สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 255 คุณชายซิน
ตอนที่ 255 คุณชายซิน
ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออันใด ตอนที่ซินโย่วจ้องมองฉางชิงไม่วางตา ฉางชิงก็ส่งแววตาคมกริบดังสายฟ้ากวาดตามองมารวดเร็ว
ซินโย่วยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน เขาย่อมมองไม่พบเป้าหมาย เจ้าหน้าที่ทางการพบการเคลื่อนไหวของเขาก็ตวาดดังว่า “อยู่นิ่งๆ”
แสงตะวันร้อนแรงอยู่เหนือศีรษะ ไม่ว่านักโทษที่คุกเข่ารอความตายอยู่ หรือคนที่มามุงดู ล้วนเหงื่อแตกท่วมแผ่นหลัง
ซินโย่วรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมองนาง อาศัยการยกมือปัดผมลอบมองไป ก็เห็นคนที่จ้องมองนางอยู่
เป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ แลดูคุ้นตา น่าจะเป็นหนึ่งในองครักษ์จิ่นหลินที่ขอยืมใต้เท้าเฮ่อมาครั้งก่อน
ซินโย่วทำท่าทางเหมือนไม่รู้ตัว กำลังเดินไปได้สองสามก้าวก็มีคนสองคนปรากฏตัวขึ้นขวางทางนางไว้
ทั้งสองคนนี้มีคนหนึ่งเป็นองครักษ์จิ่นหลินที่นางคุ้นตา อีกคนเดินมาจากอีกทาง เมื่อครู่ไม่อยู่ในขอบเขตสายตาของนาง
“กองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน” กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินร่างสูงชูป้ายประจำตัว “คุณชายท่านนี้ ตามพวกเรามาหน่อย”
ทหารองครักษ์จิ่นหลินอีกนายหนึ่งจ้องมองซินโย่วเขม็ง คล้ายว่าคนตรงหน้าจะขัดขืนหนีไป
ด้านหลังซินโย่ว มีองครักษ์กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินอีกสองนายมารวมตัวกัน
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเหล่านี้มิได้มุ่งมาหาชายหนุ่มที่ต้องสงสัยว่าเป็นท่านซงหลิงตั้งแต่ต้น แต่จะแต่งกายด้วยชุดธรรมดาปะปนกับคนรอบข้างเพื่อหาข่าวและคุมสถานการณ์
ซินโย่วเองก็คาดการณ์เรื่องนี้ไว้แล้ว จึงได้แต่งกายเป็นท่านซงหลิงปรากฏตัวบริเวณสถานที่ประหารใน ตอนนี้
ในเมื่อผู้คนลือกันว่าท่านซงหลิงเป็นคนของฮองเฮา คนที่ทำให้ฮองเฮาตายจะถูกตัดศีรษะในวันนี้ ท่านซงหลิงมาดูการประหารก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล
นางก้มหน้าลงเล็กน้อย ตามกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองสามนายออกไป เพราะให้ความร่วมมือจึงมิได้เป็นที่สังเกตของคนรอบข้าง
ทหารกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินกลับไม่กล้าประมาท ประกบหน้าหลังและซ้ายขวา แทบจะพุ่งกลับที่ทำการในทันที ทันทีที่ยัดซินโย่วเข้ารถม้าได้ ก็พากันโล่งใจ ทหารองครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่งบังคับรถม้าพุ่งออกไปรวดเร็ว องครักษ์จากกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายเบียดเข้ามาในตัวรถที่เดิมก็มิได้กว้าง สายตาจับจ้องมองซินโย่วไม่วางตา
ซินโย่วนั่งนิ่งสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกปล่อยให้พวกเขามองประเมินไป
ท่านซงหลิงกำลังจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ใด นางเตรียมพร้อมรับมือแล้ว สำหรับการที่ท่านซงหลิงจะใช้ภาพลักษณ์ใดปรากฏตัว นางเองก็คิดไว้แล้ว
ภาพนี้ต่างจากคุณหนูโค่วที่ต้องการภาพงดงามอ่อนหวานและเชื่อฟังว่านอนสอนง่าย ท่านซงหลิงที่ต้องการแก้แค้นให้ฮองเฮาอย่างกล้าหาญเพียงลำพัง เป็นคนกล้าหาญ สุขุมเยียบเย็น ไม่ยอมอ่อนข้อ หากนางแสดงท่าทีหวาดกลัวหรือลนลาน อาจจะทำให้คนรู้สึกผิดปกติ
ใบหน้าท่านซงหลิงนั้นเหมือนกับนางเมื่อก่อนมากกว่า
รถม้าแล่นเร็วมาก ผ่านไปไม่นานก็มาถึงหน้าประตูสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ
“ลงจากรถ!” ทหารองครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่งเอ่ยขึ้นเบาๆ แฝงน้ำเสียงเตือน
ซินโย่วก้าวออกจากรถม้าเงียบๆ เข้าไปในสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซืออีกครั้ง พบกับเฮ่อชิงเซียวผู้บัญชาการสูงสุดของที่ทำการแห่งนี้
“ใต้เท้า ที่ลานประหารของเมืองฝั่งตะวันตก พบผู้ต้องสงสัยเหมือนภาพวาด!” องครักษ์กองกำลังจิ่น หลินที่นำตัวซินโย่วมารายงานเฮ่อชิงเซียวด้วยท่าทีตื่นเต้นยากระงับ
พวกเขาหาคนในภาพวาดอยู่นานมาก แทบจะพลิกแผ่นดินเมืองหลวงค้นหา แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า คิดไม่ถึงวันนี้ได้พบโดยบังเอิญที่เมืองฝั่งตะวันตก ทันทีที่แน่ใจว่าเป็นคนที่เหมือนในภาพวาด ก็จะได้รับความดีความชอบมากมาย
เทียบกับลูกน้องที่ตื่นเต้นแล้ว ในใจเฮ่อชิงเซียวกลับสับสนยิ่งกว่า มีทั้งความตกใจ จนปัญญาและความเข้าใจ
“ใต้เท้า?” ลูกน้องรายงานเสร็จก็เห็นเฮ่อชิงเซียวนิ่งไม่ตอบ ก็อดเอ่ยเรียกอย่างไม่เข้าใจไม่ได้
หรือว่าจับผิดตัว?
ไม่น่านะ ชายหนุ่มผู้นี้เหมือนกับภาพวาดมาก
เฮ่อชิงเซียวระงับคลื่นอารมณ์ที่เอ่อล้นขึ้นมา เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “พวกเจ้าออกไปก่อน เรื่องนี้เป็นความลับสำคัญ ข้าต้องการสอบสวนด้วยตนเอง”
“ขอรับ”
ลูกน้องในห้องโถงพากันออกไป เหลือเพียงสองคน
ดวงตาสองคู่สบประสานเป็นนาน ก่อนเฮ่อชิงเซียวจะเอ่ยถามขึ้นว่า “ข้าควรเรียกเจ้าว่าท่านซงหลิง หรือว่าคุณชายซิน?”
ความหมายนี้ก็คือต้องการถามว่าซินโย่วจะจัดการความสัมพันธ์ของท่านซงหลิงกับคุณชายซินอย่างไร
ซินโย่วเข้าใจความหมาย เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ทั้งท่านซงหลิงและคุณชายซิน”
โลกนี้ไม่มีคนเคยพบท่านซงหลิง แต่มีหลายคนเคยพบคุณชายซิน มาถึงตอนนี้ต้องยอมรับว่าท่านซงหลิงที่เขียน ‘บันทึกตะวันตก’ ก็คือคุณชายซิน จะสะดวกต่อการทำงานของนางที่สุด
“เข้าใจแล้ว” เฮ่อชิงเซียวสีหน้าแปรเปลี่ยน มองชายหนุ่มใบหน้ากระจ่างตรงหน้าแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ “ไยคุณหนูโค่วต้องทำเช่นนี้”
ซินโย่วยิ้ม “ในเมื่อตัดสินใจอยู่เมืองหลวงต่อ เรื่องที่ต้องเผชิญก็ย่อมต้องเผชิญ เทียบกับการอาศัยสถานะคุณหนูโค่ว ไม่สู้กลับมาเป็นตัวของข้าเอง”
ก่อนหน้านี้อาศัยสถานะคุณหนูโค่วก็เพราะไร้หนทาง ค่อยๆ วางแผนการมา จนถึงตอนนี้คนผู้นั้นรู้การมีอยู่ของคุณชายซินแล้ว ทางจวนรองเจ้ากรมก็ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่อง กลับไปเป็นคุณชายซินสะดวกในการตามหาคนบงการสังหารท่านแม่มากกว่า
อีกเรื่องหนึ่งที่ซินโย่วไม่ได้เผยต่อผู้ใด ตอนที่นางได้ลิ้มรสชาติของทัณฑ์แส้นั้น นางก็พลันได้สติกระจ่างว่า หากไปจากเมืองหลวง การดำรงชีวิตด้วยความสามารถของนางนั้นไม่ยาก หากเลือกอยู่ต่อ อาศัยเพียงสถานะคุณหนูนอกจวนรองเจ้ากรม แม้มีพวกองค์หญิงใหญ่เจาหยางให้ความเมตตา แต่ยามปะทะกับอิทธิพลอำนาจแท้จริงก็ยังคงอ่อนแรงกำลังอย่างมาก
คุณหนูโค่วที่ได้ชื่อเสียงว่าเป็นผู้ใจกุศล ก็แค่ชาวบ้านธรรมดาที่โดดเด่นคนหนึ่ง ทันทีที่ปะทะกับความต้องการหรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับคนผู้นั้น ก็ไร้เรี่ยวแรงกำลัง
“คุณหนูโค่วคิดดีแล้วจริงหรือ”
“ข้ายังมีโอกาสกลับตัวอีกหรือ” ซินโย่วยิ้มถาม
เฮ่อชิงเซียวถามเสียงเบาต่อว่า “หากคุณหนูโค่วคิดกลับตัว ก็ยังมีโอกาส”
ซินโย่วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก็ส่ายหน้า “หากเป็นเช่นนี้ ใต้เท้าเฮ่อจะรายงานเบื้องบนเช่นไร ไม่ต้องการอนาคตและชีวิตตนเองแล้วหรือ ในเมื่อข้าตัดสินใจแล้ว ก็จะไม่ลังเลอีก ทั้งยังสร้างความชอบให้ใต้เท้าเฮ่อได้ เป็นเรื่องดีงามต่อทั้งสองฝ่ายมิใช่หรือ”
เฮ่อชิงเซียวเห็นซินโย่วตัดสินใจแล้ว แม้ไม่อยากให้นางเข้ามาร่วมวงน้ำครำนี้ ทว่าก็ได้แต่เคารพการตัดสินใจของนาง “รบกวนคุณชายซินอยู่ที่นี่สักพัก ข้าจะเข้าวัง”
เอ่ยคำว่า ‘คุณชายซิน’ ออกมา ชีวิตสงบสุขเรียบง่ายระหว่างเจ้าของร้านร้านหนังสือชิงซงกับใต้เท้าเฮ่อที่รักการอ่านหนังสือก็จะไม่มีวันหวนคืนมาอีกแล้ว จากนี้ไปก็คือคุณชายซินที่ต้องสงสัยว่าเป็นองค์ชายกับผู้บัญชาการสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ
ก่อนจากไป เฮ่อชิงเซียวจ้องมองซินโย่วลุ่มลึกทีหนึ่ง
นางแต่งกายเป็นชาย กิริยาท่าทางไม่มีความเป็นหญิงสาว แม้น้ำเสียงก็ยังไม่เหมือนเดิม เป็นน้ำเสียงก้องกระจ่างแบบชายหนุ่ม
เฮ่อชิงเซียวพยักหน้าให้ซินโย่วเบาๆ ก่อนออกจากสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือตรงเข้าวังหลวง
ยามนี้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กำลังอ่านคัมภีร์พระสูตร
ศาสนาพุทธและเต๋าสืบทอดมายาวนาน ได้รับการสนับสนุนจากฮ่องเต้บางพระองค์ บ้างก็ทรงสนับสนุนศาสนาพุทธ บ้างก็ทรงสนับสนุนศาสนาเต๋า สถานะศาสนาพุทธและเต๋าในราชวงศ์นี้เป็นอย่างไร? ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ผู้บุกเบิกก่อตั้งแผ่นดินมีชาติกำเนิดจากชาวบ้าน จึงต่างจากฮ่องเต้ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ทรงต้องการเรื่องใดก็จะเชื่อเรื่องนั้น เชื่อแบบเน้นการนำไปใช้มากกว่า
ยามนี้อ่านคัมภีร์ทางพุทธศาสนาก็เพราะสองสามวันมานี้ต้องตัดศีรษะคนมากมายเกินไป บ้างก็เป็นขุนนางที่อยู่ร่วมกับเขามาหลายปี เช่นพวกรองเจ้ากรมเผย ดังนั้นการอ่านคัมภีร์ทางพุทธศาสนาก็เพื่อทำให้จิตใจสงบลงเท่านั้น
“ฝ่าบาท ฉางเล่อโหวขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้วางคัมภีร์ลง ตรัสพระสุรเสียงนิ่งเรียบ “ให้เขาเข้ามา”