สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 268 มลทิน
ตอนที่ 268 มลทิน
ฮว่าไต้จ้าวยกพู่กันขึ้น เขียนบทกวีสองแถวลงบนที่ว่างบนภาพวาด
ท่องทำนองสูงส่งเหนือสามัญ ท่านรู้ฤา
ยามเหมันต์น้ำแข็งทับซ้อน เชิญชื่นชม
ลายมือต่างจากพลังเฉียบคมของเจ้ากรมตรวจสอบเหอ อักษรของฮว่าไต้จ้าวมีความงามอ่อนช้อยในแบบเมฆาเคลื่อนคล้อยสายน้ำไหลเอื่อย
ซินโย่วยกขึ้นชมอย่างละเอียดเปิดเผยแล้วก็เอ่ยชม “บทกวีดี อักษรงาม”
“น้องชายชอบก็ดี” ฮว่าไต้จ้าวฟังออกถึงความจริงใจที่เอ่ยชม ก็มีความรู้สึกดังพบเจอสหายรู้ใจ
“ท่านอามีฝีมือวาดภาพเช่นนี้ ไปประจำตำแหน่งในสำนักศึกษาหรือเป็นอาจารย์สอนลูกหลานคหบดีมีเงินได้ เหตุใดมาตั้งร้านริมทางกัน”
ฮว่าไต้จ้าวได้ยินก็ถอนหายใจ
เขาเคยคิดรุ่งเรืองก้าวไปบนเมฆา คิดไม่ถึงกลับตกต่ำลงบึงคู แล้วก็ปีนออกมาไม่ได้อีก
พอเห็นสายตาอยากรู้ของชายหนุ่ม ฮว่าไต้จ้าวแม้นอัดอั้นเต็มอกแต่ไม่อาจเอ่ย ได้แต่เอ่ยกลบเกลื่อน “ตั้งร้านริมทางดีที่อิสระ เดิมก็มิใช่เพื่อเงินทอง…”
เห็นฮว่าไต้จ้าวปากแข็ง ซินโย่วก็พอจะเข้าใจ
คนเช่นฮว่าไต้จ้าวถูกเรียกตัวเข้าประจำสำนักฮั่นหลินย่วน ก็คือรับตำแหน่งในวัง หากมาขายภาพวาดเปิดเผยเพื่อหาเงินทอง อาจนำภัยมาสู่ตัวได้ แต่เบี้ยหวัดก็ต่ำมาก ยังไม่มีพระราชทานพิเศษอีก เพื่อดำรงชีพให้อยู่รอด จึงได้แต่แอบมาตั้งร้านริมทางขายภาพวาด
มาถึงยามนี้ ความน่าสงสัยของฮว่าไต้จ้าวในใจซินโย่วก็ลดทอนลงมาก
มีคนเป็นหมากที่ไหนจะมีชีวิตที่ยากลำบากเช่นนี้
รอหมึกแห้งแล้ว ซินโย่วก็ม้วนภาพเก็บ วางเงินสองตำลึงก่อนจะหันหลังจากไป แต่ถูกฮว่าไต้จ้าวดึงไว้แน่น
“น้องชาย ให้มากไปแล้ว”
ซินโย่วยิ้มกล่าวว่า “ข้ายังรู้สึกว่าน้อยเกินไป ด้วยความสามารถวาดภาพของท่านอา ภาพนี้มีค่ายี่สิบตำลึงได้”
ฮว่าไต้จ้าวได้ยินก็อึ้งไปทันที พอตั้งสติได้อีกครั้ง ชายหนุ่มผู้นั้นก็เดินจากไปไกลแล้ว
“ซินไต้จ้าว…” ฮว่าไต้จ้าวกุมเศษก้อนเงินแข็งเยียบเย็นในมือไว้แน่น ยืนนิ่งมองตามทิศทางที่ซินโย่ว จากไปเป็นนาน
วันต่อมาซินโย่วก้าวเข้าไปในห้องโถงทำงานไต้จ้าว ก็มีหลายคนหันมามองพร้อมกับพยักหน้าทักทายตามปกติ ฮว่าไต้จ้าวเผยรอยยิ้มกว้างด้วยสัญชาตญาณก่อนจะรีบหุบทันที
ไม่นานขันทีในวังก็มาตามซินโย่วเข้าวัง
พอนางไปแล้ว จานปู่ไต้จ้าวก็รีบเขยิบไปตรงหน้าฮว่าไต้จ้าว มองซ้ายมองขวา
“นี่ท่านทำอันใด” ฮว่าไต้จ้าวขมวดคิ้ว
“แปลก แปลก” จานปู่ไต้จ้าวคิดสงสัยอย่างไม่เข้าใจ
“แปลกอันใด” การกระทำของจานปู่ไต้จ้าวดึงดูดความสนใจของฉือไต้จ้าว
ฉีไต้จ้าวเองก็หันมาจ้องมองเช่นกัน
จานปู่ไต้จ้าวจ้องมองฮว่าไต้จ้าวพลางพึมพำว่า “วันก่อนข้าทำนายไปอย่างนั้นว่าฮว่าไต้จ้าวจะประสบเคราะห์ แต่วันนี้เห็นแล้ว ไม่เพียงเคราะห์ร้ายหมดไป ยังมีลาภเล็กๆ อีกก้อนด้วย”
แววตาฮว่าไต้จ้าวมองจานปู่ไต้จ้าวพลันแปรเปลี่ยน
เขาคิดมาตลอดว่าเจ้าหมอนี้เป็นพวกลวงโลก คิดไม่ถึงว่าถึงกับแม่นดังเทพพยากรณ์!
พบว่าสหายร่วมงานมีความสามารถแท้จริง ท่าทีฮว่าไต้จ้าวก็ต่างไปจากเดิม “พี่จานปู่ไม่ได้ทำนายผิด ข้าเองเดิมจะโชคร้ายแล้ว แต่ปรากฏได้พบผู้เกื้อกูลท่านหนึ่งมาช่วยไว้…”
จานปู่ไต้จ้าวได้ยินก็เริ่มเขย่ากระดองเต่าทันที อ่านคำพยากรณ์เสร็จก็มองสีหน้าฮว่าไต้จ้าวอย่างหนักใจยิ่ง
“พี่จานปู่ หรือว่าข้ายังมีเรื่องโชคร้ายอีก”
“ไม่…” จานปู่ไต้จ้าวส่ายหน้า ลังเลครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “โอกาสที่พี่ฮว่าจะได้ก้าวสู่ความรุ่งเรืองไปบนเมฆา บางทีอาจเกี่ยวข้องกับผู้เกื้อกูลท่านนี้”
ฮว่าไต้จ้าวสะดุ้งในใจ
ฉือไต้จ้าวกับฉีไต้จ้าวเขยิบเข้ามาถามขึ้นว่า “พี่ฮว่า ผู้เกื้อกูลท่านนี้มีสถานะใดหรือ”
ฮว่าไต้จ้าวรีบส่ายหน้า “เพียงแค่พบหน้าชั่วครู่ ไม่กระจ่างชัด”
“เช่นนั้นก็ช่างน่าเสียดายแล้ว” ในบรรดาคนเหล่านี้ ฉือไต้จ้าวอายุน้อยที่สุด วาจามากที่สุด “พี่ฮว่า ข้าว่ารอยยิ้มที่ท่านยิ้มให้ซินไต้จ้าวเมื่อครู่ดูสนิทสนมมากนะ”
“แค็กๆ ล้วนเป็นสหายร่วมงาน วันๆ ก้มหน้าไม่พบ เงยหน้าก็ต้องพบ เอาแต่ทำเป็นมองไม่เห็นก็คงไม่ดี”
ตอนนี้ในใจฮว่าไต้จ้าว ซินโย่วก็คือคนมีคุณธรรม นิสัยดี ยังรู้เรื่องภาพวาด ฮว่าไต้จ้าวไม่อยากหลอกตนเองว่าเขาไม่ดี
“เกรงก็เพียงแต่ว่าพวกเราให้การต้อนรับดี จะทำให้เขาเข้าใจผิดว่าพวกเราคิดตะกายเข้าหาเพื่อผลประโยชน์น่ะสิ”
ฮว่าไต้จ้าวหลุดออกมาทันที “ซินไต้จ้าวมิใช่คนเช่นนั้น”
“หืม?” ทุกคนหันขวับไปมองเขา
“ข้าวาดรูปคนมานานหลายปี คุ้นเคยกับการสังเกตแววตาคน แววตาซินไต้จ้าวกระจ่างซื่อตรง ย่อมมีคุณธรรมไม่เลว”
“พี่ฮว่า นี่ท่านมิใช่มองคนจากหน้าตาหรือนี่” ฉือไต้จ้าวส่ายหน้า
“ไม่เชื่อก็รอดูวันหน้า”
ฮว่าไต้จ้าวเชื่อว่า คนคนหนึ่งจะมีนิสัยอย่างไร อยู่ร่วมกันเช้าค่ำนานวันย่อมไม่อาจปิดบัง ถึงตอนนั้นสหายร่วมงานเหล่านี้ก็จะพบความดีของซินไต้จ้าวเอง
ไม่คาดว่าคำพูดฮว่าไต้จ้าวผ่านไปไม่กี่วัน ก็มีข่าวลือว่า ท่านซงหลิงคืออีกคนหนึ่ง ซินมู่ที่เข้ามาประจำในสำนักฮั่นหลินย่วนฐานะซูไต้จ้าวเป็นพวกแอบอ้าง
ซินโย่วปรากฎตัวในสถานะซินมู่ เริ่มแรกไม่ได้คิดปกปิดว่านางมิใช่ท่านซงหลิง เรื่องนี้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงรู้ เมิ่งจี้จิ่วรู้ หัวหน้าเซี่ยสำนักฮั่นหลินย่วนเองก็รู้
ทว่าคนเหล่านี้รู้ดีว่าไม่อาจยับยั้งข่าวลือ ปากคนยิ่งพูดก็ยิ่งขวางไม่อยู่ เทียบกับบรรดาคนระดับสูงที่รู้ความจริงกันก่อนหน้านี้ ข่าวของคนปกติทั่วไปล้วนมีที่มาจากการได้ยินมาแล้วก็แพร่สะพัดกันออกไป
ในการนี้พวกที่โมโหที่สุดก็คือนักเรียนสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน
ตอนเลิกเรียนก็มีนักเรียนหลายคนพุ่งไปร้านหนังสือชิงซง ล้อมผู้ดูแลร้านหูเอาไว้
“ผู้ดูแลร้านรู้ไหม มีคนปลอมตัวเป็นท่านซงหลิง อาศัยความสามารถของท่านซงหลิงเข้าไปดำรงตำแหน่งในสำนักฮั่นหลินย่วน!”
ผู้ดูแลร้านหูสีหน้างุนงง “สำนักฮั่นหลินย่วนอันใด ข้าเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา ไม่รู้เรื่องพวกนี้”
“คุยกับเขาไม่มีประโยชน์ ไป ไปหาซินไต้จ้าว” นักเรียนที่นำมาก็คือจังซวี่หลานชายจังโส่วฝู่
ระหว่างเดินทางไปยังสำนักฮั่นหลินย่วน ก็เริ่มมีคนกังวล “พี่จัง ได้ยินว่าคนผู้นั้นคือบุตรบุญธรรม ฮองเฮา ฝ่าบาทมักทรงเรียกตัวเข้าเฝ้า”
จังซวี่แค่นเยาะ “แล้วอย่างไร พวกเราก็ไม่ได้คิดจะจัดการเขา เพียงแต่ถามเขาว่าหน้าหนามาจากไหนแอบอ้างเป็นท่านซงหลิง พวกเจ้ากับข้าก็อ่าน ‘บันทึกตะวันตก’ เหมือนกัน เห็นท่านซงหลิงเป็นผู้ยิ่งใหญ่ หรือว่าทนเห็นคนแอบอ้างหลอกลวงต้มตุ๋นได้ เฮอะ หากพวกเจ้ากลัวก็กลับไป ข้าไปเอง แม้ถูกฝ่าบาททรงด่า ข้าก็รับไหว!”
กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์ นักเรียนที่มาขลุกกับจังซวี่เป็นคนเช่นไร แค่คิดก็รู้ได้ พอได้ยินจังซวี่เอ่ยด้วยอารมณ์เช่นนี้ ทุกคนก็ไม่เอ่ยอันใดอีก ตรงไปสำนักฮั่นหลินย่วนอย่างฮึกเหิม
เรื่องข่าวลือของซินไต้จ้าวย่อมลือไปถึงสำนักฮั่นหลินย่วน ตอนซินโย่วได้เวลาเลิกงานก็เดินออกไป ไต้จ้าวหลายคนห้องฝั่งตะวันออกก่อนหน้านี้ที่เคยอยากจะสานสัมพันธ์กับนาง ก็พากันหลบพร้อมทำสีหน้าดูแคลน
สถานที่อื่นก็แล้วไป สำนักฮั่นหลินย่วนเป็นสถานที่เลี้ยงดูผู้มีความสามารถของราชวงศ์ต้าซย่า เป็นแหล่งรวมของผู้มีความรู้ความสามารถ การที่มีคนเช่นนี้ปะปนเข้ามา เป็นเรื่องน่าโมโหเสียจริง
ซินโย่วเดินออกไปด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ไม่สนใจสายตาเหล่านี้ ความจริงในใจนางกลับรู้สึกเช่นนี้ก็ไม่เลว
ใต้เท้าเฮ่อได้ลายมือของจ้าวหลางจงมาแล้ว ไม่เหมือนลายมือในจดหมายโจวทง แต่นางยังไม่มีโอกาสได้พบตงเซิงคนที่สามนี้ด้วยตนเอง
ก้าวเข้ามาสู่วังวน นางไม่กลัวกระแสคลื่นลม เพราะหากคลื่นลมสงบก็จะทำให้คนไม่มีโอกาสลงมือ ข่าวลือที่มุ่งโจมตีนาง แสดงให้เห็นชัดว่ามีกลุ่มอิทธิพลอยู่เบื้องหลังจริง พอเห็นนางเข้าวังมาอยู่ข้างพระวรกายก็เริ่มร้อนใจแล้ว
“ออกมาแล้วหรือ”
เสียงชายหนุ่มแว่วมากระทบหูซินโย่ว นางหันไปตามเสียงก็เห็นชายหนุ่มหลายคนกระโดดออกมาขวางทาง