเล่า คุณหนูโค่วถูกแส้ติดหนามฟาดจนเนื้อหนังปริ ไม่เอ่ยถึงว่าต้องเจ็บปวดทรมานเพียงใด แค่คุณหนูอายุน้อยๆ ที่ไม่แน่อาจมีแผลเป็นติดตัวไป!” องค์หญิงใหญ่เจาหยางยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พระพักตร์เคร่งเครียด “จริงหรือ”
องค์หญิงใหญ่เจาหยางแค่นเยาะ “หม่อมฉันเห็นกับตา จะหลอกเสด็จพี่หรือเพคะ แต่เสด็จพี่สิเพคะ ก่อนหน้านี้ทรงรับรอง แต่ให้หลังก็ลงทัณฑ์คุณหนูโค่ว ทำให้ข้าไร้ที่ยืนต่อหน้าคุณหนูโค่วแล้ว!”
“เจ้าตัวบัดซบทำการโดยพลการ!” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สีพระพักตร์ระงับไม่อยู่แล้ว รับสั่งซุนเหยียนสุรเสียงเยียบเย็น “เรียกตัวเซียวเหลิ่งสือเข้าวัง เดี๋ยวก่อน เรียกตัวผู้บัญชาการเฝิงเหนียนกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเข้าวังมาด้วย!”
ตอนทั้งสองคนเข้าวัง ข่งรุ่ยสองพี่น้องก็มาถึงเช่นกัน
“ฝูเอ๋อร์มาหรือ” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงรู้สึกกับข่งรุ่ยเหมือนหลานชายปกติ แต่กับหลานสาวตัวน้อยเพียงคนเดียวกลับทรงดีต่อนางยิ่งกว่าองค์หญิงในวัง
ข่งฝูเองก็มิได้หวาดกลัวฮ่องเต้เหมือนคนอื่นๆ ใบหน้าน้อยๆ พองแก้มเพราะไม่พอใจ “เสด็จลุง มีคนชั่วทำร้ายพี่โค่วบาดเจ็บ เสด็จลุงต้องลงโทษคนชั่วผู้นั้นให้หนักๆ นะเพคะ!”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อดทอดพระเนตรไปทางองค์หญิงใหญ่เจาหยางไม่ได้ ในพระทัยเป็นห่วงขึ้นมา “คุณหนูโค่วอาการรุนแรงมากหรือ”
องค์หญิงใหญ่เจาหยางแค่นเสียงเยียบเย็น
ข่งฝูพยักหน้าเต็มแรง “รุนแรงมาก ยังไม่ฟื้นเลยเพคะ!”
ยามนี้เองขันทีก็เข้ามารายงาน เฝิงเหนียนและเซียวเหลิ่งสือมาถึงแล้ว