สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 294 คำตอบ
ตอนที่ 294 คำตอบ
อากาศเดือนเจ็ด แม้ฝนตกไม่หยุด แต่ก็มิได้เย็นสบาย มือที่คว้ามือเขาไว้นั้นกลับเยียบเย็นจนน่าตกใจ
ในใจเฮ่อชิงเซียวตึงเครียดขึ้นมาทันที “เป็นอันใดไปหรือ”
“น้ำกำลังจะไหลบ่ามาแล้ว บอกทุกคนให้รีบอพยพ!” ซินโย่วระงับความตกใจหวาดกลัว เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
คำพูดนางไร้หลักฐาน แต่ไม่รู้สึกกังวลว่าชายที่ดึงมือนางไว้จะสงสัย เพราะนางและเขาอยู่ร่วมกันมานาน ย่อมมีความไว้วางใจกันและกัน
ดังคาด พอเฮ่อชิงเซียวได้ยินก็รีบสั่งการทันที “รวมพลชาวบ้าน รีบอพยพ!”
นายอำเภอจ้าวไม่ทันได้ตั้งสติ “ไม่ใช่ว่าชาวหมู่บ้านซย่าเหอต้องย้ายมาหมู่บ้านซ่างเหอหรือ”
“หมู่บ้านซ่างเหอกำลังจะถูกน้ำไหลบ่าท่วมแล้ว นายอำเภอจ้าว อย่าได้รอช้า ให้ทุกคนรีบอพยพ!” เหตุการณ์คับขัน ซินโย่วได้แต่พูดผลที่จะเกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
“น้ำไหลบ่า? น้ำไหลบ่าจากที่ใด” ชาวบ้านไม่น้อยมองไปรอบทิศอย่างรู้สึกประหลาดใจ
นายอำเภอจ้าวเคยได้รับความช่วยเหลือจากซินโย่ว แม้คำพูดนางฟังแล้วเหลือเชื่อ แต่กลับตั้งใจครุ่นคิด
หรือว่าแม่น้ำไป๋ในช่วงนี้จะเกิดเหตุเขื่อนแตก
แต่หลายวันนี้เขาจัดคนมาตรวจตราทุกวัน เช้าเย็นหนึ่งรอบ จนถึงวันนี้ รายงานยังคงบอกว่าดี
อีกอย่างแม้มีความเป็นไปได้ที่เขื่อนแตก แต่คุณชายซินรู้ได้อย่างไร
“นายอำเภอจ้าว ข้ารู้ว่าในใจท่านนึกสงสัย แต่เรื่องเกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของชาวสองหมู่บ้าน ยินยอมเชื่อสักครั้งก็ดีกว่าไหม” เฮ่อชิงเซียวรู้ดีว่าหากจะเคลื่อนย้ายชาวบ้านเหล่านี้ในเวลาอันสั้น จำเป็นต้องให้นายอำเภอจ้าวออกหน้า
ในใจนายอำเภอจ้าวกระตุกวาบ
ใต้เท้าเฮ่อกล่าวได้ถูกต้อง เกี่ยวข้องกับชีวิตคนมากมายเพียงนี้ ยินยอมเชื่อสักครั้งดีกว่าไม่เชื่อ อย่าได้คิดว่าไม่มี สถานะเจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินยังคิดเช่นนี้ เขาเป็นขุนนางดังบิดาของชาวบ้านที่นี่ มีอันใดต้องลังเล
แม้ว่าสุดท้ายไม่เกิดเรื่อง อย่างมากก็ถูกราษฎรแอบด่าลับหลังไม่กี่คำ
นายอำเภอจ้าวตัดสินใจแล้วก็รีบสั่งการลงไป
“ที่บ้านมีข้าวของมากมาย หายไปจะทำอย่างไร”
“ก็ใช่น่ะสิ บ้านดีๆ ไม่อยู่ จะให้ไปไหนกัน”
ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านหมู่บ้านซ่างเหอที่ส่งเสียงวิจารณ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านซ่างเหอคำรามสีหน้าดุดัน “ไม่ได้ยินนายอำเภอสั่งหรือ น้ำจะไหลบ่ามาแล้ว!”
“ไม่ใช่นายอำเภอพูด แต่เป็นคำพูดของคุณชายน้อยผู้นั้น จะถือเป็นจริงจังได้อย่างไร” ผู้คนไม่น้อยโต้กลับเบาๆ
ชาวบ้านที่เพิ่งออกมาถามขึ้นว่า “คุณชายน้อยท่านไหนหรือ”
“โน่นไง คนที่สวมชุดขาวยืนอยู่ข้างนายอำเภอท่านนั้น”
“อา ยังเป็นเด็กหนุ่มอยู่เลย พูดจาถือเป็นจริงเป็นจังได้ที่ไหนกัน”
“ก็นั่นน่ะสิ!”
ผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านซ่างเหอโมโหจนส่งเสียงด่าดังลั่น “หากผู้ใดไม่ไป ฤดูใบไม้ผลิปีหน้าไม่ให้มายืมวัวไถนา!”
แม้ว่าไม่ยินยอมพร้อมใจ แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ยังยอมเก็บของเตรียมอพยพ ภายใต้การรวมพลของเจ้าหน้าที่ทางการแม้ยังเหลือคนอยู่บ้าง แต่ก็เป็นส่วนน้อย ยี่สิบสามสิบคนเท่านั้น
“พวกเจ้าไม่ไปจริงหรือ” ผู้ใหญ่บ้านถามสีหน้าเคร่งเครียด
“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านพาทุกคนตามนายอำเภอไปเถอะ พวกเราอยู่เฝ้าบ้าน” คนที่พูดยังยิ้มเบิกบาน
“ตามใจพวกเจ้าก็แล้วกัน” ผู้ใหญ่บ้านไม่คิดเอ่ยอีก
ความจริงเขาเองก็ไม่เชื่อคำพูดคุณชายซินท่านนั้น แต่ให้เกียรตินายอำเภอเท่านั้น นายอำเภอเห็นความพยายามของเขาก็พอ ไว้คงต้องลำบากกลับมาหมู่บ้านอีก
ชาวหมู่บ้านซย่าเหอเองก็คิดเช่นนี้ แต่พวกเขาเดิมก็มาพึ่งพิง นายอำเภอบอกว่าจัดที่ให้ในเมือง เช่นนั้นไปในเมืองก็ได้ ก็แค่ยุ่งยากกว่าสักหน่อยเท่านั้น
“ใต้เท้า ยังมีชาวบ้านอีกยี่สิบสามสิบคน เป็นตายก็ไม่ยอมไป” หวงเฉิงมารายงาน
เฮ่อชิงเซียวมองซินโย่วทีหนึ่ง
ซินโย่วเม้มปากเล็กน้อยไม่เอ่ยอันใด
ความสามารถพิเศษของนาง แต่ไรมานางก็ได้แต่ทุ่มเทเต็มที่ จากนั้นก็เคารพชะตาของพวกเขา
ที่ควรเอ่ยก็เอ่ยไปแล้ว ที่ควรเตือนก็เตือนไปแล้ว เตือนไม่ไหวก็ได้แต่กล่าวว่าชะตาฟ้ากำหนดเช่นนี้
เฮ่อชิงเซียวกลับคิดว่านางไม่เอ่ยอันใดเพราะเป็นกังวล สั่งการเยียบเย็นลงไปทันที “บอกพวกเขา หากไม่ไป จับเข้าคุกให้หมด”
เวลานี้ไม่อาจชักช้า หากต้องการให้คนเหล่านี้ยอมตามไปแต่โดยดี จำเป็นต้องใช้มาตรการแข็งกร้าว
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินชำนาญปฏิบัติการเช่นนี้มาก
หวงเฉิงชักดาบขึ้นมา ตวาดด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก “ทุกคนฟัง พวกที่ไม่ยอมไปจับเข้าคุกให้หมด!”
นายอำเภอจ้าวได้ยินก็แทบลื่นล้ม แววตาที่มองไปทางเฮ่อชิงเซียวเต็มไปด้วยความสับสน
เขาเกือบลืมไปแล้วว่า ใต้เท้าเฮ่อท่านนี้ก็คือกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน
ชาวบ้านหวาดกลัวขุนนาง ยิ่งกลัวขุนนางที่ถือดาบจ่อชาวบ้าน ชาวบ้านที่ไม่ยอมไปพวกนั้นเผชิญหน้ากับดาบยาวประกายวาววับ ก็ยินยอมติดตามขบวนไปแต่โดยดี
ซินโย่วเดินเคียงไปกับเฮ่อชิงเซียว ถามเบาๆ ขึ้นว่า “หากไม่มีน้ำไหลบ่ามา ใต้เท้าเฮ่อไม่กลัวเสียชื่อเสียงหรือ”
“แต่ไรมาเจ้าไม่เคยยิงศรไร้เป้า”
นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เฮ่อชิงเซียวก็เอ่ยว่า “มีชื่อเสียงเสียหายก็ไม่เป็นไร”
เป็นคำพูดที่ธรรมดามากคำพูดหนึ่ง ถึงกับฟังอารมณ์ไม่ออก แต่ซินโย่วกลับรู้สึกได้ว่าหัวใจดังถูกหนามคมบาด
ปวดปลาบเล็กน้อย แต่มากไปกว่านั้นก็คือรสชาติที่นางไม่อาจบรรยาย
นางคิดว่า หากท่านแม่ไม่เกิดเรื่องขึ้น ตอนนางเดินทางท่องเที่ยวทั่วทิศได้พบกับใต้เท้าเฮ่อก็คงดี
ฝนตกไม่หยุด พื้นที่นองไปด้วยโคลนยากเดินทาง เสียงบ่นของชาวบ้านดังมากขึ้นเรื่อยๆ ขบวนเดินทางยิ่งใหญ่เพียงนี้ห่างไกลจากหมู่บ้านไปเรื่อยๆ
“พวกเจ้ารีบดูนั่น!” ในกลุ่มคน ไม่รู้ผู้ใดตะโกนดังขึ้น
เสียงตะโกนปรอทแตกมีแต่ความตื่นตกใจ คนที่ได้ยินต่างพากันหันไปมอง
ไกลออกไป มวลน้ำไหลบ่าทะลักไปทางหมู่บ้านพวกเขา ม้วนหอบเอาทุกอย่างไปหมดสิ้น
ใต้ผืนฟ้าท่ามกลางสายฝน ผสมกับน้ำไหลบ่าเป็นคลื่นยักษ์
ชาวบ้านคนหนึ่งเข่าอ่อนยวบลงคุกเข่า “ท่วมหมด ท่วมหมดแล้ว!”
ผู้ใหญ่บ้านเตะเขาทีหนึ่ง ส่งเสียงด่าทอขึ้นว่า “ตอนนี้ยังมัวคิดเรื่องพวกนี้ ยังไม่รีบวิ่ง!”
น้ำไหลบ่าไปคนละทางกับที่พวกเขาอพยพมา ทุกคนดูแล้วว่าปลอดภัย แต่ภัยฟ้าฝนไหนเลยจะคาดเดาได้ วิ่งหนีให้ไกลได้เท่าไรย่อมยิ่งดี
“ไปทางนั้น!”
พวกซินโย่วไม่ได้วิ่งไปหน้าขบวน
คนแก่และเด็กของสองหมู่บ้านรวมกันไม่น้อย พวกเขาดูท่าจะล้มลง วิ่งไม่ไหว จึงเข้าไปช่วยเหลืออีกแรง
“ท่านแม่ ข้าวิ่งไม่ไหวแล้ว…” เด็กหญิงอายุราวเจ็ดแปดขวบล้มลงร้องไห้ดังลั่น
ซินโย่วมองไปด้วยสัญชาตญาณ สีหน้าแปรเปลี่ยนทันที “หินถล่ม!”
ไม่รู้เพราะน้ำฝนตกปะทะไม่หยุด หรือว่าน้ำสะสมแทรกซึมลงไป ก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งบนยอดเขาตกลงมา กลิ้งมาทางนี้
“รีบหลบเร็ว!” เฮ่อชิงเซียวตวาดดัง อุ้มเด็กหญิงหลบอีกทาง
ก้อนหินใหญ่ตกลงที่เด็กหญิงเพิ่งหยุดลงเมื่อครู่ กระเด้งทีหนึ่งก่อนกลิ้งร่วงลงไปต่อ
ท่ามกลางเสียงร้องตกใจกลัว สายตาซินโย่วยังคงจ้องมองอยู่ที่เฮ่อชิงเซียวกับเด็กหญิง
เห็นชัดว่าทั้งสองคนปลอดภัย แต่ตรงหน้านางกลับมีภาพอีกภาพผุดขึ้นมา
ภาพเฮ่อชิงเซียวร่วงลงไป
“ใต้เท้าเฮ่อ…” นางคิดเอ่ยปากเตือนเขาว่าภัยยังไม่จบ แต่กลับได้ยินเสียงหินแตกเบาๆ จากนั้นร่างนางก็ร่วงลงไป
ใบหูได้ยินเสียงลมหวีดหวิว ภาพตรงหน้าก็คือสายฝนไร้ขอบเขต ขณะที่นางเบิกตากว้างตะลึงงัน เงาร่างที่คุ้นเคยก็กระโดดตามลงมาอย่างไม่ลังเล ไล่ตามนางมา
ที่แท้ นางร่วงลงไปก่อน
ก่อนหมดสติ ซินโย่วได้คำตอบจากภาพเฮ่อชิงเซียว