สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 247 จุดจบ
ตอนที่ 247 จุดจบ
พระสนมซูเฟยกลับถึงห้องด้านใน แต่กลับมิได้รีบแต่งตัว สำหรับนางที่จะต้องตายแล้ว ไหนเลยจะมีแก่ใจสนใจเรื่องเหล่านี้ การที่ขอเวลาขันทีที่มาเฝ้าดูนางก็เพื่อต้องการสั่งการเรื่องราวบางอย่าง
“หาโอกาสไปทูลไทเฮา ฮ่องเต้ทำกับชิ่งอ๋องเช่นนี้ก็เพื่อฮองเฮา เพื่อโอรสของฮองเฮา…” พระสนมซูเฟยเอ่ยวาจาเหล่านี้ด้วยแววตาคั่งแค้นอย่างไม่คิดปิดบังอีก
จะไม่คั่งแค้นได้อย่างไร นางวางแผนทำให้หญิงผู้นั้นโมโหจนจากไป พี่ชายนางลงมือกับหญิงผู้นั้นก็เพื่ออี้เอ๋อร์ น่าแค้นใจที่ไม่อาจตัดรากถอนโคน จึงมีจุดจบเช่นตอนนี้
ในใจพระสนมซูเฟยเต็มไปด้วยความรู้สึกยอมรับความจริงนี้ไม่ได้ แต่ก็รู้ดีว่าไม่อาจเปลี่ยนความตายนี้ได้แล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีทางปล่อยให้หญิงผู้นั้นได้ประโยชน์ไป
คนของพี่ชายนางตรวจสอบพบว่าหญิงผู้นั้นมีบุตรชายหนึ่งคน ว่ากันตามอายุน่าจะมีตอนนางไปจากวังหลวง
แต่เรื่องเช่นนี้จะเอ่ยกระจ่างได้อย่างไร เด็กคนนั้นเกิดในหมู่ชาวบ้าน มีหลักฐานอันใดแสดงว่าเป็นโอรสฮ่องเต้?
เพียงแค่เรื่องนี้ ไทเฮาก็ไม่มีทางยอมรับเด็กคนนั้นกลับมา นับประสาอันใดกับไทเฮาเองก็ทรงรังเกียจหญิงผู้นั้นมาก
วันหน้าองค์ชายใดขึ้นนั่งตำแหน่งนั้น พระสนมซูเฟยไม่มีโอกาสได้เห็นและก็ไม่เกี่ยวข้องกับนางอีก สำหรับนางแล้ว ขอเพียงไม่ใช่บุตรชายของฮองเฮาซินก็เพียงพอแล้ว
ไม่เช่นนั้นชีวิตนี้ของนางคงเป็นเพียงเรื่องน่าขัน
“จดจำได้ไหม”
นางกำนัลที่ถูกพระสนมซูเฟยจับไว้เต็มแรงก็พยักหน้าทั้งน้ำตา “บ่าวจดจำได้แล้วเพคะ พระสนมวางพระทัยได้เพคะ”
พระสนมซูเฟยนั่งตัวตรง ก่อนจะสั่งการให้นางกำนัลหวีผมให้นาง
ขันทีถ่ายทอดราชโองการกำลังจะเร่งอีก ก็เห็นพระสนมซูเฟยแต่งตัวเสร็จเดินออกมา
“ขอบคุณกงกง” พระสนมซูเฟยกล่าวขอบคุณต่อขันทีถ่ายทอดราชโองการ
ขันทีถ่ายทอดราชโองการรีบหลบ เอ่ยเร่งว่า “พระสนมเดินทางได้แล้ว”
พระสนมซูเฟยรับผ้าขาวโยนขึ้นขื่อทั้งน้ำตา สองมือกำแน่นสั่นเทาไม่หยุด
ถึงตอนนี้แล้ว ขันทีถ่ายทอดราชโองการก็ไม่เร่งแล้ว แต่หันหลังไปเงียบๆ
เวลาเหมือนแสนยาวนาน ไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด ได้ยินเพียงเสียงตึงทีหนึ่ง ขันทีถ่ายทอดราชโองการก็หันกลับมา
เก้าอี้ที่ถูกเตะล้มไม่ขยับอีก คนด้านบนลอยแกว่งไปมา เดินทางไปแดนนรกด้วยความคับแค้นอัดแน่น
ขันทีถ่ายทอดราชโองการพยักหน้าให้ขันทีน้อยสองคน ขันทีน้อยรีบเข้าไปอุ้มพระสนมซูเฟยลงมา ตรวจอย่างละเอียดให้แน่ใจว่าสิ้นลมแล้ว จึงได้กลับไปถวายรายงาน
ทหารล้อมจวนกู้ชางป๋อไว้แน่นหนา กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินบุกเข้าไปในจวน ดำเนินการกวาดล้างยึดทรัพย์
หลังกู้ชางป๋อตาย ในจวนก็เต็มไปด้วยดอกไม้ขาวและผ้าขาวที่ยามนี้ถูกย่ำกองอยู่บนพื้น ทุกคนในจวนต่างตกใจหวาดกลัว ในใจรู้ดีกว่าภัยใหญ่มาถึงตัวแล้ว
“ท่านแม่ ท่านแม่…”
เสียงร้องตะโกนตกใจหวาดกลัวสุดขีดดังขึ้น กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินหลายนายบุกเข้าไป ก็เห็นไต้เจ๋อซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อกำลังกอดฮูหยินกู้ชางป๋อร่ำไห้อย่างปวดร้าว
ตอนฮูหยินกู้ชางป๋อได้ยินว่ากองกำลังองครักษ์จิ่นหลินล้อมจวนกู้ชางป๋อไว้แล้ว ก็ไม่รอให้คนเข้ามา รีบใช้ผ้าขาวผูกคอตนเองตายไปก่อน
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินหลายนายมองหน้ากันไปมา ก่อนจะรีบไปรายงานเฮ่อชิงเซียวที่เป็นหัวหน้าปฏิบัติภารกิจครั้งนี้
เฮ่อชิงเซียวในชุดขุนนางสีแดงทั้งชุดปรากฏตัวต่อหน้าไต้เจ๋อในตอนนี้ เห็นเขากอดศพมารดาร่ำไห้แต่ไร้เสียงเล็ดลอดออกมา
ไต้เจ๋อกลับรับรู้ได้ ค่อย ๆ หันหน้ามา มองชายหนุ่มนิ่งสงบผ่านม่านน้ำตา
เขาอีกแล้ว!
ครั้งนั้นลากตัวเขาไปโบยนอกประตูก็คือเขา ครั้งนี้มากวาดล้างตระกูลเขาก็ยังเป็นเขาอีก!
“ข้าจะสู้ตายกับเจ้าแล้ว!” ไต้เจ๋อกระโดดเข้าใส่เฮ่อชิงเซียว
แต่เขาไม่มีทางกระโดดมาถึงตัวเฮ่อชิงเซียวก็ถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินจับตัวไว้แล้ว
“บังอาจ อย่าได้เสียมารยาทต่อใต้เท้าเรา!”
ไต้เจ๋อถูกดาบวาววับสกัดไม่ให้เข้าใกล้ ปากก็ด่าทอ “เจ้าแซ่เฮ่อ เจ้ามันใต้เท้าอันใด เป็นแค่สุนัขชั่วร้ายที่เท่านั้น!”
วาจายากรับฟังมาก สีหน้าเฮ่อชิงเซียวกลับไม่แปรเปลี่ยน
ตั้งแต่เขารับตำแหน่งสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน คำพูดพวกนี้ได้ยินมามากแล้ว
มองชายหนุ่มที่กำลังจะถูกนำตัวไปเนรเทศ สีหน้าเฮ่อชิงเซียวนิ่งสงบเอ่ยว่า “ข้ารับพระบัญชาปฏิบัติงาน คุณชายไต้อย่าได้ก่อเรื่องจะดีกว่า”
“อย่าได้ก่อเรื่อง?” ไต้เจ๋อด่าไปด่าไปก็ด่าว่า “บิดาข้าตายแล้ว มารดาข้าก็ตายแล้ว เจ้าให้ข้าอย่าได้ก่อเรื่อง? ใช่แล้ว เจ้ามันตัวไร้บิดาไร้มารดา ไหนเลยจะเข้าใจจิตใจที่ต้องสูญเสียบิดามารดาไป!”
เฮ่อชิงเซียวสีหน้ายังคงสิ่งสงบ มองด้วยสายตาเข้มเอ่ยว่า “คุณชายไต้ ไม่ใช่แค่ท่านที่มีบิดามีมารดา ชาวติ้งเป่ยผู้บริสุทธิ์ที่ถูกสังหารพวกนั้นก็มีบิดามารดา คนในเมืองหลวงที่มีสถานะสู้ท่านไม่ได้พวกนั้นถูกท่านรังแกย่ำยีก็มีบิดามารดา คนที่ติดตามฮองเฮาซ่อนตัวจากโลกภายนอกก็มีบิดามารดา พวกเขาก็อาจเป็นบิดามารดาของผู้อื่น…”
คิดถึงซินโย่วที่ยอมตายไปพร้อมกับการล้างแค้นชิ่งอ๋อง ในใจฮ่อชิงเซียวก็แอบรู้สึกปวดร้าว แต่ไรมาวาจาเขาไม่เคยมากมายเพียงนี้ “เจ้าทำตัวเหิมเกริมรังแกผู้อื่น ทำตามที่ใจต้องการ ก็เพราะอาศัยบิดาเจ้า ตอนนั้นเจ้าได้รับประโยชน์จากชาติกำเนิดอย่างสบายใจ วันนี้บิดาเจ้าทำผิดโดนลงโทษ เจ้าเป็นบุตรชายจะเรียกว่าถูกรังแกให้ต้องทนกล้ำกลืนได้อย่างไร”
ไต้เจ๋อนิ่งอึ้งไปทันที
แม้ว่าเฮ่อชิงเซียวพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งแต่คำพูดเหล่านี้ราวกับค้อนเหล็ก ทุบลงกลางใจเขาอย่างหนักหน่วง
แต่ไรมาไม่เคยมีคนกล่าววาจาเช่นนี้กับเขา แต่ไรมาเขาก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องเหล่านี้
ชายหนุ่มที่เติบโตมาอย่างไร้ขื่อไร้แป ต้องการอันใดก็ต้องได้ ยามนี้คล้ายว่าพลันเติบโตขึ้นแล้ว
เขารังเกียจชายหนุ่มตรงหน้า แต่กลับต้องยอมรับว่าคำพูดคนผู้นี้กล่าวได้มีเหตุผล ทำให้เขาไม่มีความมั่นใจด่าทอต่อ อารมณ์แปรเปลี่ยนไม่หยุด สุดท้ายนิ่งงันไร้ความรู้สึก
“นำตัวไป” เฮ่อชิงเซียวสั่งการลูกน้องด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ครั้งนี้สั่นสะเทือนไปทั่ววงการขุนนาง ในบรรดาพวกที่ได้รับโทษเนรเทศ ซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อไต้เจ๋อนับว่าเป็นคนที่ทุกคนจับตามองที่สุดในกลุ่มพวกที่ถูกเนรเทศ แสงแดดงามเจิดจ้า คนอื่นๆ กำลังกินข้าวคุกก่อนออกเดินทาง เขากลับไม่แตะต้องตะเกียบ จ้องมองเฮ่อชิงเซียวเอ่ยว่า “ข้าต้องการพบคุณหนูโค่ว”
เฮ่อชิงเซียวปฏิเสธ “คุณชายไต้จะออกเดินทางแล้ว หากมีคำพูดกับคุณหนูโค่ว ข้านำไปบอกให้ได้”
“ข้าต้องการพบคุณหนูโค่ว!” หลังจากตระกูลถูกยึดทรัพย์ ไต้เจ๋อก็ตกอยู่ในสภาวะเงียบงัน ยามนี้กลับอารมณ์รุนแรงขึ้นมา แววตาบ้าคลั่งแสดงให้เห็นว่าหากไม่ถึงจุดหมายจะไม่ยอมเลิกรา
“ข้ารู้ว่าท่านสนิทกับคุณหนูโค่ว ข้าต้องการพบนาง!”
เฮ่อชิงเซียวคิดแล้ว ก็เอ่ยว่า “ข้าจะนำไปบอกคุณหนูโค่วให้ ส่วนคุณหนูโค่วจะมาพบเจ้าหรือไม่ ก็ต้องแล้วแต่นาง”
ไต้เจ๋อไม่เอ่ยอันใดอีก
ซินโย่วได้รับจดหมายจากคนของเฮ่อชิงเซียว ก็ตัดสินใจไปพบไต้เจ๋อสักครั้ง
ไม่มีทางได้รับการอภัยโทษ นอกจากมีเหตุพลิกผัน ไต้เจ๋อรับผลถูกเนรเทศจนแก่ตายไปเช่นนี้ถือเป็นผลที่ดีที่สุดและถูกต้องตามเหตุผลที่สุด มีความเป็นไปได้มากว่าอาจตายระหว่างทางนำตัวไปเนรเทศ
ซินโย่วยืนมองไต้เจ๋ออยู่นอกซี่กรง
ไต้เจ๋อในชุดนักโทษ ผมเผ้ารุงรัง แม้ว่าสภาพน่าอนาถ แต่กลับให้ความรู้สึกนิ่งสงบอย่างน่าประหลาด
“คุณชายไต้ต้องการพบข้าหรือ” ซินโย่วเอ่ยขึ้นก่อน
ไต้เจ๋อมองสาวน้อยแววตานิ่งสงบในชุดสีอ่อน ก็เอ่ยเสียงแหบพร่าขึ้น “คุณหนูโค่ว ข้ามีเรื่องขอร้อง”
ซินโย่วนิ่งมองไต้เจ๋อครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “คุณชายไต้เชิญเอ่ย”
นางคิดว่าไต้เจ๋อจะให้นางดูนรลักษณ์ให้อีก หรือเกิดสงสัยในตัวนาง คิดหาความจริง แต่ล้วนมิใช่
ชายหนุ่มที่กำลังถูกเนรเทศ ถามเบาๆ กับสาวน้อยที่อยู่อีกฟากของซี่กรงเหล็ก “‘บันทึกตะวันตก’ มีสิบเล่ม น่าเสียดายข้าไม่มีโอกาสได้อ่านแล้ว คุณหนูโค่วบอกเล่าตอนจบ ‘บันทึกตะวันตก’ ให้ข้าได้หรือไม่”