สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 296 ค่ำคืนเงียบสงบ
ตอนที่ 296 ค่ำคืนเงียบสงบ
ตึกๆ ตึกๆ…
เฮ่อชิงเซียวได้ยินเสียงหัวใจเต้นดังสายฟ้าฟาดของตนเอง
เขาคิดว่านางจะต้องได้ยินอย่างแน่นอน
พอรับรู้เรื่องนี้ได้ เขาก็สูดลมหายใจลึก สมองพลันว่างเปล่า
แต่ริมฝีปากอ่อนนุ่มเย็นดุจน้ำแข็งนั้นยังคงคอยย้ำเตือนสภาพยามนี้ของเขาว่าเป็นเรื่องจริง
ไม่ถูกต้อง คุณหนูซินกำลังสอนเขาช่วยคนจมน้ำอย่างไร
แต่ริมฝีปากนางอ่อนนุ่มเพียงนี้ ทำให้เขาแทบไม่อาจระงับตนเองที่จะสนองตอบ…
เฮ่อชิงเซียวไม่รู้จะรับมือเช่นไร เป็นครั้งแรกที่พบกว่าการควบคุมตนเองของเขาพังทลายสิ้นยามอยู่ต่อหน้าคุณหนูที่ตนชอบ
ทว่าภายใต้ความพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกต่าง ๆ นานานี้ ก็คือบุปผาสดที่ผลิยอดขึ้นกลางท้องนา คือสายน้ำวสันต์ที่ไหลผ่านแม่น้ำฤดูหนาวที่สะสมความเหน็บหนาวมายาวนาน คือชายหนุ่มที่เงียบเหงาโดดเดี่ยวหลังจากเดินผ่านอุปสรรคมา ในที่สุดก็ก้าวเข้าสู่แสงสว่างแห่งวสันต์
ขณะที่เสียงลมหายใจของชายหนุ่มเริ่มไม่เป็นจังหวะ ซินโย่วก็ปล่อยเขา
“คนที่จมน้ำสลบหมดสติหรืออุบัติเหตุอื่นที่ทำให้หมดสติ ใช้ลมในปากกับการกดช่องว่างตรงหน้าอกเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด…” ซินโย่วกำลังพูดเรื่องเป็นการเป็นงาน ก่อนสองแก้มจะเริ่มแดงระเรื่อ
นางยอมรับว่าเมื่อครู่นางคิดใกล้ชิดเขา สัมผัสเขา
แต่เล็กจนโต ดวงตาทั้งสองของนางเห็นมามากมาย ควรรับรู้มานานแล้วว่าการเกิดอุบัติเหตุหลายครั้งมักเกิดในพริบตา ไม่มีโอกาสได้เอ่ยอำลา
หากไม่เคยได้จุมพิตชายที่ใจปฏิพัทธ์ ไม่รู้ว่าจุมพิตมีรสสัมผัสเช่นไร ก็คงเป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างมาก
ตอนนี้ดีเลย…พอความคิดนี้ผุดขึ้นมา ซินโย่วก็หลับตาก่อนจะสลบไปอีกครั้ง
“กดช่องว่างตรงหน้าอกคืออย่างไร” เฮ่อชิงเซียวถามจบก็รู้สึกผิดปกติ “คุณหนูซิน?”
ศีรษะอ่อนนุ่มของสาวน้อยพิงอยู่บนหัวไหล่เขา นิ่งไร้ปฏิกิริยา
“คุณหนูซิน?”
เฮ่อชิงเซียวกระตุกในใจ ผลักเบา ๆ แต่นางยังคงไร้ปฏิกิริยา ในสมองพลันนึกถึงกระบวนการช่วยชีวิตอย่างรวดเร็ว วางนางนอนราบ ริมฝีปากแนบกับริมฝีปากนางหนักแน่น
ครั้งนี้ไม่ลังเลแม้แต่น้อย มีเพียงความเครียด
รู้สึกว่าตรงหน้ามีแรงกด ซินโย่วไม่มีแรงยกมือ เอ่ยน้ำเสียงเบาหวิวแทบไม่ได้ยิน “ข้าเพียงแค่เหนื่อยเกินไป…”
เฮ่อชิงเซียวพยายามฝืนขยับตัว ครู่หนึ่งจึงได้ยื่นมือไปอังจมูกนาง รับรู้ได้ถึงลมหายใจบางเบา ในที่สุดจึงได้คลายความหวาดกลัวลงได้
แต่ก็ยังไม่อาจสลัดความกังวลทิ้งไปได้
การสูญเสียเรี่ยวแรงมากเกินไป อาจทำให้ล้มป่วยได้ ต้องรีบกลับเข้าเมืองให้ได้ กลับไปจึงจะมีหมอ มีสถานที่พักสบายและมียาเพียงพอ
เฮ่อชิงเซียวอุ้มซินโย่วขึ้นมา เดินคลำทางมืดสนิทในถ้ำ
ในถ้ำเงียบสงัดคดเคี้ยว ทุกย่างก้าวต้องระมัดระวังอย่างมาก ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ การเดินเช่นนี้ใช้เวลาไปราวหนึ่งเค่อ ก่อนที่ด้านหน้าจะมีแสงสว่างขึ้น
เฮ่อชิงเซียวรีบก้าวเดินออกไป
นอกถ้ำ สายน้ำไหลเอื่อย ต้นไม้พุ่มไม้เขียวสะพรั่ง กวางป่าหลายตัวได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็พากันตกใจหนีไป
ในถ้ำมีแต่ความมืดสลัวเยียบเย็นกำจายโดยรอบ หลังฝนตกท้องฟ้าแจ่มใส แสงตะวันอบอุ่นสาดกระทบกาย
เฮ่อชิงเซียวมองไปรอบทิศ พลางขมวดคิ้ว
ภาพที่เห็นก็คือภูเขาเขียว คิดจะออกไปเกรงว่าต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย
เขาก้มหน้าลงมองคนในอ้อมกอด ผมของนางทิ้งสยายเต็มแผ่นหลัง เปียกจนมีหยดน้ำหยดลง เสื้อผ้าก็เปียก แนบชิดติดร่างผอมบาง เครื่องแต่งหน้าลบเลือนเลอะเทอะดังแมวลาย
เฮ่อชิงเซียวค้นหาอยู่ครู่หนึ่งก็พาซินโย่วไปวางไว้บนก้อนหินก้อนใหญ่ริมแม่น้ำ ก่อนจะควักผ้าเช็ดหน้าในอกเสื้อที่เปียกนานแล้วออกมาซักสองสามที แล้วค่อยๆ เช็ดใบหน้านางจนสะอาด เผยใบหน้าดังเดิม
ใบหน้าสาวน้อยไร้สีเลือด ซีดขาวแลดูอ่อนแอ ดุจดังปุยเมฆที่ถูกแรงลมปะทะกระจัดกระจายบนท้องฟ้า
เฮ่อชิงเซียวอดอังดูลมหายใจของนางไม่ได้
“คุณหนูซิน พวกเราหาทางออกกัน” เขากล่าวขึ้นก่อนจะแบกสาวน้อยที่ยังไม่ได้สติขึ้นหลัง สำรวจทิศทางอย่างละเอียดก่อนจะเดินไปข้างหน้า
ฟ้าค่อย ๆ มืดลง ภาพตรงหน้ายังคงเป็นหมู่ขุนเขาไร้ที่สิ้นสุด มีเสียงสัตว์ป่าคำรามดังแว่วมา
เฮ่อชิงเซียวรู้ว่าไม่อาจเดินต่อไปได้แล้ว ได้แต่หาถ้ำหลบ โชคดีที่แท่งเชื้อเพลิงที่ใส่ไว้ในอกเสื้อไม่ได้ตกลงน้ำ เก็บกิ่งไม้แห้งมากองแล้วก็จุดกองไฟได้
แสงไฟนำพาความอบอุ่นกำจาย ขจัดความมืดสลัวหนาวเย็นในถ้ำ แต่ค่ำคืนนี้ซินโย่วยังคงมีไข้
“หนาว…” นางพึมพำพลางยกมือไขว่คว้าเปะปะ
เฮ่อชิงเซียวกุมมือนั้นไว้ พลางลูบหน้าผากนาง
ความร้อนที่ปลายนิ้วทำให้เขานึกเป็นห่วง
ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำเย็นวางลงบนหน้าผากลดอุณหภูมิ อาศัยแสงไฟมองเห็นสองแก้มของนางแดงก่ำ
“คุณหนูซิน อดทนอีกหน่อย พรุ่งนี้พวกเราก็จะออกไปจากที่นี่ได้แล้ว”
ขอเพียงออกจากหุบเขาลึก แม้ว่าไม่พบเจอคนที่ออกค้นหาพวกเขา ก็ดีกว่าอยู่ที่นี่มาก
ซินโย่วยามนี้ไร้สติสิ้นเชิง นางถึงกับรู้สึกว่าตนเองความคิดแจ่มใสมาก สภาพคล้ายดังตอนดื่มเมา วาจามากความอันใดล้วนกล้าเอ่ย
“ใต้เท้าเฮ่อ ท่านไม่หนาวหรือ”
เฮ่อชิงเซียวไม่แน่ใจว่าสาวน้อยที่หลับตาอยู่ถามเขาไปอย่างนั้น หรือว่ากำลังถามเขาจริงๆ
แต่เขายังคงตอบอย่างใจเย็น “ข้าไม่หนาว”
ซินโย่วพยายามลืมตาขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความสงสัยและรู้สึกสมเหตุสมผล “ท่านไม่หนาวหรือ เหตุใดไม่กอด เช่นนั้นข้าก็ไม่หนาวแล้ว”
เฮ่อชิงเซียว “…”
แน่ใจแล้วว่าคุณหนูซินกำลังละเมอ
เขาอดคิดถึงครั้งนั้นตอนนางดื่มเมาไม่ได้ ดูเหมือนมีสติปกติ แต่พอเอ่ยปากก็ทำเอาเขาไร้หนทางรับมือ เกรงว่าอีกสักครู่จะได้ยินคำพูดที่น่าตกใจดังสายฟ้าฟาด
“ใต้เท้าเฮ่อ?” สาวน้อยที่รอไม่ได้คำตอบก็ส่งเสียงเรียกเขา พร้อมกับหลับตาลงอีกครั้ง
“ข้าอยู่นี่”
“ชื่อของท่านไพเราะมาก”
เฮ่อชิงเซียวชะงัก พลางเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน “เช่นนั้นวันหน้าเจ้าก็เรียกชื่อข้า”
“ไม่ดี”
“เหตุใด”
“ก็เหมือนที่ท่านจะไม่เรียกข้าว่าอาโย่ว”
เฮ่อชิงเซียวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
เขามองดูสาวน้อยไร้สติใต้แสงไฟสลัว รู้ว่านางไม่รู้ตัวสักนิดว่ากำลังเอ่ยอันใด
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คล้อยตามนางไปก็ไม่เป็นอันใด
“อาโย่ว” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นในถ้ำมืดสลัวที่เงียบเป็นพิเศษ
เปลือกตาสาวน้อยที่หลับอยู่ขยับไหว เห็นชัดว่าได้ยินแล้ว
“ท่านแม่ข้าจะเรียกข้าเช่นนี้” นางเสียงเบามาก คล้ายกำลังพึมพำ
เฮ่อชิงเซียวใจอ่อนยวบ เรียกอาโย่วอีกครั้ง
ซินโย่วคิดลืมตาดูคนสองบนโลกนี้ที่เรียกนางว่า ‘อาโย่ว’ แต่เปลือกตากลับหนักอึ้ง
นางละทิ้งความพยายาม ขยับริมฝีปากเอ่ยว่า “เช่นนั้นข้าก็ยังไม่อาจเรียกท่านว่า ‘ชิงเซียว’”
“เหตุใด” เฮ่อชิงเซียวอดถามไม่ได้
“น่าเสียดาย ค่ำคืนเงียบสงบ[1] ไร้คนเคียงข้าง…” สาวน้อยในสภาพกึ่งไร้สติพึมพำท่องวรรคหนึ่งในบทกวีที่ไม่รู้ว่ามาจากบทกวีใด
เฮ่อชิงเซียวนิ่งอึ้งไป “รู้สึกว่าความหมายไม่ดีหรือ”
ในความทรงจำเขาไม่มีบิดามารดา ไม่รู้บิดาที่เข้มงวด มารดาที่เมตตาเป็นเช่นไร ดังนั้นจึงไม่เคยคิดถึงความหมายแฝงในชื่อที่บิดามารดาตั้งให้
ชิงเซียว เทศกาลหยวนเซียว (เทศกาลกินบัวลอย) สำหรับเขาแล้วไม่แตกต่างกัน
ที่แท้คุณหนูซินรู้สึกว่าชื่อนี้ไม่ดี
เฮ่อชิงเซียวเม้มปาก ในใจรู้สึกเฝื่อนขมขึ้นมา
“ไม่ใช่” ซินโย่วปฏิเสธ เพราะมีไข้ทำให้รู้สึกไม่สบายจนขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงลอยล่องเบาหวิว “ใต้เท้าเฮ่อเฉลียวฉลาดเพียงนั้น เรียกท่านว่าชิงเซียว จะทำให้ท่านรู้ว่าข้าชอบท่านแล้ว…”
เช่นนั้นก็คงแย่แน่แล้ว
[1] ชิงเซียวแปลว่าค่ำคืนเงียบสงบ