สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 261 สนิท
ตอนที่ 261 สนิท
รองเจ้ากรมต้วนเอ่ยอันใดไม่ออก นั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนเก้าอี้เป็นนาน
เสี่ยวเหลียนก้มศีรษะลงเล็กน้อย ท่าทางเหมือนบ่าวว่านอนสอนง่าย
เป็นนานก่อนรองเจ้ากรมต้วนจะระบายความอัดแน่นในใจออกมา น้ำเสียงสั่นยากระงับ “ข้าถามเจ้า เหตุใดโค่วชิงชิงทำเช่นนี้”
“บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ”
“ไม่ทราบ?” รองเจ้ากรมต้วนโมโหจนปวดหัวใจ “ไม่ทราบ เจ้าก็ปล่อยให้นางเหลวไหล?”
นี่ไหนเลยแค่เหลวไหล เห็นชัดว่ารนหาที่ตาย และยังลากจวนรองเจ้ากรมไปตายด้วย!
เสี่ยวเหลียนกัดริมฝีปาก สีหน้าใสซื่อ “บ่าวเป็นเพียงสาวใช้ สั่งคุณหนูไม่ได้เจ้าค่ะ”
รองเจ้ากรมต้วนสะอึก
หลานสาวสมควรตายของเขาผู้นั้นทำอันใดตามใจตนเอง สาวใช้คนหนึ่งไม่อาจรั้งไว้ได้จริงๆ
“จากนี้โค่วชิงชิงต้องการทำอันใดต่อ”
“คุณหนูบอกว่าสั่งสมประสบการณ์แล้วก็จะกลับมาเอง ถึงตอนนั้นปลดเครื่องแต่งกายชายออก ก็จะไม่มีคนตามนางเจอ ขอให้นายท่านใหญ่วางใจ…”
“ข้าวางใจกับผีน่ะสิ!” รองเจ้ากรมต้วนโมโหเดือดดาล
เสี่ยวเหลียนเกลี้ยกล่อมด้วยท่าทีนิ่งสุขุมยิ่ง “นายท่านใหญ่ ท่านเบาหน่อยจะดีกว่านะเจ้าคะ หากให้คนอื่นได้ยินเข้า นำความลับไปรายงานเพื่อเอาความชอบ จะทำอย่างไรเจ้าคะ”
รองเจ้ากรมต้วน “…”
ควรกรอกยาพิษให้เจ้าหลานสาวสมควรตายนั่นสักชามจริงๆ เหตุใดเขาจึงได้โง่เขลาเพียงนี้!
ผ่านไปครู่หนึ่ง รองเจ้ากรมต้วนกัดฟันถามขึ้นว่า “คนอื่นๆ ในเรือนหว่านฉิงรู้หรือไม่”
“ย่อมรู้ คุณหนูไม่อยู่ในเรือนทั้งคน จะปิดบังได้อย่างไร”
รองเจ้ากรมต้วนโมโหจนกุมหน้าอกแน่น
นังชั้นต่ำถึงกับทำการผ่าเผยเช่นนี้!
“เรียกพวกนางเข้ามาให้หมด!”
“เจ้าค่ะ” เสี่ยวเหลียนส่งเสียงรับก้องกังวาน หันหลังออกไปตามทุกคน
ดีที่คนไม่มาก นอกจากเสี่ยวเหลียนก็มีหวางมามา หลี่หมัวมัว กับสาวใช้ที่พามาจากนอกจวนอีกคน
“หากเจ้าสามคนคุมปากตนเองไม่ได้ อย่าได้ตำหนิที่ข้าจะตัดลิ้นพวกเจ้าทิ้ง” รองเจ้ากรมต้วนกำชับดุดัน
หลี่หมัวมัวคุกเข่าลงพื้น สาบานคล่องแคล่ว “หากบ่าวพูดเหลวไหลออกไป ขอให้ฟ้าผ่า ไร้ลูกหลานสืบตระกูล!”
หวางมามาเองก็สาบานตาม
สาวใช้เองก็ยกมือตามทันที “หากบ่าวพูดเหลวไหลออกไป ให้ชาตินี้แต่งไม่ออก!”
รองเจ้ากรมต้วนขมวดคิ้ว “เจ้าแบบนี้ไม่นับ”
แต่งไม่ออก? คนติดตามเจ้าหลานสาวสมควรตายของเขาไม่ปกติสักคน เกิดรู้สึกว่าไม่แต่งเป็นเรื่องดีเล่า
สาวใช้ได้แต่สาบานว่าให้ปากเน่าเสียโฉม รองเจ้ากรมต้วนจึงได้พอใจ
พอสามคนออกไปแล้ว รองเจ้ากรมต้วนจ้องมองเสี่ยวเหลียนพลางแค่นเยาะ “แม้โค่วชิงชิงไม่สนใจจวนรองเจ้ากรม หรือว่านางไม่กลัวตาย ถึงกับเสียสติไปทำเรื่องประหารทั้งตระกูลเช่นนี้!”
“คุณหนูบอกว่า ขอเพียงนายท่านใหญ่ช่วยนางปิดบังเรื่องที่นางไม่อยู่จวนรองเจ้ากรม ย่อมไม่เกิดเรื่องอย่างแน่นอน”
“หากเกิดเล่า หากเกิดเล่า!” รองเจ้ากรมต้วนยิ่งคิดก็ยิ่งคลุ้มคลั่งขึ้นมา
จวนกู้ชางป๋อประสบเคราะห์ร้าย ทำเอาเขานอนไม่หลับทั้งคืน เกรงว่าฮ่องเต้จะมีราชโองการลงอาญาจวนรองเจ้ากรมไปด้วย
กว่าจะได้ผ่อนคลายสบายใจลงได้ ปรากฏกลับมีเรื่องน่ากลัวยิ่งกว่า
เสี่ยวเหลียนกะพริบตา “คุณหนูไม่ได้บอกว่าหากเกิดแล้วให้ทำอย่างไรเจ้าค่ะ”
ตอนรองเจ้ากรมต้วนออกจากเรือนหว่านฉิง ก็เดินตัวลอยแทบไร้ความรู้สึก
“ท่านพ่อ สีหน้าท่านดูไม่ค่อยดี ไม่สบายตรงไหนหรือ”
รองเจ้ากรมต้วนได้พบกับต้วนอวิ๋นเฉินที่เดินผ่านทางมา
การสอบขุนนางรอบหุ้ยซื่อและเตี้ยนซื่อที่จะจัดสามปีหนึ่งรอบ ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่ไรมาก็เป็นที่จับตามองของชาวบ้านทุกคน ปรากฏการสอบหุ้ยซื่อผ่านไปไม่นาน กู้ชางป๋อก็เกิดเรื่อง ทำให้ประกาศผลการสอบหุ้ยซื่อครึกครื้นลดลงไปไม่น้อย การสอบเตี้ยนซื่อก็ชะลอออกไปแล้วชะลอออกไปอีก ชะลอถึงเดือนหน้าก็จบกระบวนการภายใต้ความไม่กระตือรือร้นของฮ่องเต้สักเท่าไร
ตอนนี้ต้วนอวิ๋นเฉินไปฝึกงานที่กรมคลัง[1] นับว่าได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางขุนนางอย่างเป็นทางการแล้ว
“เปล่า” รองเจ้ากรมต้วนรีบปฏิเสธทันที มองบุตรชายที่เป็นคนนิสัยแข็งทื่อทีหนึ่ง คำเตือนที่คิดเอ่ยก็ถูกกลืนกลับไป
เฉินเอ๋อร์ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นนอกจากตำราเรียนมาหลายปี ความคิดและการทำงานยังต้องผ่านการขัดเกลาอีกมาก เตือนไปอาจทำให้เรื่องเลวร้ายลงได้
“งานเยอะ ทำให้รู้สึกเหนื่อยอยู่สักหน่อย เจ้าไปดูงานที่กรมคลัง ปรับตัวได้แล้วหรือยัง”
รองเจ้ากรมต้วนพยายามฝืนตอบรับบุตรชาย ก่อนกลับเรือนตนเอง
เรื่องที่สำคัญที่สุดในวันพรุ่งนี้ก็คือไปดูหลานสาวสมควรตายนั่นของเขาสักทีหนึ่ง ดูว่านางแต่งกายเป็นชายแล้วเป็นอย่างไร
คงมิใช่แค่มองก็มองออกกระมัง
รองเจ้ากรมต้วนคิดเช่นนี้ ก็ร้อนใจจนรับประทานอาหารเย็นไม่ลง
ยามนี้ซินโย่วกำลังไปเป็นแขกที่จวนองค์หญิงใหญ่
อากาศอบอ้าว จวนองค์หญิงใหญ่ต้อนรับแขกที่โถงบุปผาที่กำลังอากาศเย็นสบาย เพราะตามมุมโถงมีกะละมังน้ำแข็งวางไว้
“นี่คือพี่ชายเจ้า ข่งรุ่ย” องค์หญิงใหญ่เจาหยางแนะนำด้วยตนเอง
“คารวะพี่ใหญ่”
ข่งรุ่ยคำนับตอบ
“นี่คือน้องสาวเจ้า ข่งฝู”
แม้ข่งฝูอายุน้อย แต่ก็รู้มารยาท ส่งเสียงเรียกท่านพี่อ่อนหวาน
“ทุกคนนั่งได้” องค์หญิงใหญ่เจาหยางมองซินโย่วอย่างอ่อนโยน “อย่าได้มากพิธี วันหน้าที่นี่ก็คือบ้านของเจ้า”
“ขอบพระทัยเสด็จอา” เทียบกับการแสดงอาการสนิทสนมขององค์หญิงใหญ่เจาหยาง ซินโย่วมีท่าทีเกรงใจมากกว่ามาก
เกรงใจก็หมายความว่าห่างเหิน
ซินโย่วไม่คิดใช้ประโยชน์จากความรักเมตตาอย่างจริงใจขององค์หญิงใหญ่เจาหยางที่มีต่อคุณชายซินเพราะฮองเฮา
องค์หญิงใหญ่เจาหยาง กลับรู้สึกว่าบุตรพี่สะใภ้ควรเป็นเช่นนี้ ไม่ยินยอมประจบผู้ใหญ่ ไม่เสียมารยาทต่อผู้น้อย
อาหารค่ำมื้อนี้ใช้เวลาไม่นาน พอรับประทานอาหารเสร็จ สาวใช้ก็ประคองกล่องเล็กออกมาตามคำสั่งขององค์หญิงใหญ่เจาหยาง ในนั้นมีตั๋วแลกเงินหนึ่งพันตำลึง
“หากเจ้ายอมรับข้าเป็นอาแล้ว ก็อย่าได้ปฏิเสธ รับไว้เถิด วันหน้ายังต้องใช้เงินทองอีกมาก”
ซินโย่วกล่าวขอบคุณพร้อมกับเก็บตั๋วแลกเงิน
“รุ่ยเอ๋อร์ ไปส่งซินมู่แทนท่านแม่หน่อย”
“ขอรับ”
ข่งรุ่ยส่งซินโย่วถึงนอกประตูจวน รถม้าจวนองค์หญิงใหญ่จอดรออยู่ตรงนั้นเงียบๆ แล้ว
“ท่านโหว ส่งแค่นี้เถิด” ซินโย่วหยุดพลางเอ่ยอย่างเกรงใจ
ข่งรุ่ยเลิกคิ้ว
เมื่อครู่ยังเรียกพี่ ตอนนี้กลายเป็นท่านโหวแล้ว
“เจ้าควรเรียกข้าว่าพี่ใหญ่” ข่งรุ่ยสีหน้าจริงจัง
ซินโย่ว “…” คิดไม่ถึงจิ้งอันโหวเป็นคนจริงจังเช่นนี้
ดีที่นางเองไม่ค่อยจริงจัง
“พี่ใหญ่ ส่งแค่นี้เถิด” ซินโย่วเปลี่ยนคำเรียก
ข่งรุ่ยประสานมือ “น้องพี่ค่อยๆ เดินนะ”
ซินโย่วเดินไปทางรถม้า มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “ซินไต้จ้าวหรือ”
ซินโย่วหยุดหันไปมอง ข่งรุ่ยที่มาส่งซินโย่วที่รถก็มองมา
องค์ชายใหญ่ซิ่วอ๋องเดินเข้ามา
“คารวะซิ่วอ๋อง” ข่งรุ่ยคำนับก่อน
ซิ่วอ๋องรีบเอ่ยว่า “น้องพี่ไม่ต้องมากพิธี”
ซินโย่วประสานมือคำนับ “กระหม่อมคารวะซิ่วอ๋อง”
ซิ่วอ๋องประเมินมองซินโย่วถี่ถ้วนพลางยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ข้าเพิ่งได้ยินเรื่องซินไต้จ้าว เดิมคิดเชิญมาดื่มน้ำชาหลังเลิกงาน เห็นซินไต้จ้าวมาจวนเสด็จอาจึงมิได้รบกวน…”
“ซิ่วอ๋องทำให้กระหม่อมอายุสั้น[2]แล้ว” ซินโย่วกล่าวขอบคุณตามธรรมเนียม
ตอนนางยังคงเป็น ‘คุณหนูโค่ว’ เคยพบปะกับซิ่วอ๋องมาสองสามครั้ง ภาพความทรงจำของนางก็คือคนที่อ่อนโยนมีมารยาทและปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างถ่อมตน
ตอนนี้นางเป็นบุตรบุญธรรมฮองเฮาที่ฮ่องเต้ยอมรับ คนไม่น้อยสงสัยว่าเป็นบุตรชายฮองเฮา ท่าทีซิ่วอ๋องยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเดิม แสดงท่าทีสนิทสนมได้รวดเร็วเช่นนี้
ตอนนี้ชิ่งอ๋องล้มแล้ว องค์ชายถัดจากนั้นอีกหลายพระองค์ก็อายุยังน้อย ไม่ต้องสงสัยว่าซิ่วอ๋องก็คือคนที่ถูกหมายตาว่าจะเป็นรัชทายาท เผชิญหน้ากับภัยคุกคามเช่นคุณชายซิน ท่าทีซิ่วอ๋องเช่นนี้มีแผนการหรือว่าบริสุทธิ์ใจแต่กำเนิด?
ในฐานะผู้รับประโยชน์มากที่สุดหลังชิ่งอ๋องล้ม เดิมซิ่วอ๋องก็เป็นเป้าหมายที่ซินโย่วสงสัย ย่อมไม่ ปฏิเสธโอกาสเข้าใกล้อีกฝ่าย
“พรุ่งนี้ข้าเป็นเจ้ามือเลี้ยงซินไต้จ้าวกับน้องรุ่ยดื่มสักครั้ง ขอทั้งสองท่านให้เกียรติด้วย” ซิ่วอ๋องอมยิ้มเอ่ยเชื้อเชิญ
[1] บัณฑิตที่สอบผ่านขั้นสุดท้ายจะยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางในทันที แต่ต้องไปเรียนรู้ดูงานที่หน่วยงานก่อน
[2] คติความคิดจีนโบราณ หากผู้ใหญ่กล่าวว่าจะแสดงความอ่อนด้อยกว่าผู้น้อย จะถือเป็นการลดทอนอายุของผู้น้อย