สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 245 ชายผู้ชื่นชมคุณหนูโค่ว
ขบวนเฮ่อชิงเซียวไปติ้งเป่ยในฐานะผู้แทนพระองค์สืบสวนความจริงมิได้ราบรื่นนัก
รองเจ้ากรมคลังเผยกับผู้บัญชาการกองกำลังเมืองหลวงอู่เหยียนถิงสมคบคิดกันบังอาจทุจริตเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย และยังได้ชื่อเสียงว่าช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ย่อมได้รับความร่วมมือจากขุนนางท้องที่ไม่น้อย
ตอนนี้ผู้แทนพระองค์มาตรวจสอบ ขุนนางที่เข้าร่วมขบวนการก็พยายามปิดบังกันจนถึงที่สุดเพื่อเอาชีวิตรอด ยามที่ไม่อาจปิดบังได้อีก ถึงกับมีขุนนางรวบรวมกำลังคนคิดปิดปากพวกเฮ่อชิงเซียว
ดีที่ผ่านเหตุการณ์อุปสรรคมาได้ สุดท้ายกลับมาเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัย
ก่อนไปจากเมืองหลวง พวกเฮ่อชิงเซียวก็ได้รับพระบัญชากำชับจากฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ กลับมาถึงให้รีบเข้าวังมารายงานทันที ทั้งขบวนเร่งเดินทางไม่ได้พักมาถึงก็ตรงเข้าวังหลวงทันที
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กำลังอ่านฎีการอยู่ ได้ยินว่าพวกเฮ่อชิงเซียวขอเข้าเฝ้า ก็รีบให้คนนำเข้ามา
“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท” หลายคนลงคุกเข่าคำนับ
“ลุกขึ้นได้” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แทบทนรอคนเหล่านี้เข้าเฝ้าไม่ไหว ทอดสายพระเนตรมองทีละคน
เจ้ากรมตรวจสอบเหอดำกว่าตอนไปจากเมืองหลวงไม่น้อย ชายหนุ่มใบหน้าดำจนดูเหมือนอายุสามสิบกว่า ความจริงเจ้ากรมตรวจสอบเหอที่มาจากการสอบคัดเลือกขุนนางอย่างเป็นทางการผู้นี้อายุเพียงแค่ยี่สิบกว่าเท่านั้น
ขันทีตรวจสอบจากสำนักขันทีซือหลี่เจี้ยนผอมไปหนึ่งรอบเอวได้ กรมคลังขุนนางเฉินยิ่งอนาถ หัวไหล่มีผ้าพันแผล เห็นชัดว่าได้รับบาดเจ็บ
เฮ่อชิงเซียวดูแล้วสภาพดีที่สุด แต่ก็มีสภาพมอมแมม ยากปิดบังความเหนื่อยล้า
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรไปหยุดที่ขุนนางเฉิน “ขุนนางเฉินบาดเจ็บได้อย่างไร”
“ทูลฝ่าบาท ตอนกระหม่อมตรวจสมุดบัญชีถูกเจ้าเมืองผิงเฉิงนำคนมาโจมตี…” ขุนนางเฉินอัดอั้นตันใจและโมโหอัดแน่น ตอนนี้นับว่าได้ระบายออกมาแล้ว
พวกเขารับพระบัญชามาตรวจสอบผู้แทนพระองค์ เหตุใดคนพวกนั้นกล้าถึงเพียงนี้!
น่าสงสารเขาที่เป็นเพียงรองเจ้ากรมเล็ก เกือบเอาชีวิตไปทิ้งที่ติ้งเป่ย
ขุนนางเฉินยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวเหตุการณ์ตอนนั้น สะอื้นเอ่ยว่า “กระหม่อมเกือบไม่ได้กลับมาเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้ว…”
มหาขันทีซุนเหยียนที่ยืนอยู่ข้างฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แอบเบ้ปากเล็กน้อย
รองเจ้ากรมเล็กๆ พูดจาเหมือนจะได้เข้าเฝ้าฝ่าบาททุกวัน
ฟังขุนนางเฉินทูลจบ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พระพักตร์กริ้วอย่างที่สุด มองไปทางเฮ่อชิงเซียว หัวหน้าคณะขึ้นเหนือครั้งนี้ “ผู้บัญชาการเจิ้นฝูสื่อเฮ่อ เจ้าเล่าเรื่องหลังไปถึงติ้งเป่ยให้เราฟังอย่างละเอียด”
“พอพวกกระหม่อมไปถึงติ้งเป่ย ไม่ได้แจ้งให้ทางการรู้ แต่เดินทางไปตำบลไท่ผิงก่อน…” เฮ่อชิงเซียวเล่าถึงการทำงานในติ้งเป่ยเป็นขั้นเป็นตอน
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงฟังเงียบๆ จบ ก็ดูหลักฐานที่เฮ่อชิงเซียวยื่นมาต่อเนื่อง
ในพระที่นั่งเงียบกริบไร้สำเนียง มีเพียงเสียงลมหายใจหนักหน่วงเพราะกริ้วจัดของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้
ไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตบโต๊ะมังกรเต็มแรง “เรียกตัวเจ้ากรมสามศาลเข้าวัง”
มีหลักฐานและพยานที่พวกเฮ่อชิงเซียวนำกลับมา จากนี้ก็จะได้เริ่มให้สามศาลไต่สวนอย่างเป็นทางการ กระบวนการนี้ต้องใช้เวลา จึงให้พวกเฮ่อชิงเซียวกลับไปพักผ่อนที่บ้านกันก่อน
เฮ่อชิงเซียวไม่ได้กลับจวนฉางเล่อโหวในทันที แต่ไปที่สำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือก่อน
แม้ติ้งเป่ยห่างจากเมืองหลวงไม่นับว่าไกล ตั้งแต่เริ่มต้นเขาก็ปลอมตัวไปตรวจสอบ ออกเดินทางไปทั่ว ยากจะได้รับสารลับจากเมืองหลวง ตอนที่เขาได้รับข่าว ก็ได้อ่านจดหมายลับสองฉบับพร้อมกันหลังจากผ่านไปหลายวันแล้ว
จดหมายลับฉบับแรก บอกเล่าถึงฮ่องเต้รับสั่งให้เซียวเหลิ่งสือผู้บัญชาการสำนักหนานเจิ้นฝู่ซือมาดูแลสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือชั่วคราว เซียวเหลิ่งสือจับกุมคุณหนูโค่วและยังลงทัณฑ์ทรมาน
หัวใจเฮ่อชิงเซียวกระตุกวาบ เปิดจดหมายฉบับที่สองอ่านบอกเล่าว่า คุณหนูโค่วได้รับการปล่อยตัวแล้ว เซียวเหลิ่งสือถูกปลดและยังถูกโบย
จดหมายลับรายงานง่าย ๆ เฮ่อชิงเซียวอ่านทั้งสองฉบับจบ ในใจก็ไม่อาจสงบลงได้ แต่ไรมาไม่เคยรู้สึกว้าวุ่นใจเช่นนี้มาก่อน
สำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือเดิมเป็นพื้นที่ของเขา เขาไปไกลถึงติ้งเป่ย ไม่อาจปกป้องคุณหนูโค่วไม่ว่า เซียวเหลิ่ง สือที่เป็นพวกเดียวกับผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเฝิงเหนียน แต่ไรมาก็จดจ้องสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือมาตลอด…
เฮ่อชิงเซียวได้พบเหยียนเชา ก็รีบถามขึ้นว่า “คุณหนูโค่วเป็นอย่างไรบ้าง”
เหยียนเชามีสีหน้าละอายใจ “เซียวเหลิ่งสือลงแส้คุณหนูโค่ว ข้าน้อยไม่อาจขัดขวาง คุณหนูโค่วโดนฟาดไปสองที…”
เฮ่อชิงเซียวเม้มปากแน่น
ในฐานะผู้บัญชาการสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ เขาจะไม่รู้รสความเจ็บปวดของแส้ลงทัณฑ์ได้อย่างไร
“คุณหนูโค่วรอดออกไปได้อย่างไร”
ได้ยินเฮ่อชิงเซียวถามคำถามนี้ เหยียนเชาก็มีสีหน้าเลื่อมใส “เมิ่งจี้จิ่วกับองค์หญิงใหญ่เจาหยางพากันเข้าวังไปทูลแทนคุณหนูโค่ว ฝ่าบาทมีรับสั่งอย่าได้ลงทัณฑ์สอบคุณหนูโค่ว แต่ข่าวคุณหนูโค่วถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินจับกุมไปแพร่ออกไป ชาวบ้านเป่ยโหลวฝางมารวมตัวกันที่นอกประตูที่ทำการเรา ขอให้ปล่อยนาง…”
เหยียนเชาเล่าเริ่มจากร้านหนังสือชิงซงอาศัยการวางขาย ‘บันทึกตะวันตก’ เล่มสามแพร่ข่าวคุณหนู โค่วถูกจับออกไปอย่างรวดเร็ว เล่าจนถึงตอนคุณหนูโค่วก้าวออกจากสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือล้มหมดสติต่อหน้าทุกคน
“องค์หญิงใหญ่เจาหยางทรงพบว่าคุณหนูโค่วถูกลงทัณฑ์สอบ เข้าวังไปกราบทูล ฝ่าบาทกริ้วหนัก ปลดตำแหน่งเซียวเหลิ่งสือ…”
เฮ่อชิงเซียวฟังเงียบๆ แต่ไรมาไม่เคยอยากพบคนผู้หนึ่งถึงเพียงนี้
“ข้าน้อยเลื่อมใสคุณหนูโค่วจริง ขุนนางขุนพลทหารหลายคนเข้าไปในสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือล้วนตกใจหวาดกลัว แต่คุณหนูโค่วกลับสุขุมนิ่ง หาทางช่วยเหลือตนเองออกไป และยังทำให้คนที่หาเรื่องนางได้รับผลตอบแทนอย่างสาสมด้วยตนเอง…”
คุณหนูโค่วออกจากกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินอย่างรวดเร็วได้ ย่อมเพราะมีพวกองค์หญิงใหญ่เจาหยางช่วยอีกแรง แต่ก็ไม่อาจไม่กล่าวถึงการที่ชาวเป่ยโหลวฝางรู้คุณตอบแทน แต่ทุกอย่างก็ต้องกล่าวบนเงื่อนไขที่ว่าข่าวนางถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินจับตัวไปแพร่กระจายออกไปทันเวลา ไม่เช่นนั้นหากถูกคุมตัวอยู่ในกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเงียบๆ คนแข็งแกร่งดังเหล็กกล้าก็ทนการลงทัณฑ์ทรมานพวกนั้นไม่ไหว
“เจ้าแซ่เซียวชอบคิดแข่งกับใต้เท้า คิดไม่ถึงสุดท้ายกลับพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือคุณหนูโค่ว…” เหยียนเชาเอ่ยชมคุณหนูโค่วด้วยความจริงใจอย่างที่สุด
เริ่มแรกเขายังกังวลว่าใต้เท้าอยู่ไกลมาช่วยไม่ทัน ปรากฏว่าคุณหนูโค่วไม่เพียงไม่ต้องการใต้เท้ามาช่วย ยังช่วยใต้เท้ากำจัดคู่ต่อสู้อีกด้วย
อืม ยังรวยกว่าใต้เท้าอีกด้วย…
ในใจเหยียนเชาแอบทอดถอนใจแทนใต้เท้าตนเอง
เฮ่อชิงเซียวมองดูลูกน้องตนชื่นชมคุณหนูโค่วอย่างออกนอกหน้า ก็พลันรู้สึกว่าเจ้าหมอนี่วาจามากเกินไปสักหน่อยแล้ว
เดิมเห็นอยู่ว่าเหยียนเชาเป็นคนสุขุมพูดน้อย
“รู้แล้ว หลายวันนี้ลำบากเจ้าแล้ว”
“ข้าน้อยไม่ลำบาก คุณหนูโค่ว…”
เฮ่อชิงเซียวตัดบทลูกน้องน้ำเสียงราบเรียบ “ข้ากลับไปจวนโหวก่อน”
เห็นเฮ่อชิงเซียวเดินไปทันที เหยียนเชาก็ได้แต่เกาศีรษะ
เขายังพูดไม่จบ
เฮ่อชิงเซียวกลับถึงจวนฉางเล่อโหว น้ากุ้ยรออยู่นานแล้ว
“ท่านโหวกลับมาได้เสียที” น้ากุ้ยเข้ามารอรับ พร้อมกับมองประเมิน “ดำลง ผอมลงด้วย”
“น้ากุ้ย ที่จวนไม่มีเรื่องอันใดกระมัง”
“ที่จวนปกติดีทุกอย่างเจ้าค่ะ มีแต่ตอนคุณหนูโค่วเกิดเรื่อง บ่าวร้อนใจ น่าเสียดายช่วยอันใดไม่ได้สักอย่าง…”
น้ากุ้ยละเอียดอ่อนกว่าเหยียนเชามาก มองทีหนึ่งก็มองออกว่าอาการสุขุมของเฮ่อชิงเซียวนั้นเสแสร้ง
นางเห็นเด็กคนนี้มาแต่เล็ก เก่งกาจเรื่องปิดบังความในใจ
“ท่านโหววางใจ บ่าวส่งขนมพุทธาแดงไปให้คุณหนูโค่วแล้ว ได้ยินหลิวโจวบอกว่าคุณหนูโค่วหายดีไม่เลวแล้ว”
เฮ่อชิงเซียวสีหน้าผ่อนคลายลงไม่รู้ตัว “ทำให้น้ากุ้ยกังวลแล้ว”
“กังวลอันใดกัน บ่าวถูกชะตากับคุณหนูโค่ว ทุกวันทำขนมหวานไปให้นางกินก็มีความสุข” น้ากุ้ยน้ำเสียงแฝงเลศนัย
ชาติกำเนิดและชีวิตที่ผ่านมาของเฮ่อชิงเซียว กำหนดให้เขาเป็นคนมีความรู้สึกละเอียดอ่อน พอได้ฟังก็เข้าใจความคิดน้ากุ้ย
ชายหนุ่มใบหน้ามอมแมมนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก็เอ่ยว่า “ข้าไปอาบน้ำก่อน อีกสักครู่ต้องกลับไปที่ทำการอีก”