สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 263 จวนซิ่วอ๋อง
ตอนที่ 262 ส่งข่าว
เผชิญหน้ากับคำเชื้อเชิญของซิ่วอ๋อง ซินโย่วมิได้ปฏิเสธ “ขอบคุณซิ่วอ๋องที่เมตตา กระหม่อมขอน้อมรับ”
ซิ่วอ๋องมองไปทางข่งรุ่ยด้วยแววตาอ่อนโยน
เห็นชัดว่าข่งรุ่ยลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พยักหน้า
ทั้งสองคนเดินไปส่งซินโย่วขึ้นรถม้า มองดูรถม้าออกไปไกลแล้วจึงได้กลับจวนตนเอง
จวนที่ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พระราชทานให้ซินโย่วไม่นับว่าใหญ่มากนัก แต่พื้นที่ในเมืองหลวงมีค่าดั่งทองคำจึงเป็นพื้นที่หาได้ยากยิ่ง เหมาะสำหรับซินโย่วที่ไม่ได้มีครอบครัวมาอยู่ด้วยอย่างมาก
เมื่อวานตอนซินโย่วเข้ามาอยู่และได้เห็นจวนหลังนี้ ก็รู้ว่าคนผู้นั้นนับว่าตั้งใจพระราชทานให้นาง
“คารวะคุณชาย”
ซินโย่วเดินเข้าไปก็มีคนคำนับตลอดทาง
คนเหล่านี้ได้รับพระราชทานมา อาจเพราะผ่านการอบรมกำชับมาก่อน ไม่ว่าคิดอย่างไร สีหน้ายังคงแสดงความนอบน้อม
พอเข้าไปในเรือนกลาง ซินโย่วก็ให้ทุกคนออกไป ตนเองอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็แปลงโฉมอีกครั้งก่อนจะลงนอน
คนที่นางผ่านตามาในตอนกลางวัน มีภาพแวบเข้ามาในห้วงความคิดนางทีละคน ไม่รู้ว่าคนที่ชื่อ ‘ตงเซิง’ จะอยู่ในบรรดาใบหน้าคนเหล่านี้หรือไม่ คล้ายว่าตราประทับที่คล้ายเป็นอักษร ‘จวิน’ จะยิ่งไร้เบาะแสให้สืบต่อ
ซินโย่วคิดว่าการดำรงสถานะ ‘ซินไต้จ้าว’ นี้น่าจะต้องต่อไปอีกสักระยะ
ตำแหน่งเล็กๆ เช่นซินโย่วไม่จำเป็นต้องร่วมประชุมท้องพระโรง เช้าวันต่อมากินอิ่มนอนอิ่ม ก็ออกไปเดินร่อนที่โถงทำการ
ไม่เลว เพราะที่พักใกล้ นางเพียงแค่ก้าวเดินไม่กี่ก้าว ตลอดทางได้รับรู้ประสบการณ์มากมายไม่รู้เท่าไร บ้างก็อิจฉา บ้างก็ชื่นชม
เสียงวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ เข้าหูซินโย่วต่อเนื่อง
“จวนพระราชทาน อยู่ข้างวังหลวง…”
ซินโย่วรู้ว่าสภาพนี้จะดำเนินต่อไปอีกสักระยะ จึงค่อยๆ เริ่มชินชา จนกระทั่งมีคนผู้หนึ่งตอนเดินผ่านตนไป มีของเล็กๆ สิ่งหนึ่งดีดเข้าใส่แขนเสื้อของนาง
จากการสัมผัสเป็นกระดาษชิ้นเล็กๆ ชิ้นหนึ่ง
คนของใต้เท้าเฮ่อหรือ
ซินโย่วอยากจะหันกลับไปมอง แต่ทว่ายังคงรักษาฝีเท้าเดิมต่อไป
แม้ว่าตอนนี้นางมีสถานะชาย แต่การติดต่อกับใต้เท้าเฮ่อกลับไม่สะดวกดังเดิมแล้ว
เรื่องราวก็ไม่ได้ซับซ้อนมากนัก ใต้เท้าเฮ่อกับคุณหนูโค่วติดต่อกันเป็นเรื่องส่วนตัว อย่างมากก็ทำให้ผู้คนสัพยอกไม่กี่คำ แต่การติดต่อกับคุณชายซิน ยังมิต้องเอ่ยถึงว่าบรรดาขุนนางคิดเช่นนี้ แต่เกรงว่าคนผู้นั้นก็คงไม่ยินดีที่พวกเขาใกล้ชิดกันเกินไป
ซินโย่วเดินเข้าไปในสำนักฮั่นหลินย่วน ค่อยๆ เร่งฝีเท้าเข้าไปในห้องโถงทำงานไต้จ้าว บรรยากาศที่เดิมเคยครึกครื้น ยามนี้กลับเงียบลง
ซินโย่วเดินไปยิ้มให้บรรดาไต้จ้าวที่นั่งอยู่ ไปถึงที่นั่งตนเอง อาศัยหนังสือบังฝ่ามือที่คลายออก
เป็นกระดาษเล็กๆ แผ่นหนึ่งดังคาด
คลี่ม้วนกระดาษออก บนกระดาษเขียนสถานที่และเวลา พร้อมกับคำลงท้ายว่า ‘โย่ว’
นี่คือหลังจากที่ซินโย่วที่ถูกนำไปพบเฮ่อชิงเซียวในสถานะคุณชายซิน ทั้งสองคนตกลงกันไว้แล้วว่าจดหมายที่ส่งถึงกันจะลงท้ายไม่ซับซ้อนมากนัก ใช้อักษรพ้องเสียงกับคำว่า ‘โย่ว’ ของซินโย่ว กับอักษรพ้องเสียงกับคำว่า ‘เซียว’ ของเฮ่อชิงเซียว
ยามนี้ไม่สะดวกกำจัดกระดาษทิ้ง ซินโย่วจึงเก็บไว้ที่ตัวก่อนควานหาหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา
ในวังหลวง
หลังฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เลิกประชุมก็จะจัดการราชกิจก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็เรียกตัวเฮ่อชิงเซียวเข้าเฝ้า
“เมื่อวานมีผู้ใดไปสังเกตการณ์ซินไต้จ้าว?”
“ทูลฝ่าบาท มีเมิ่งจี้จิ่ว เสนาบดีและรองเจ้ากรมต่างๆ องค์หญิงใหญ่…” เฮ่อชิงเซียวรายงานรวดเดียวไม่ขาดตกแม้แต่คนเดียว สุดท้ายเอ่ยว่า “ซินไต้จ้าวไปร่วมรับประทานอาหารเย็นที่จวนองค์หญิงใหญ่ ตอนกำลังจะกลับยังได้พบกับซิ่วอ๋อง ซิ่วอ๋องนัดเขาไปดื่มน้ำชากับจิ้งอันโหววันนี้”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้ยินว่าคนที่ไปสังเกตการณ์ซินมู่มีมากมายเพียงนี้ ก็พลันไม่รู้ว่าควรดีใจหรือโมโหดี
“ซิ่วอ๋องมีท่าทีเช่นไร”
เฮ่อชิงเซียวตอบตามความจริง “ซิ่วอ๋องให้ความสนิทสนมกับซินไต้จ้าวมากพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ขมวดพระขนง ปฏิกิริยาแรกก็คือไม่ทรงเชื่อ
เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับบุตรชายคนโตผู้นี้มานานมากแล้ว ไม่อาจกล่าวได้ว่ามีความเข้าใจบุตรชายลึกซึ้ง จึงไม่รู้ว่ายามที่บุตรชายเผชิญหน้ากับผู้ที่จะกลายมาเป็นศัตรู เขายังจะทำตัวเป็นมิตรได้จริงหรือ
“ชิงเซียว ทางซินไต้จ้าว คนอื่นเราไม่วางใจและไม่เชื่อใจ เจ้าคอยดูด้วยตนเอง”
เขาไม่อยากให้คนทำร้ายเด็กคนนี้ หรือว่าเด็กคนนี้จะหนีไปเหมือนซินซิน แล้วมานั่งเสียใจภายหลัง
“พ่ะย่ะค่ะ” เฮ่อชิงเซียวรับคำ ในใจแอบถอนหายใจแทนซินโย่ว
นี่ก็คือสาเหตุที่เขาไม่อยากให้นางเข้ามาร่วมในทะเลสาบลึกนี้
ทันทีที่ก้าวเข้ามา อิสระก็จะเป็นดังบุปผาในคันฉ่อง จันทราในวารี ที่ไม่อาจจับต้องได้ ไม่มีวันนั้นอีกแล้ว
“ฝ่าบาท ยามจำเป็น กระหม่อมใกล้ชิดซินไต้จ้าวได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เฮ่อชิงเซียวลองหยั่งเชิง
ติดต่อกันเงียบๆ อาจทำให้กลายเป็นช่องโหว่ให้ผู้คนจับได้ หากได้รับอนุญาตจากฮ่องเต้เปิดเผยก็จะสะดวกมากขึ้น
ตอนนี้คนที่ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่วางพระทัยที่สุดก็คือซิ่วอ๋อง รองลงมาก็คือสายพระมารดาขององค์ชายน้อยอื่นๆ ก็มิใช่เกรงกลัวพวกเขาก่อเรื่องเปิดเผย เช่นนั้นจับกุมทีเดียวย่อมง่ายดายกว่า แต่กังวลว่าอีกฝ่ายจะแอบทำร้ายซินมู่ในที่ลับมากกว่า
ธนูจากที่ลับป้องกันได้ยากที่สุด
สำหรับเฮ่อชิงเซียว เขาไม่นึกเป็นห่วงเรื่องเหล่านี้
ชาติกำเนิดเฮ่อชิงเซียวเรื่องที่ทุกคนไม่วางใจ อำนาจทุกอย่างล้วนฮ่องเต้พระราชทานให้เขา ไม่มีเหตุผลที่จะทำร้ายซินมู่
“ทุกอย่างปรับเปลี่ยนตามสภาพการณ์ได้”
เฮ่อชิงเซียวเบาใจลง
ได้รับพระอนุญาตจากฮ่องเต้ เขาติดต่อกับซินโย่วก็ไม่ต้องกลัวมีคนคิดไม่ซื่อนำไปเป็นเรื่อง
“ไปได้”
“กระหม่อมทูลลา”
เฮ่อชิงเซียวไปแล้ว ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้จัดการราชกิจอีกครู่หนึ่ง ก็สั่งการขันที “ถ่ายทอดคำสั่งไปยังสำนักฮั่นหลินย่วน ให้ไต้จ้าวซินมู่เข้าเฝ้า”
แววตาซุนเหยียนข้างๆ วูบไหวเล็กน้อย
เขาคิดว่าอย่างน้อยฮ่องเต้จะทรงทนถึงพรุ่งนี้ค่อยเรียกตัวซินไต้จ้าวเข้าวัง
ขันทีนำพระบัญชาไปยังสำนักฮั่นหลินย่วน
“ฮ่องเต้รับสั่ง ให้ไต้จ้าวซินมู่เข้าเฝ้า”
“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา”
“ซินไต้จ้าวตามข้ามา”
ซินโย่วลุกขึ้นเดินไปหาขันทีที่รอนางอยู่
พอขันทีถ่ายทอดราชโองการนำซินโย่วจากไป ไต้จ้าวในโถงไต้จ้าวฝั่งตะวันออกต่างสงสัย มายืนตรงหน้าไต้จ้าวที่อยู่ฝั่งตะวันตก บ้างก็ถามตรง ๆ บ้างก็ถามอ้อมค้อมไม่หยุด
“ซินไต้จ้าวคบหาง่ายไหม”
“เมื่อวานหลังซินไต้จ้าวเลิกงานนั่งรถม้าจวนองค์หญิงใหญ่ใช่หรือไม่”
…
ไต้จ้าวทุกคนต่างตอบคำสองคำ ก่อนจะหนีกลับโถงทำงานฝั่งตะวันตกของตนเอง
ผ่านไปครู่หนึ่ง จานปู่ไต้จ้าวก็ถอนหายใจ “ชีวิต”
ฉือไต้จ้าวสีหน้าแปลกไป พึมพำบทกวีใหม่ที่แต่งเมื่อคืนวานนี้
ส่วนฮว่าไต้จ้าวจ้องมองกระดาษเซวียนจื่อว่างเปล่าตรงหน้า คล้ายกำลังคิดวาดภาพคนที่เขาชำนาญ โครงกระดูกใบหน้าซินไต้จ้าวดูแล้วอ่อนโยนกว่าชายทั่วไปมาก ตามหลักควรจะหล่อเหลารูปงามยิ่งกว่านี้อีกสักหน่อย
“ฮว่าไต้จ้าว ท่านคิดอันใดอยู่” ฉีไต้จ้าวถาม
ทุกคนชินกับการเรียกขานกันและกันตามความชำนาญของแต่ละคน
“ข้ารู้สึกว่าซินไต้จ้าวน่าจะงามยิ่งกว่านี้อีกสักหน่อย” ฮว่าไต้จ้าวหลุดปากออกมา
คนอื่นๆ พากันค้อนใส่เขาทีหนึ่ง
คนผู้นี้เสียสติไปแล้ว!
ซินโย่วตามขันทีเข้ามาในตำหนักเฉียนชิงกง ตอนเห็นฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ เขากำลังอ่านฎีกาอยู่
เรียวตาโตยาว คิ้วดำดังหมึกวาด ผิวพรรณขาวแต่กำเนิด
มองดูใบหน้าที่คล้ายคลึงกับตนเอง ซินโย่วพลันอดคิดไม่ได้ว่าการที่นางหน้าตาเหมือนคนผู้นี้เช่นนี้ ไม่รู้ว่าตอนท่านแม่มองนาง จะเกิดความรู้สึกอยากฟาดนางสักทีหรือไม่
“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้วางฎีกาลง กวักเรียกซินโย่วเข้ามาใกล้ ประเมินมองแล้วก็หัวเราะเบาๆ ตรัสถามขึ้นว่า“เป็นอย่างไรบ้าง อยู่สำนักฮั่นหลินย่วนชินแล้วหรือยัง เริ่มคุ้นชินกับที่พักหรือไม่”
“กระหม่อมสบายดีทุกอย่างพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ถามคำถามอีกไม่น้อย ซุนเหยียนข้างๆ ทนรับฟังต่อไปไม่ไหวจริงๆ
คิดไม่ถึงเลยว่า ฮ่องเต้ถึงกับเป็นคนพูดจามากเช่นนี้
ในยามนี้เอง ขันทีก็รายงานว่าจังโส่วฝู่ขอเข้าเฝ้า
ตอนที่ 263 จวนซิ่วอ๋อง
ได้ยินว่าจังโส่วฝู่ขอเข้าเฝ้า ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็รู้สึกไม่พอพระทัยเล็กน้อย
เขายังคุยกับมู่เอ๋อร์ไม่จบ
แต่ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เป็นฮ่องเต้ที่ใส่ใจกับราชกิจมาก หลังจากลังเลเล็กน้อยก็แสดงท่าทีให้ขันทีไปส่งซินโย่ว
ตอนซินโย่วเดินออกมาก็ได้เห็นจังโส่วฝู่กำลังรออยู่
นี่คือเป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นบุคคลระดับสูงสุดในคณะมนตรี ครั้งแรกที่ได้เห็นก็รู้ว่าจังซวี่ที่กำลังเรียนอยู่ที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนหน้าตาเหมือนปู่ตนเอง
ซินโย่วประสานมือคำนับจังโส่วฝู่
“ท่านนี้คือ…”
“ท่านนี้คือซินไต้จ้าว” ขันทีนำทางตอบ
“ที่แท้ซินไต้จ้าวยังหนุ่มเพียงนี้” จังโส่วฝู่มองใบหน้าซินโย่ว เอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน
ทั้งสองคนพบปะกันตอนทักทายสั้นๆ เพียงเท่านี้ ซินโย่วเดินออกจากตำหนักมาก็หยุดลง “ข้ากลับไปเองได้ ไม่รบกวนกงกงแล้ว”
“ซินไต้จ้าวค่อยๆ เดินนะ”
ซินโย่วค่อยๆ เดินไปตามเส้นทางกลับสำนักฮั่นหลินย่วน
พอก้าวเข้าไปในโถงทำงานไต้จ้าว กลับไม่ถูกละเลยเหมือนก่อน สายตาหลายคู่หันขวับมามองพร้อมกัน
ซินโย่วชะงักฝีเท้า ส่งสายตามองกลับอย่างไม่แน่ใจ
ทุกคนถอนสายตากลับรวดเร็ว หันกลับไปทำงานของตนเอง
ซินโย่วกลับมองฮว่าไต้จ้าวอีกทีหนึ่ง
แปลกมาก
นางเห็นภาพ สองคนวิ่งไล่ตามกันชนเข้ากับแผงริมทางหนึ่ง เจ้าของแผงลอยริมทางรีบไล่ตามลื่นล้ม หมึก สีและพู่กันกระจายเต็มพื้น
ความเคราะห์ร้ายเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้นางเห็นมามาก หากจะกล่าวว่าเห็นภาพเหล่านี้แล้วก็ไม่ได้รู้สึกอันใด ก็คงไม่เกินไปนัก แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้นางงุนงงไปชั่วขณะ
เหตุใดเจ้าของแผงลอยในภาพที่เห็นไม่ใช่ฮว่าไต้จ้าว
ภาพที่นางเห็นมาแต่เล็กจนโตมากมายนับไม่ถ้วนสรุปความได้ว่า คนเคราะห์ร้ายในภาพที่เห็นจะต้องเป็นคนตรงหน้า
คนตรงหน้า…ในใจซินโย่วกระตุกวูบ ตั้งสติได้ทันที
ฮว่าไต้จ้าวแปลงโฉมเหมือนกับนาง
ตั้งแผงลอยยังต้องแปลงโฉมหรือ
ตอนซินโย่วมองฮว่าไต้จ้าวพลางครุ่นคิด หลายคนต่างสบตากันไปมา
หรือว่าซินไต้จ้าวแอบฟังฮว่าไต้จ้าววิพากษ์หน้าตาเขา?
ไม่น่านะ พวกเขาเห็นอยู่กับตาว่าซินไต้จ้าวตามขันทีไปแล้ว
แปลกจริง
จานปู่ไต้จ้าวทำนายเหรียญทองแดง ตอนใกล้เลิกงานพลันเอ่ยขึ้นว่า “ฮว่าไต้จ้าว ระยะนี้เจ้ามีเมฆดำปกคลุม เกรงว่าจะประสบเคราะห์ร้าย”
ฮว่าไต้จ้าวเห็นชัดว่าไม่เชื่อ “กว่าจะได้เลิกงานกลับบ้าน อย่าได้พูดจาทำลายบรรยากาศเช่นนี้”
“เหตุใดไม่เชื่อ…” จานปู่ไต้จ้าวเองก็ไม่โวยวาย ส่งสายตาหาเสียงสนับสนุนจากฉีไต้จ้าวกับฉือไต้จ้าว
ฉีไต้จ้าวแอบเบือนสายตาหนี ฉือไต้จ้าวเพียงแต่หัวเราะเบาๆ
ในใจซินโย่วกลับเกิดความรู้สึกสับสนในใจขึ้นมา
จานปู่ไต้จ้าวท่านนี้ บางทีอาจมีความสามารถแท้จริง
สำหรับการเตือนของจานปู่ไต้จ้าว หลายคนเห็นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่เกิดขึ้นประปราย ตอนเลิกงานก็เก็บของกลับกันอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ไต้จ้าวหลายคนฝั่งโถงตะวันออกมีท่าทางลังเลคิดสานสัมพันธ์กับซินโย่ว ซินโย่วแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เดินออกไปรวดเร็ว
คนของจวนซิ่วอ๋องรออยู่ด้านนอก พอเห็นซินโย่วออกมาก็รีบก้าวเข้าไปรับ คำนับนอบน้อม “ซินไต้จ้าว ซิ่วอ๋องสั่งให้ข้าน้อยมารอรับท่าน”
รองเจ้ากรมต้วนตั้งใจเลิกงานเร็วมารออยู่ พอซินไต้จ้าวที่ทุกคนเอ่ยถึงปรากฏตัวขึ้น ก็ทำให้เขาต้องขยี้ตาอย่างตกใจ
ซินไต้จ้าวท่านนี้คือโค่วชิงชิงปลอมตัวมาจริงหรือ
นี่มัน มองไม่ออกแม้สักนิด!
ไม่เพียงแต่หน้าตา แต่กิริยาท่าทาง ท่วงท่าการเดิน ชายหนุ่มชัดๆ!
รองเจ้ากรมต้วนจ้องมองซินโย่วเดินไปยังรถม้าไม่ไกลนัก ตกตะลึงแทบไม่อยากเชื่อ
เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นโค่วชิงชิง…
รองเจ้ากรมต้วนคิดเช่นนี้ แต่มิอาจหลอกตนเองว่าชายหนุ่มที่ได้เห็นเมื่อครู่ก็คือหลานสาวที่พักในจวนรองเจ้ากรมมาสี่ห้าปี แต่มีความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในห้วงความคิด เขาพลันรู้สึกหัวไวขึ้นมาในบัดดล มีอีกความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา โค่วชิงชิงที่พักอยู่จวนรองเจ้ากรมเป็นโค่วชิงชิงจริงหรือ
พอความคิดนี้ผุดขึ้นมา เขาก็ขนลุกขึ้นมาทันที เย็นเยียบไปถึงกระดูกสันหลัง
ตึก ตึก ตึก รองเจ้ากรมต้วนได้ยินเสียงหัวใจตนเองเต้นแรง
ความคิดนี้เหลวไหลเกินไปแล้ว เหนือความเป็นจริงเกินไปแล้ว แต่พอเกิดขึ้นก็ไม่อาจสลัดทิ้งไปได้
“รองเจ้ากรมต้วน เป็นอันใดไปหรือ สีหน้าย่ำแย่เช่นนี้” คนผู้หนึ่งเห็นรองเจ้ากรมต้วนสีหน้าซีดเผือดก็เอ่ยถามขึ้น
รองเจ้ากรมต้วนพลันตั้งสติได้ รีบกลบเกลื่อน “อาจเพราะกระทบไอร้อน ทำให้วิงเวียน เมื่อครู่ท่านนั้น…ก็คือซินไต้จ้าวหรือ”
เขายังทำใจไม่ได้ ถามย้ำอีกครั้ง
“ใช่”
สีหน้ารองเจ้ากรมต้วนยิ่งซีดเผือด
“รองเจ้ากรมต้วน ท่านดูแล้วอาการหนักอยู่บ้างนะ”
“หนักอยู่บ้าง…” รองเจ้ากรมต้วนสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง น้ำเสียงอ่อนแรง “ขออภัย ข้าขอตัวก่อน”
ซินโย่วนั่งนั่งอยู่ในรถม้าจวนซิ่วอ๋อง เลิกม่านขึ้นมองไปทางด้านหลังทีหนึ่ง
รถม้าค่อยๆ เคลื่อนไป กลุ่มขุนนางที่ถูกทิ้งไว้ด้านหลังยังไม่สลายตัวไป สายตานางมองไปที่รองเจ้ากรมต้วน
ดูท่า รองเจ้ากรมต้วนรู้เรื่องในเรือนหว่านฉิงแล้ว
วันนี้จึงทนไม่ไหวต้องมาดูสภาพนางในตอนนี้สักครั้ง ไม่แน่ว่าเริ่มสงสัยแล้วหรือยังว่านางมิใช่โค่วชิงชิง
ตอนซินโย่วตัดสินใจใช้สถานะคุณชายซิน ก็เคยคิดถึงเรื่องนี้ อย่างน้อยแปดส่วนก็มั่นใจว่ารองเจ้ากรมต้วนที่ถูกมัดมือชกให้ลงเรือโจรย่อมมิกล้าเอ่ยอันใด
ผลเลวร้ายที่สุดเมื่อรองเจ้ากรมต้วนไปเปิดโปงความลับ ผู้คนต่างรู้ว่าคุณหนูโค่วถูกตระกูลยายตนทำร้ายเสียชีวิต นางก็แค่กลับไปเป็นสถานะตนเองดังเดิม สละเส้นทางที่อาจดำรงอิสระเส้นทางสุดท้ายที่ตนเองเหลือทิ้งไว้
ม่านแพรไหมปล่อยลง ซินโย่วหยิบกระดาษแผ่นนั้นออกมาฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนจะเลิกม่านขึ้นปล่อยให้ปลิวไปกับสายลม
ไม่นานก็ถึงจวนซิ่วอ๋อง อาหารค่ำจัดขึ้นที่สวนดอกไม้กลางสระน้ำ
กล่าวว่าเชิญดื่มน้ำชา อย่างไรก็ไม่อาจขาดสุรา ซิ่วอ๋องรินสุราด้วยตนเองคารวะซินโย่ว “จอกนี้คารวะซินไต้จ้าว ซินไต้จ้าวผ่านอุปสรรคเหล่านี้มาได้ ตอนนี้นับว่าฟันฝ่าความขื่นขมจนได้ลิ้มรสความหวานแล้ว”
ซินโย่วจ้องมองสุราชั้นเลิศในมือ แค่นเยาะกับตนเอง “ท่านแม่เลี้ยงดูข้า อบรมข้า แต่กลับไม่รอให้ข้าได้กตัญญู ก็ถูกคนสังหาร ข้า…”
นางไม่ได้เอ่ยต่อ แต่กระดกสุราหมดจอก
“ซินไต้จ้าว โปรดระงับความเศร้าด้วย” ซิ่วอ๋องลังเลเล็กน้อย ก่อนลองเชิงถาม “ฮองเฮา…อยู่นอกวังเป็นอย่างไรบ้าง”
คำพูดนี้กล่าวออกไปแล้ว มือของข่งรุ่ยที่กำจอกสุราก็ชะงักเล็กน้อย
ซินโย่วสบตาซิ่วอ๋อง
ในแววตาทั้งสองข้างมีความอยากรู้อยู่เล็กน้อย
ในใจซินโย่วรู้สึกสงสัยและมองประเมินซิ่วอ๋อง แต่กระแสแห่งมิตรภาพที่กำจายออกมาจากรอบกายเขา ทำให้ไม่อาจปฏิเสธได้แม้แต่น้อย
“ท่านแม่อยู่นอกวัง…อิสระมาก” ซินโย่วเม้มปาก “ในหุบเขาล้วนเป็นคนของท่านแม่ ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ใช้ชีวิตราบรื่น ข้าคิดว่าจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป…”
มือหนึ่งวางบนหลังมือนาง ซินโย่วหยุดชะงัก
“ซินไต้จ้าว วันหน้าจะดีอย่างแน่นอน” ซิ่วอ๋องตบหลังมือซินโย่วปลอบใจน้ำเสียงอ่อนโยน
ซินโย่วส่งสายตามองผ่านมือข้างนั้นที่กุมมือนางไว้
เมื่อก่อนนางใช้สถานะชายหนุ่มอยู่ภายนอกจนชิน การแตะต้องสัมผัสระหว่างชายหญิงเป็นบางครั้งก็มิได้แสดงท่าทีผิดปกติ แต่ยามนี้กลับอดสงสัยไม่ได้ว่าซิ่วอ๋องไม่ตั้งใจหรือตั้งใจกันแน่
ดีที่ซิ่วอ๋องได้รับการดูแลมาอย่างสูงศักดิ์ สองมือเรียวยาว เทียบกับมือนางแล้วจึงไม่ได้แตกต่างกันมากเกินไปนัก
ซินโย่วชักมือกลับด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ประสานมือกล่าวว่า “ขอบคุณซิ่วอ๋องที่เป็นห่วง”
ซิ่วอ๋องยิ้มกล่าวว่า “มา ดื่มสุราว่ากันว่าก็เพื่อขจัดความทุกข์ วันนี้ข้าขอดื่มกับซินไต้จ้าวและน้องรุ่ย ไม่เมาไม่เลิกรา”
หลังดื่มไปสองจอก ซินโย่วก็โบกมือ “ขออภัย ดื่มไม่ไหวแล้ว…”
ซิ่วอ๋องยังคะยั้นคะยอต่อ แต่ก็เห็นใบหน้าแดงเล็กน้อยของชายหนุ่มเริ่มเอียงลงฟุบบนโต๊ะ