สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 279 โจรภูเขา
ตอนที่ 279 โจรภูเขา
ซินโย่วเอ่ยเช่นนี้ ทำให้ชายวัยกลางคนนิ่งอึ้งไปทันที
เขาสังเกตเห็นนานแล้วว่าชายหนุ่มผู้นี้ก็คือหนึ่งในหัวหน้าของขบวนนี้ แต่ยามปกติทั่วไป คนเป็นหัวหน้าล้วนอายุมากกว่า หรือว่าเขามองผิดไป
ชายวัยกลางคนอดมองไปทางเฮ่อชิงเซียวไม่ได้
ชายหนุ่มผู้นี้รูปงามไม่เป็นรองผู้ใด สง่าราศีเหนือสามัญ มองอย่างไรก็ไม่เหมือนคนที่รอรับคำสั่งผู้อื่น
เฮ่อชิงเซียวได้ยินซินโย่วเอ่ยเช่นนี้ก็พยักหน้าให้ชายวัยกลางคนเล็กน้อย “ขออภัยด้วย”
ชายวัยกลางคนยังคงไม่ยอม “น้องชาย…”
“ท่านพ่อ แล้วไปเถอะ พวกเราไปกันเอง” ชายหนุ่มคว้าแขนชายวัยกลางคน
ชายวัยกลางคนยังคิดเอ่ยต่อ แต่เห็นบุตรชายใบหน้าบึ้งตึง ก็ประสานมือให้เฮ่อชิงเซียว “น้องชาย รบกวนแล้ว”
สองพ่อลูกกลับไปยังขบวนรถตน ชายหนุ่มกระซิบเบาๆ แสดงความไม่พอใจ “เห็นชัดว่าคนเขาไม่ยินดี เหตุใดท่านพ่อต้องไปวุ่นวายด้วย”
นี่เป็นการออกเดินทางมากับขบวนพ่อค้าครั้งแรกของชายหนุ่ม ชายวัยกลางคนมองดูบุตรชายอ่อนประสบการณ์ ก็อธิบายอย่างใจเย็น “คนที่พวกเขาพี่น้องพามาด้วยรูปร่างสูงใหญ่กำยำ แววตาคมกริบ เห็นชัดว่าฝีมือดี เดินทางด้วยกันก็ยิ่งปลอดภัย”
“พวกเราเองก็พาผู้คุ้มกันมาด้วยนี่ จำนวนคนก็มากกว่าพวกเขามาก” ชายหนุ่มฮึดฮัดไม่ยอม
แน่นอนเขารู้ว่าคนยิ่งมากยิ่งดี แต่คนเราพบกันแค่เพียงครั้งเดียวจะตามไปเกาะหนึบ เสียหน้าเพียงใดกัน
ชายวัยกลางคนไม่ได้คุยกับบุตรชายอีก ส่งสายตามองไปก็เห็นทั้งขบวนขึ้นขี่ม้าจากไปอย่างรวดเร็ว เวลาเพียงชั่วพริบตาก็วิ่งไปไกลแล้ว
“พวกเราก็ไปกันเถอะ”
พอชายวัยกลางคนสั่งการ ขบวนพ่อค้าก็เก็บของออกเดินทาง
ขบวนของซินโย่วขี่ม้าเร็วกว่าขบวนพ่อค้ามาก เดินทางรวดเร็วมาได้พักหนึ่งก็หันไปมองทางแยก
เพราะมีสายของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินมาสำรวจก่อน พวกคนเดินทางก็เดินไปบนเส้นทางขวา อาชาดีวิ่งไปบนเส้นทางได้พักหนึ่ง ซินโย่วก็จ้องมองตรงหน้าเขม็ง แววตาเริ่มเคร่งเครียด
สองข้างทางล้วนเป็นหน้าผา ต้นไปรกครึ้มเหมาะแก่การซ่อนตัว ภาพเหมือนกับในภาพที่เห็น
นางมองพวกเฮ่อชิงเซียวทีหนึ่ง แม้ว่าไม่เห็นภาพเปื้อนโลหิต แสดงให้เห็นว่าพวกตนเองผ่านทางไปได้อย่างปลอดภัย แต่เรื่องนี้มีความสำคัญเกี่ยวพันถึงชีวิต ยังคงตัดสินใจเตือนเฮ่อชิงเซียว
เฮ่อชิงเซียวกลับเอ่ยก่อน “เส้นทางด้านหน้า ทุกคนระวังกันหน่อย”
สภาพพื้นที่ตรงนั้นเหมาะแก่การซุ่มโจมตีมาก
พอเฮ่อชิงเซียวเอ่ยเตือน ซินโย่วก็ไม่ได้เอ่ยอันใดอีก
แม้ฝ่ายตนเองไม่มาก แต่ก็ล้วนเป็นยอดฝีมือ หากเตรียมตัวล่วงหน้า การหลบหินที่ร่วงลงมาจากที่สูงก็พอทำได้
ยามนี้เองที่หน้าผาด้านหนึ่ง คนที่ซุ่มอยู่ในพุ่มไม้คนหนึ่งเอ่ยถามหัวหน้า “หัวหน้าหก จะลงมือไหม”
“ลงมือบ้าบอเจ้าสิ! คนพวกนั้นล้วนขี่ม้า ความเร็วสูง ปล่อยหนีไปได้คนหนึ่งยุ่งตายชัก แม้ทุกคนหนีไม่รอด เจ้าจะรอกินเนื้อม้าหรือไง”
คนที่ถามถูกด่าเป็นชุด ได้แต่เงียบไม่ส่งเสียงต่อ
“ย่ะ!” ม้าสิบกว่าตัววิ่งทะยานมา ไม่นานก็ผ่านเส้นทางนี้ไป
“ใต้เท้าเฮ่อ บนภูเขาทั้งสองข้างมีคนซ่อนตัวอยู่ ข้าเหลือบมองเห็นโดยไม่ตั้งใจเมื่อครู่นี้” พอวิ่งมาได้ระยะทางหนึ่ง ซินโย่วก็ผ่อนความเร็วลง “เคราะห์เลือดตกยางออกของขบวนพ่อค้าเหล่านี้น่าจะเกิดที่นั่น”
เฮ่อชิงเซียวกระชากบังเหียน คนด้านหลังก็หยุดตาม
“คุณชายใหญ่ เป็นอันใดไปหรือ” หวงเฉิงถาม
“ทิ้งสองคนเฝ้าม้าที่นี่ไว้ คนอื่นๆ ตามข้ากลับไป…” เฮ่อชิงเซียวสั่งการ
ขบวนพ่อค้ามีสินค้าทำให้เดินทางช้า ตอนนี้เห็นสองข้างทางจากที่รกร้างกลายเป็นหน้าผาสูง ชายวัยกลางคนก็รู้สึกตื่นกลัวอย่างบอกไม่ถูก
“ทุกคนระวังหน่อย”
ชายหนุ่มรู้สึกบิดาเคร่งเครียดเกินไป “กลุ่มคนก่อนหน้านี้ก็ผ่านไปจากทางนี้ ไม่มีเรื่องอันใดหรอก”
ยามนี้ต้นไม้บนเขารกชัฏ โจรภูเขาหลบซ่อนตัวอยู่หลังก่อนหินใหญ่เป็นแถว มองดูขบวนพ่อค้าที่เริ่มใกล้เข้ามาพร้อมกับแสยะยิ้มบิดเบี้ยว “พี่น้อง เตรียมพร้อมแล้วหรือยัง แกะอ้วนมาแล้ว!”
ขบวนพ่อค้ายิ่งใกล้เข้ามา มองจากที่สูงลงมาก็จะได้เห็นรอยกดลึกบนพื้นดินที่ล้อรถเคลื่อนผ่าน ทุกอย่างนี้เป็นการบอกบรรดาโจรภูเขาอย่างไม่ต้องสงสัยว่านี่คือเป้าหมายที่คุ้มค่าแก่การลงมือ
เห็นขบวนพ่อค้าเข้ามาในเส้นทาง โจรภูเขาผู้หนึ่งก็ส่งเสียงนกร้อง
นี่คือสัญญาณนัดแนะให้ลงมือ
ผืนป่ารกร้าง เสียงนกเสียงลิงดังตลอดเวลา เสียงนกนี้จึงไม่ได้ทำให้ขบวนพ่อค้าระวังตัว
โจรภูเขาผู้หนึ่งจะเข้าไปผลักก้อนหินใหญ่ลงมาด้วยแววตาตื่นเต้น
ขณะที่มือเขาแตะก้อนหิน ร่างก็พลันแข็งทื่อ ส่งเสียงร้องโหยหวน
ขบวนพ่อค้าด้านล่างพากันวิ่งกันอลหม่านวุ่นวายทันที
“เกิดอันใดขึ้น?”
“มีคนดักซุ่ม!”
“ถอย รีบถอย!”
เสียงตุ้บดังขึ้น ศพหนึ่งร่วงตกลงมาบนเส้นทางภูเขา
ชายวัยกลางคนไม่สนใจสินค้า คว้ามือบุตรชายวิ่งหนีกลับ
สองพ่อลูกวิ่งไปได้ระยะทางหนึ่งก็หันกลับมา ชายหนุ่มตาไวชี้ไปที่หนึ่ง “ท่านพ่อ ท่านดู ด้านบนมีคน!”
ยามนี้เองคนในขบวนพ่อค้าทั้งหมดก็วิ่งกลับไปหาชายวัยกลางคน ทิ้งเพียงรถและม้าไว้ ด้านบนของสองข้างเส้นทางมีพุ่มไม้บดบังทำให้มองเห็นไม่ชัด จากนั้นก็มีอีกสามคนร่วงลงมา หนึ่งในนั้นตกลงบนรถแล้วก็แน่นิ่งไป เห็นชัดว่าก่อนตกลงมาก็ตายสนิทแล้ว
“ท่านพ่อ งะ เงียบไปแล้ว” เดิมชายหนุ่มที่ยังมีอารมณ์แบบเด็กน้อยเอาแต่ใจอยู่ ยามนี้กุมแขนชายวัยกลางคนแน่นใกล้จะร้องไห้แล้ว
ชายวัยกลางคนเหงื่อเย็นเต็มแผ่นหลัง สีหน้าขาวซีดยิ่งกว่ากระดาษ
เจอโจรดักปล้นเข้าแล้วจริงๆ!
ตั้งแต่ตอนถูกบีบให้เปลี่ยนเส้นทาง ในใจเขาก็เริ่มไม่สบายใจแล้ว เห็นสภาพพื้นที่ถอยยากนี้แล้วก็ยิ่งใจเต้นแรง ลางสังหรณ์ถูกต้องดังคาด!
“ท่านพ่อ พวกเขาเป็นโจรมาดักปล้น? หรือว่าขัดแย้งกันภายใน”
“ไม่ใช่ขัดแย้งกันภายใน…” ชายวัยกลางคนพลันคิดขึ้นมาได้รีบก้าวไปด้านหน้าสองสามก้าว
“ท่านพ่อ ท่านทำอะไรน่ะ” ชายหนุ่มรีบดึงบิดาตนไว้
ชายวัยกลางคนเงยหน้าตะโกนถามขึ้นว่า “ใช่ผู้มีพระคุณที่หยุดพักใต้ต้นไม้ริมทางก่อนหน้านี้หรือไม่ ”
ชายหนุ่มคว้ามือบิดาไว้ไม่ยอมปล่อย เผยสีหน้าตกใจ
ท่ามกลางความเงียบ นกร้องตกใจกระพือปีกบินหนี
พวกซินโย่วอาศัยคว้าพุ่มไม้ไถลลื่นลงจากเนินเขา
แววตาชายวัยกลางคนส่องประกายวาบ
เป็นคนเหล่านั้นจริงๆ!
เขารีบเดินไปประสานมือคำนับเฮ่อชิงเซียวนอบน้อม “ขอบคุณผู้มีพระคุณ ช่วยชีวิตพวกเราไว้”
แม้พวกเขาขบวนพ่อค้ามียี่สิบสามสิบคน แต่สถานที่เช่นนี้ทันทีที่ถูกโจมตี ก็ไร้ที่หลบ ต้องเสียหายหนักหนาสาหัสเป็นแน่
แม้ชายหนุ่มยังมีท่าทางไม่พอใจ แต่ก็รู้กาลเทศะ กล่าวขอบคุณตามบิดาด้วยใจจริง
“น้องรองข้าพบว่ามีพวกโจรซุ่มอยู่ที่สูง คาดเดาว่าพวกเขาจะโจมตีขบวนพ่อค้า จึงขอให้กลับมาช่วย”
ซินโย่วส่ายหน้าเล็กน้อยอย่างไม่เป็นที่สังเกต การช่วยคนเกิดจากจิตใจเมตตาสงสาร ไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายต้องตอบแทนอันใด การได้พบกันเพียงครั้งไม่จำเป็นต้องอธิบายมากมาย
เฮ่อชิงเซียวเองก็ส่ายหน้าเล็กน้อย
ไม่ควรเห็นว่าการที่มีคนมองเขาเป็น ‘ผู้มีพระคุณ’ แล้วจะรู้สึกว่าสมเหตุสมผลที่สุด แย่งความดีความชอบของนางมาไว้ที่ตนเอง แม้วันหน้าอาจไม่ได้พบคนเหล่านี้อีก ก็ควรให้พวกเขารู้ว่าคนที่ช่วยชีวิตพวกเขาแท้จริงคือผู้ใด
ได้ยินเฮ่อชิงเซียวเอ่ยเช่นนี้ ชายวัยกลางคนก็ตกใจประสานมือคำนับไปทางซินโย่ว
ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณหน้าแดงเช่นกัน
พอเกิดเหตุนี้ ชายวัยกลางคนก็ระงับความกลัวมองไปทางโจรสองคนที่ถูกจับมัดไว้
โจรภูเขาหนึ่งในนั้นไม่ได้รู้สึกตัวว่าตนเองกลายเป็นเชลยแล้วแม้แต่น้อย เสียงดังด่าทอว่า “ข้าขอเตือนพวกเจ้ารีบปล่อยข้าไป ไม่เช่นนั้นหัวหน้าใหญ่เรารู้เข้า พวกเจ้าอย่าได้คิดมีชีวิตต่อ!”
ชายวัยกลางคนได้ยินก็ตกใจจนเข่าอ่อน
ยัง… ยังมีรังโจร!