สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 276 ออกจากเมืองหลวง
จานปู่ไต้จ้าวพลันถูกฮว่าไต้จ้าวคว้าตัวไว้ก็รู้สึกงงเล็กน้อย
ซินโย่วเองก็คาดไม่ถึงอยู่บ้าง
ทั้งสองคนสบตากันไปมาครู่หนึ่ง ฮว่าไต้จ้าวเอ่ยด้วยท่าทางเก้อเขิน “ซินไต้จ้าว พี่จานปู่ทำนายได้แม่นยำมาก”
เมื่อก่อนเขาก็ไม่เชื่อ จนกระทั่งเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้
ซินโย่วยิ้มละไมกล่าวว่า “ขอบคุณพี่ฮว่าที่เตือน ใกล้ออกเดินทางก็ควรตรวจสอบโชคชะตาดีร้ายสักหน่อย”
ฮว่าไต้จ้าวแอบถอนหายใจ
ยังดีที่ซินไต้จ้าวไม่ได้ปฏิเสธ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่รู้จะหาทางลงเช่นไร
พอหันกลับมาคิดดู ก็รู้สึกว่าซินไต้จ้าวนิสัยใสซื่อบริสุทธิ์ เขาจึงอดจุ้นจ้านไม่ได้ เขาปรารถนาให้หนุ่มน้อยที่อายุมากไปกว่าบุตรชายเขาไม่เท่าไรผู้นี้ปลอดภัยราบรื่น
“ไม่ทราบว่าจานปู่ไต้จ้าวสะดวกหรือไม่”
เห็นหนุ่มน้อยยิ้มละไม จานปู่ไต้จ้าวย่อมไม่อาจปฏิเสธ ส่งเหรียญทองแดงให้ซินโย่วทอย
แม้ซินโย่วแสร้งทำตัวเป็นนักพยากรณ์หลายครั้ง แต่ไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้จริงๆ หยิบเหรียญทองแดงที่จานปู่ไต้จ้าวบอกให้ทอย ทอยไปหกครั้ง จากนั้นจานปู่ไต้จ้าวก็เริ่มพยากรณ์
จานปู่ไต้จ้าวมองดูผลการเสี่ยงทาย ปากก็พึมพำ “เกิ่นบน ตุ้ยล่าง[1]…”
“พี่จานปู่ อย่างไรหรือ” ฉือไต้จ้าวถามอย่างอยากรู้
“จากคำพยากรณ์ การเดินทางไปของซินไต้จ้าวครั้งนี้จะประสบเหตุเสียหาย หากรู้จักปรับเปลี่ยนให้กลายมาเป็นประโยชน์ได้จะถือว่าดียิ่งนัก สรุปดูแล้วมีทั้งอันตรายและปลอดภัย ได้รับผลสำเร็จยิ่งใหญ่…”
“กลับมาปลอดภัยก็พอ” ฮว่าไต้จ้าวยิ้มเอ่ยขึ้น
ในความคิดเขา ซินไต้จ้าวไม่ขาดแคลนเงินทองและอนาคต มีชีวิตรอดปลอดภัยสำคัญที่สุด
ซินโย่วเองก็ยิ้ม “ใช่ รอดปลอดภัยก็พอ ขอบคุณปู่ไต้จ้าวที่ทำนายให้ข้า รอข้ากลับมาจะเลี้ยงสุราทุกท่าน”
ความจริงเขายังมีคำพูดกล่าวไม่หมด การเดินทางไปของซินไต้จ้าวครั้งนี้อาจมีเรื่องเนื้อคู่
หรือว่าจะพาภรรยากลับมา
แต่ซินไต้จ้าวไปรับโลงพระศพฮองเฮากลับเมืองหลวง จะเหลวไหลเช่นนี้ได้หรือ แต่คำพยากรณ์กลับแสดงผลชัดเจน และการเดินทางของซินไต้จ้าวครั้งนี้จะสร้างชื่อเสียงโด่งดังอย่างมาก
จานปู่ไต้จ้าวไม่เหมือนกับฮว่าไต้จ้าวที่เข้าใกล้ซินโย่วด้วยความจริงใจ เขารักษาท่าระยะห่างกับสหายร่วมงานสถานะพิเศษผู้นี้ ไม่เข้าใกล้ไม่ล่วงเกิน คำพูดไม่พึงใจย่อมไม่เอ่ยออกไป
เอาละๆ รอซินไต้จ้าวกลับมา ปริศนานี้ก็จะคลี่คลาย
ซินโย่วก้าวออกจากที่ทำการก็เห็นพ่อบ้านจวนองค์หญิงใหญ่มารออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว “คุณชายซิน องค์หญิงใหญ่รอท่านอยู่ที่ร้านน้ำชาด้านหน้า”
ซินโย่วพยักหน้า ตามพ่อบ้านไปร้านน้ำชา
“คารวะเสด็จอา”
องค์หญิงใหญ่เจาหยางได้ยินซินโย่วเรียกขานเช่นนี้ก็ดีใจ แต่พอคิดว่าเด็กคนนี้จะต้องเดินทางไกลพรุ่งนี้แล้ว ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ “ข้าเพิ่งรู้ว่าพรุ่งนี้เจ้าจะเดินทางออกจากเมืองหลวง ไม่รู้ว่าเจ้ามีธุระต่อหรือไม่ จึงมารอพบเจ้าที่นี่ด้วยตนเอง”
“ทำให้เสด็จอาเป็นห่วงแล้ว”
องค์หญิงใหญ่เจาหยางถอนหายใจ “ข้าเป็นห่วงจริงๆ แต่เรื่องที่เจ้าต้องการทำก็ไม่อาจขัดขวางได้ เสด็จพี่ตรัสว่าครั้งนี้ฉางเล่อโหวเดินทางไปกับเจ้า แม้ฉางเล่อโหวอายุยังน้อย แต่มีความสามารถที่ไว้ใจได้ เจ้าต้องรับฟังข้อเสนอของเขาให้มาก”
ซินโย่วพยักหน้ารับฟังคำพูดกำชับขององค์หญิงใหญ่เจาหยาง
“รีบไปรีบกลับ ทุกอย่างเน้นความปลอดภัยไว้เป็นอันดับแรก เมืองหลวงมีคนมากมายรอเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัย”
“หลานเข้าใจแล้ว ขอเสด็จอาวางพระทัย”
องค์หญิงใหญ่เจาหยางกวาดตามองไปที่พ่อบ้านที่ประตูทีหนึ่ง ไม่นานก็มีคนสองคนเดินเข้าประตูมา เป็นชายหนุ่มสองคนรูปร่างสูง อายุราวยี่สิบกว่า แววตาส่องประกาย
“คารวะองค์หญิงใหญ่” ชายหนุ่มสองคนคำนับพร้อมกัน
องค์หญิงใหญ่เจาหยางเอ่ยว่า “ทั้งสองคนเป็นผู้คุ้มกันจวนองค์หญิงใหญ่ ฝีมือดี ซื่อสัตย์ภักดี ให้พวกเขาติดตามเจ้าเดินทางไปครั้งนี้ด้วย”
ซินโย่วมองออกว่าผู้คุ้มกัน น่าจะเป็นจำพวกปฏิบัติหน้าที่ไม่คำนึงชีวิตตนเอง
นางลังเลเล็กน้อย ก่อนรับน้ำใจขององค์หญิงใหญ่เจาหยาง “ขอบพระทัยเสด็จอาพ่ะย่ะค่ะ”
“วันหน้าคุณชายซินก็คือเจ้านายพวกเจ้า คำนับคุณชาย” องค์หญิงใหญ่เจาหยางมองชายหนุ่มสองคนแล้วก็เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
ทั้งสองคนคุกเข่าลงข้างหนึ่ง “คารวะคุณชาย”
“ทั้งสองท่านไม่ต้องมากพิธี ไม่ทราบว่าเรียกขานอย่างไร”
ทั้งสองคนตอบพร้อมกัน “ขอคุณชายตั้งชื่อด้วยขอรับ”
ซินโย่วอดมองไปทางองค์หญิงใหญ่เจาหยางทีหนึ่งไม่ได้
องค์หญิงใหญ่เจาหยาง ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “พวกเขาสองคนได้รับการคัดเลือกมาจากกลุ่มผู้คุ้มกัน ก่อนหน้านี้ล้วนเรียกขานด้วยหมายเลข เจ้าตั้งชื่อให้พวกเขาก็แล้วกัน”
ซินโย่วไม่ใช่คนนิสัยมากพิธี ครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยว่า “คนซ้ายชื่อเชียนเฟิง คนขวาชื่อผิงอัน”
ได้ยินว่าอีกคนชื่อ “ผิงอัน(แปลว่าปลอดภัย)” องค์หญิงใหญ่เจาหยางก็รับรู้ถึงคำว่า “เชียนเฟิง(แปลว่าพันแรงลม)” ได้ทันที
“กางใบเรือแล่นตามลม เดินทางสวัสดิภาพ ปลอดภัยตลอดเส้นทาง ชื่อดี”
“ขอบคุณคุณชายที่มอบชื่อให้” ชายหนุ่มทั้งสองลงคุกเข่าขอบคุณ
ตอนซินโย่วกลับที่พัก ข้างกายก็มีผู้คุ้มกันเพิ่มมาสองคน
เช้าวันต่อมา ซินโย่วเข้าวังพร้อมกับเฮ่อชิงเซียว ทูลลาฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ออกเดินทาง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงกำชับอีกครั้ง “ชิงเซียว ความปลอดภัยของซินมู่มอบให้เจ้าแล้ว อย่าได้ทำให้เราผิดหวัง”
“กระหม่อมจะต้องไม่ทำให้ฝ่าบาททรงผิดหวังพ่ะย่ะค่ะ”
ตอนออกจากวัง ขบวนคนและรถเตรียมพร้อมแล้ว
เฮ่อชิงเซียวคัดคนมีฝีมือจากกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินมาสิบคน ข้างกายซินโย่วมีผู้คุ้มกันที่องค์หญิงใหญ่มอบให้อีกสองคน
เห็นเฮ่อชิงเซียวกวาดตามองทั้งสองคน ซินโย่วก็แนะนำว่า “องค์หญิงใหญ่มอบให้ข้า เชียนเฟิงกับผิงอัน”
เฮ่อชิงเซียวได้ยินก็เดาความนัยที่แฝงอยู่ในชื่อได้ ตอนขี่ม้าคู่ไปกับซินโย่วก็เอ่ยว่า “ปีนี้ทางใต้น้ำไหลหลากมามาก การเดินทางครั้งนี้พวกเราใช้เส้นทางบกเป็นหลัก ก็อาจลำบากเจ้าสักหน่อยแล้ว”
ซินโย่วกุมบังเหียนยิ้มกล่าวว่า “ลำบากแค่นี้ไม่กระไรนัก”
ปีที่แล้วในตอนนี้ นางเพิ่งสูญเสียครอบครัวไป เดินทางตัวคนเดียวจากหว่านหยางมาถึงเมืองหลวง ตอนนี้มีผู้ร่วมเดินทาง มีม้าดี ไหนเลยจะลำบาก
พอออกจากเมืองหลวง ทั้งขบวนก็เร่งความเร็วขึ้น เสียงฝีเท้าม้าควบดังพร้อมฝุ่นตลบ คนเดินทางผ่านไปมาพากันเหลือบมอง
ในวังหลวง ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรฎีกาได้ครึ่งใหญ่ ก็ทรงครุ่นคิดเหม่อลอยไปไกล
ยามนี้มู่เอ๋อร์คงถึงสถานีพักม้าแล้วกระมัง
“วันนี้ร้อนกว่าสองวันก่อนใช่หรือไม่”
ซุนเหยียนรีบเอ่ยว่า “ร้อนกว่านิดหน่อยพ่ะย่ะค่ะ บ่าวให้คนเติมน้ำแข็งในกะละมังสักก้อน?”
“ไม่ต้อง” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ลุกขึ้นเดินวน รับสั่งว่า “เรียกฮว่าไต้จ้าวเข้าวัง”
ซุนเหยียนสีหน้าเป็นปกติ เพราะในใจเข้าใจดีว่า ฮ่องเต้ทรงคิดถึงซินไต้จ้าวแล้ว!
คนเรามักเป็นเช่นนี้ ทันทีที่สนใจผู้ใดผู้หนึ่ง ก็จะอดใส่ใจคนทีที่เกี่ยวข้องกับคนผู้นั้นไม่ได้
ห้องโถงทำงานไต้จ้าวฝั่งตะวันออกในสำนักฮั่นหลินย่วน ขุนนางกำลังทำงานอยู่ แต่ขุนนางทางห้องฝั่งตะวันตกว่างจนราแทบขึ้น
“ก่อนหน้านี้ในวังส่งคนมาเรื่อยๆ แม้ว่าไม่ได้มาหาพวกเรา แต่ก็รู้สึกแปลกใหม่ ตอนนี้เริ่มนับมดกันอีกแล้ว”
ฉือไต้จ้าวเพิ่งถอนหายใจได้ไม่นาน ขันทีที่ทุกครั้งมานำซินไต้จ้าวเข้าวังก็มาถึง
“เบิกตัวฮว่าไต้จ้าว หวาอันฝูเข้าเฝ้า”
พอถ่ายทอดรับสั่งจบ ทุกคนพากันมองตาค้าง
“แค็ก แค็ก ” ขันทีส่งเสียงไอเตือน
ฮว่าไต้จ้าวรีบคุกเข่าลงขอบพระทัย ท่าทางเหมือนอยากถามขันทีแต่ไม่กล้าถาม
พวกฉือไต้จ้าวเองก็เผยสีหน้าไม่แตกต่างกัน
ขันทีก็ยินดีที่ได้แสดงน้ำใจ ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้ซินไต้จ้าวทูลฝ่าบาทว่าฮว่าไต้จ้าวชำนาญวาดภาพคน… ไม่ทราบว่าขนมหวานฮว่าไต้จ้าวซื้อมาจากร้านใด”
เห็นฮว่าไต้จ้าวซาบซึ้งน้ำตาแทบร่วง ขันทีก็เร่งว่า “ฮว่าไต้จ้าว รีบหน่อย ฝ่าบาททรงรออยู่”
ฉือไต้จ้าวมองตามฮว่าไต้จ้าวที่เดินตามขันทีจากไปไกลแล้วก็พึมพำว่า “ถึงกับเป็นเพราะขนมหวานชิ้นนั้น…”
[1] ชื่อเรียกลักษณะเส้นขีดแบบปากว้าที่มีสัญลักษณ์เป็นเส้นขีดๆ ทั่วไปจะมีสามเส้นลักษณะต่างกัน