สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 291 กล่าวอำลา
ตอนที่ 291 กล่าวอำลา
ผู้ที่เดินอยู่ข้างกายซินโย่วก็คือเฮ่อชิงเซียว ขนาบข้างด้วยเชียนเฟิงกับผิงอัน
เส้นทางภูเขาสองข้างทาง เจ้าหน้าที่ทางการที่ถือกคันธนูพากันยืนขึ้น ดำทะมึนมากมายนับไม่ถ้วน
ทหารกบฏที่ยังโชคดีรอดชีวิตพากันโยนอาวุธทิ้ง คุกเข่าลงร้องขอชีวิต
ซินโย่วเงยหน้าเล็กน้อยมองไปทางเบื้องหน้าที่มีกองศพเต็มพื้นที่
หัวหน้าหกกระโดดลื่นไหลมาจากอีกทาง ไม่คิดมองด้านหลัง ส่งเสียงร้องตกใจ วิ่งไปหาซินโย่วพลางคุกเข่าลงข้างหนึ่ง “คุณชาย ผู้น้อยปฏิบัติตามคำสั่งเรียบร้อย!”
เขาลงคุกเข่า เจ้าหน้าที่หลายคนที่ถือคันธนูก็อดมองไปทางรองนายอำเภอหยางไม่ได้
แม้ว่าพวกเขาได้รับการแจ้งมาก่อนแล้วว่าโจรเดิมในค่ายเมฆาดำทำหน้าที่ส่งข่าวให้พวกเขา จึงได้ล้อมสังหารทหารกบฏที่นี่ได้ แต่การได้เห็นหัวหน้าโจรภูเขาคำนับก้มหัวให้คุณชายซินเรียกตนเองว่าผู้น้อย ยังคงรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องจริง
โจรภูเขาใบหน้าดุดัน รูปร่างสูงใหญ่ คุณชายซินร่างผอมเล็ก คล้ายดังคุณหนูตัวน้อย
ซินโย่วมองหัวหน้าหกที่ลงคุกเข่าข้างหนึ่ง แววตาพลันเผยรอยยิ้ม
หัวหน้าหกผู้นี้ ภายนอกดูหยาบกระด้างแต่มีความละเอียดอ่อน และก็เป็นคนฉลาด
เขาคุกเข่าให้นางต่อหน้าผู้คน ก็เพื่อหยั่งเชิงดูว่าทางการจะทำตามที่รับปากไว้หรือไม่ และยังต้องการนำคำสัญญาในที่ลับออกมาเปิดเผยในที่แจ้ง หากไม่ทำตามสัญญา ย่อมไร้คุณธรรม ผู้ที่ทะนุถนอมชื่อเสียงตนเองแม้คิดกลับลำ ก็จำต้องไตร่ตรองให้มาก
ซินโย่วไม่ได้รู้สึกไม่ดีต่อความคิดเช่นนี้ และเพราะสองฝ่ายยังไม่ได้มีความเชื่อใจต่อกันมากนัก จึงกล่าววาจาดังมอบยาปลอบประโลมจิตให้ไปประโยคหนึ่ง
“ลำบากท่านแล้ว ไม่ต้องมากพิธี”
หัวหน้าหกลุกขึ้นเดินไปหาซินโย่ว ถูกเชียนเฟิงกับผิงอันเข้าขวางซ้ายขวา
ซินโย่วแสดงท่าทางให้ทั้งสองคนถอยไป เห็นท่าทางระมัดระวังตัวของหัวหน้าหกก็ยิ้มถามขึ้นว่า “ยังมีเรื่องอันใดอีกหรือ”
หัวหน้าหกอดกวาดตามองไปรอบๆ ทีหนึ่งไม่ได้
สายตามองไปทั้งกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน ทั้งเจ้าหน้าที่ทางการ ทั้งทหารกบฏที่รอดชีวิต ยังมีพี่น้องตนเอง…คนมากมายหลากหลายจำพวกจริง
“ล้วนคนกันเอง เจ้าว่ามาได้เลย”
แววตาชายหนุ่มนิ่งสงบลุ่มลึก ทำให้ในใจหัวหน้าหกวาบขึ้นมาทันที พอตั้งสติได้ก็รู้ว่าคนที่นี่มีหลากหลายจำพวกเช่นนี้ สถานะหัวหน้าโจรภูเขาของเขานับว่าเล็กมาก หากคุยส่วนตัวกับคุณชายซิน ก็ไม่รู้ว่าในใจคนเหล่านี้จะระแวงเช่นไร กล่าวออกมาตรงๆ เป็นเรื่องดีที่สุดจริงๆ
เขาไม่ลังเลอีก “ตั้งแต่พวกหัวหน้าใหญ่มาค่ายโจรเรา ปล้นขบวนพ่อค้าใหญ่ไปหลายครั้ง เก็บเกี่ยวเงินทองไปได้ไม่น้อย นอกจากส่วนน้อยที่อยู่กับพวกเราแล้ว ส่วนใหญ่อยู่ในมือพวกเขา วันนี้พวกรองหัวหน้าสลัดค่ายเราทิ้ง ย่อมนำสมบัติติดตัวมาด้วย…”
ฟังหัวหน้าหกพูดจบ ซินโย่วก็มองไปทางเฮ่อชิงเซียว
เฮ่อชิงเซียวสั่งการ “ไปค้นตัว”
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเข้าไปค้นตัวตามคำชี้ของหัวหน้าหก เน้นที่หัวหน้าสองสามคน ผ่านไปไม่นานก็ค้นตั๋วแลกเงินออกมาได้พันกว่าตำลึง ก้อนเงินสองถุงรวมแล้วราวร้อยตำลึง เครื่องประดับทองคำหนึ่งถุง ยังมีตราประทับทองแดงที่แทนเงินหมื่นตำลึง
“ใต้เท้า นี่ขอรับ”
เฮ่อชิงเซียวมองด้วยสีหน้านิ่งสงบ ถามซินโย่วว่า “คุณชายซินคิดว่าควรจัดการสมบัติเหล่านี้อย่างไร”
“ใต้เท้าเฮ่อมีประสบการณ์กว่าข้า ขอใต้เท้าเฮ่อจัดการ”
ซินโย่วเอ่ยออกไปเช่นนี้ กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินบางคนที่เห็นว่าใต้เท้าตั้งใจช่วยสร้างชื่อให้คุณชายซินแล้วรู้สึกไม่พอใจ ก็คลายความไม่พอใจลงหมดสิ้น
เฮ่อชิงเซียวไม่ได้ปฏิเสธ คิดครู่หนึ่งก็เอ่ยว่า “คนที่เข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้คนละสิบตำลึง หัวหน้ากลุ่มเจ้าหน้าที่สิบคนได้รับเพิ่มพิเศษห้าตำลึง มือปราบเพิ่มอีกห้าตำลึง สมบัติที่เหลือเก็บไว้เป็นของหลวงเพื่อการดูแลกองโจรในวันหน้า ให้รองนายอำเภอหยางควบคุมการใช้จ่าย รองนายอำเภอหยางคิดว่าจัดการเช่นนี้เป็นอย่างไร”
รองนายอำเภอหยางประสานมือ “ใต้เท้าเฮ่อจัดการได้เหมาะสม ข้าน้อยเลื่อมใส”
เจ้าหน้าที่ทางการได้ยินว่าได้กันอย่างน้อยสิบตำลึงเงิน ก็อดส่งเสียงยินดีไม่ได้
สิบตำลึง เพียงพอให้ครอบครัวใช้จ่ายปีสองปี ไม่ใช่เงินก้อนเล็กๆ!
เจ้าหน้าที่ทางการที่มาร่วมร้อยกว่านาย ทุกคนต่างชื่นมื่นยินดี ในใจคิดว่าครั้งนี้การปราบโจรคุ้มค่าจริง
จากนั้นทางการก็เริ่มจัดการเก็บกวาด หัวหน้าหกเฝ้าอยู่ข้างกายซินโย่ว จ้องมองการจัดการของนางตาปริบๆ
“หัวหน้าหกกลับค่ายไปก่อน ถามให้ละเอียดว่ามีคนยินดีจะติดตามข้าไปเท่าไร แต่มีเรื่องหนึ่งที่ต้องกล่าวให้กระจ่าง ไม่อาจกลับไปเป็นโจรภูเขาอีก ความตั้งใจแน่วแน่ในการปราบโจรของราชสำนัก เจ้าก็ได้เห็นแล้ว หากมีคนคิดยึดชัยภูมิดีนี้กลับไปเดินเส้นทางสายเก่า อย่าได้ตำหนิที่ข้าแล้งน้ำใจ”
“ขอรับๆ กลับไปข้าก็จะบอกพวกเขาให้ละเอียดถึงข้อดีข้อเสีย” หัวหน้าหกรอดชีวิตจากพวกทหารกบฏหัวหน้าใหญ่มาได้ ก็ถือว่าเป็นคนมองการณ์ไกล
เรื่องปราบโจรสำเร็จลุล่วง ซินโย่วกล่าวกับหัวหน้าหกอย่างจริงใจ “ครั้งนี้พวกเราต้องการเดินทางด้วยขบวนและสัมภาระง่ายที่สุด ไม่สะดวกพาพวกเจ้าติดตามไปด้วย เจ้ารออยู่ค่ายเมฆาดำไปก่อน ข้ากลับมาค่อยเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมกับข้า”
หัวหน้าหกเผยสีหน้าเป็นกังวลอีกครั้ง “ไม่ทราบว่าคุณชายจะเดินทางกลับมาเมื่อใด”
“ลงใต้ต้องเผชิญอุทกภัยหนัก ยังไม่อาจกล่าวได้ อาจสิบวันหรือครึ่งเดือน หากช้าก็คงเดือนกว่า มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น พรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางจากอำเภอหลิงแล้ว เจ้าเลือกพี่น้องที่ไว้ใจได้ติดตามข้าไป จำนวนไม่เกินสิบคน”
ได้ฟังซินโย่วกล่าวเช่นนี้ หัวหน้าหกก็วางใจ
“กลับเข้าเมือง!” จัดการเรียบร้อย มือปราบก็ส่งเสียงตะโกนดังก้อง
ครั้งนี้รวบรวมเจ้าหน้าที่ทางการมาได้ร้อยกว่านาย แทบจะไม่มีผู้ใดบาดเจ็บ บ้างก็แบกศพทหารกบฏ บ้างก็คุมตัวทหารกบฏที่รอดชีวิต พอไปถึงสถานที่ที่ซ่อนรถลากไว้ก่อนหน้านี้ก็โยนศพขึ้นไปกอง เดินทางกลับอำเภอหลิงอย่างยิ่งใหญ่
พอขบวนยิ่งใหญ่กลับถึงประตูเมืองอำเภอหลิงก็เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว
ทหารเฝ้าประตูเมืองสีหน้าตกใจ ลนลานเปิดทาง ชาวบ้านบนท้องถนนเห็นรถลากศพกลับมาก็ทั้งกลัวทั้งดีใจ ไล่ตามขบวนไปพร้อมส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ครึกครื้น
มือปราบที่เดินอยู่หน้าสุดก็ตีฆ้องประกาศเสียงดังก้อง “โจรภูเขาค่ายเมฆาดำถูกปราบแล้ว โจรภูเขาค่ายเมฆาดำถูกปราบแล้ว…”
ชาวบ้านที่เดิมอยู่ในบ้านก็พากันกรูออกมาแย่งกันดู
“ไหนว่าต้องใช้เวลาสองสามวัน เหตุใดปราบเสร็จแล้ว”
“ใช่ ไม่เห็นกองกำลังทหารมาอำเภอหลิงเราเลย”
มีเจ้าหน้าที่ทางการผู้หนึ่งทนไม่ไหว อธิบายว่า “เพราะแผนการคุณชายซินกับใต้เท้าเฮ่อ พวกเราไม่สูญเสียทหารสักนายก็ปราบโจรภูเขาได้หมด”
“คุณชายซินกับใต้เท้าเฮ่อเป็นดวงดาวมงคลมาช่วยชาวอำเภอหลิงเราจริงๆ” ชาวบ้านมากมายต่างพากันคำนับไปทางซินโย่วกับเฮ่อชิงเซียวมากขึ้นเรื่อยๆ
จากนั้นรองนายอำเภอหยางก็เขียนฎีกาเรื่องการปราบโจรเสร็จส่งไปยังเมืองหลวง ส่วนพวกหัวหน้าใหญ่ก็ถูกขังในคุกที่ทำการอำเภอรอการตัดสิน ทางเฮ่อชิงเซียวก็เขียนสารลับไปกราบทูล
ทุกอย่างดำเนินการเรียบร้อย เช้าวันต่อมา พวกซินโย่วก็เอ่ยอำลากับรองนายอำเภอหยาง
รองนายอำเภอหยางดึงดันจะไปส่งที่นอกเมือง เฮ่อชิงเซียวปฏิเสธอ้อมค้อม “พวกเราเร่งเดินทาง รองนายอำเภอหยางไม่ต้องไปส่งแล้ว”
รองนายอำเภอหยางก็ไม่ดึงดันอีก ก่อนจะเผยรอยยิ้มแฝงความนัย
ตอนเดินออกจากประตูที่ทำการ ซินโย่วเห็นบรรดาชาวบ้านด้านหน้านับไม่ถ้วน พลันนิ่งอึ้งไปทันที
“ขอบคุณคุณชายซิน ใต้เท้าเฮ่อ ขจัดโจรร้ายให้อำเภอหลิงเรา!”
ชาวบ้านพากันลงคุกเข่าพร้อมกัน ดีที่ซินโย่วผ่านประสบการณ์มามาก เผชิญหน้ากับเหตุการณ์เช่นนี้ก็มิได้ลนลาน รีบส่งเสียงเรียกให้ทุกคนลุกขึ้น
ทั้งขบวนถูกราษฎรล้อมกันไปส่งถึงประตูเมือง เดิมขี่ม้าใช้เวลาเพียงหนึ่งเค่อ ครั้งนี้ใช้เวลาไปถึงครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็ออกจากเมืองมาได้ ซินโย่วกับเฮ่อชิงเซียวต่างเหงื่อท่วมตัว รีบขี่ม้าทะยานไปด้วยสภาพอเนจอนาถลนลาน
พวกเขาขี่ม้าไปอย่างไม่เหลียวหลัง รองนายอำเภอหยางกลับนำพาชาวอำเภอหลิงคำนับกองฝุ่นตลบเป็นนานไม่ลุกขึ้น