สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 301 ออกเดินทางอีกครั้ง
ตอนที่ 301 ออกเดินทางอีกครั้ง
หัวหน้าหกก้นจ้ำเบ้ากับพื้น มองไปทางซินโย่วด้วยแววตาอัดอั้นตันใจ
นี่มันอันใดกัน แสดงท่าทีได้ไม่ดี แม้แต่ขาคุณชายก็ไม่ให้กอดหรือ
ซินโย่วกุมขมับ ให้คนที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นลุกขึ้น “ตอนนั้นเรื่องเกิดกะทันหัน ไม่ใช่ความผิดพวกเจ้า พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเก็บไปใส่ใจ ข้านั่งรถมานานรู้สึกเหนื่อย ขอตัวไปพักผ่อนก่อน”
เฮ่อชิงเซียวส่งซินโย่วไปที่พัก “เจ้าพักผ่อนให้ดี เรื่องอื่นๆ ข้าจัดการเอง”
ซินโย่วย่อมไว้วางใจเฮ่อชิงเซียว พยักหน้าปิดประตูห้อง
เชียนเฟิงกับผิงอันเฝ้าหน้าประตูซ้ายขวา หัวหน้าหกกับเจ้าแปดไม่ยินยอมแสดงความอ่อนด้อยกว่า พากันเข้าไปยืนเฝ้าเช่นกัน
เฮ่อชิงเซียวกระตุกมุมปาก สุดท้ายไม่สนใจสี่ทวารบาลประตูนี้ หันหลังเดินไปทันที
พอซินโย่วตื่นขึ้นมา ก็สั่งการเชียนเฟิงไปตักน้ำมา
เชียนเฟิงกับผิงอันเข้าใจนิสัยของซินโย่วแล้ว ยกน้ำร้อนเข้ามาเงียบๆ แล้วก็ออกไป ทิ้งให้หัวหน้าหกกับเจ้าแปดคิดอยากลองถอดชุดช่วยซินโย่วอาบน้ำ แต่ถูกซินโย่วตะเพิดออกไปอย่างเอาเรื่อง
ซินโย่วนั่งแช่อยู่ในถังไม้ได้หนึ่งเค่อ รู้สึกได้ถึงน้ำร้อนห่อหุ้มผิวหนังจนรู้สึกสบายแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ
เมื่อก่อนไปไหนมาไหนคนเดียวไม่รู้สึกเท่าไร ตอนนี้มีคนมากมายติดตามซ้ายขวา ความไม่สะดวกยามแต่งกายเป็นชายหลายเรื่องก็ยิ่งเด่นชัด
ซินโย่วแต่งตัวเรียบร้อย ก็ผลักประตูออกไป
เชียนเฟิงจึงได้เข้ามารายงาน “คุณชาย ก่อนหน้านี้ใต้เท้าเฮ่อส่งคนนำจดหมายมา บอกว่าซิ่วอ๋องกลับมาแล้ว”
“ตอนนี้ยามใดแล้ว”
ผิงอันตอบว่า “ปลายยามเซิน[1]แล้วขอรับ”
ซินโย่วพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะไปที่ห้องโถง
ขณะในห้องโถงกำลังครึกครื้น แต่พอได้ยินว่า “คุณชายซินมาแล้ว” ก็พลันเงียบกริบ
ซิ่วอ๋องลุกขึ้นเข้าไปต้อนรับด้วยตนเอง มองประเมินชายหนุ่มที่เดินเข้ามาด้วยแววตาส่องประกาย “ซินไต้จ้าวกลับมาอย่างปลอดภัยได้ ข้าก็วางใจ”
“ทำให้ซิ่วอ๋องเป็นห่วง กระหม่อมขออภัย”
“ซินไต้จ้าวอย่าได้กล่าวเช่นนี้เด็ดขาด เสด็จพ่อทรงได้ยินว่าท่านเกิดเรื่อง ก็จะเสด็จลงใต้มาหาท่านด้วยตนเอง ข้าจึงได้มาแทนเสด็จพ่อ”
ซินโย่วเผยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยอย่างพอเหมาะพอควร ในใจกลับรู้สึกตกใจที่รู้ว่าคนผู้นั้นต้องการลงใต้มาค้นหานางด้วยตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นก็คือท่าทีของซิ่วอ๋อง
ซิ่วอ๋องคิดสานสัมพันธ์ให้นางกับคนผู้นั้นหรือ แต่ทันทีที่นางกับคนผู้นั้นกลายเป็นบิดาและบุตร หากมองแค่ผลประโยชน์ในสายตาบรรดาขุนนางและชนชั้นสูง ก็ไม่มีอันใดเป็นประโยชน์ต่อซิ่วอ๋อง
แม้ในใจซินโย่วนึกสงสัย แต่การแสดงน้ำใจเป็นมิตรของซิ่วอ๋องก็มิได้ถูกมองว่าเป็นภัยร้ายยิ่งใหญ่
สิ่งที่นางต้องการแท้จริงก็คือทวงคืนความเป็นธรรมให้มารดา ขอเพียงซิ่วอ๋องไม่เป็นอุปสรรค ซิ่วอ๋องจะเป็นอย่างไร สำหรับนางแล้วล้วนไม่ใช่เรื่องควรสนใจ
พวกไป๋อิงเห็นซิ่วอ๋องทักทายซินโย่วแล้วก็เข้ามาคำนับ “ไป๋อิงคารวะคุณชายซิน”
ซินโย่วพูดคุยกับไป๋อิงในสถานะโค่วชิงชิงก็รู้สึกว่าคุณหนูท่านนี้น่าสนใจมาก ยามนี้เปลี่ยนสถานะพบกันอีกครั้ง รอยยิ้มมุมปากก็กดลึกยิ่งกว่าตอนอยู่ต่อหน้าผู้อื่นมาก “คุณหนูไป๋ ลำบากท่านแล้ว”
ไป๋อิงมองชายหนุ่มรอยยิ้มอ่อนโยนตรงหน้าด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
ชาวอำเภอไป๋อวิ๋นต่างบอกว่าคุณชายซินเป็นเทพมาจุติ ดูท่าทางก็เหมือนชายหนุ่มธรรมดา
งานเลี้ยงค่ำนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่มาก แต่ซินโย่วกลับคีบแค่ผักกินเท่านั้น ผู้อื่นเห็นเช่นนี้ก็รู้ความไม่ได้เรียกให้กินอย่างอื่น
โลงพระศพฮองเฮาซินยังตั้งอยู่ในที่ทำการ ด้วยสถานะคุณชายซินย่อมไม่อาจกินดื่มสบายใจได้
หลังอาหาร ซินโย่วหารือกับซิ่วอ๋องอย่างเกรงใจ “เส้นทางขึ้นเหนือเปิดแล้ว กระหม่อมคิดว่าพรุ่งนี้ก็จะออกเดินทางแล้ว ซิ่วอ๋องคิดว่าอย่างไร”
ซิ่วอ๋องไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ทุกอย่างจัดการไปตามที่ซินไต้จ้าวต้องการ”
หารือเสร็จว่าพรุ่งนี้ออกเดินทาง ทุกคนจึงได้แยกย้าย
เช้าวันต่อมา นายอำเภอจ้าวรีบเข้ามาหาในเรือนรับแขก “คุณชายซิน เมื่อวานชาวบ้านหมู่บ้านซ่างเหอกับซย่าเหอได้ยินว่าท่านกลับมาอย่างปลอดภัย ก็รีบนำร่มหมื่นราษฎร์คู่หนึ่งส่งมาถึงที่อำเภอ ตอนนี้พวกเขายังรวมตัวกันอยู่นอกประตูที่ทำการอำเภอ ท่านจะออกไปดูสักหน่อยไหม”
ซินโย่วย่อมไม่ปฏิเสธ คนที่ออกมากับนางไม่เพียงแต่เฮ่อชิงเซียว ยังมีซิ่วอ๋องกับไป๋อิง
นอกประตูที่ทำการ แววตาตื่นเต้นรอคอยมากมายล้วนจับต้องมาที่หน้าประตู พอเห็นซินโย่วออกมาก็ส่งเสียงดังขึ้น
“คุณชายซิน เป็นคุณชายซิน!”
ผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านซ่างเหอกับหมู่บ้านซย่าเหอยืนอยู่ด้านหน้าสุด คุกเข่าให้ซินโย่ว “ข้าเป็นตัวแทนของชาวหมู่บ้านมาขอบคุณบุญคุณที่คุณชายซินได้ช่วยชีวิตพวกเราไว้!”
ซินโย่วรีบเข้าไปประคอง แต่กลับมีชาวบ้านคุกเข่าลงมากยิ่งขึ้น
ซิ่วอ๋องยืนอยู่ที่ประตูมองภาพตรงหน้าเงียบๆ ในใจเกิดความรู้สึกประทับใจ
ซินไต้จ้าวช่าง…ยอดเยี่ยมจริง
กว่าจะกล่อมให้บรรดาชาวบ้านลุกขึ้นได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร พอพวกซินโย่วออกเดินทาง ก็มีชาวบ้านรวมขบวนกันออกมาส่งยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
“ที่ทำการมีงานให้ทำอีกมากมาย นายอำเภอจ้าวกลับไปเถอะ” พอออกมานอกเมือง นายอำเภอจ้าวยังส่งคนตามไปส่ง ซิ่วอ๋องได้แต่เอ่ยเตือนน้ำเสียงอ่อนโยน
นายอำเภอจ้าวคำนับนอบน้อม “ขอซิ่วอ๋อง คุณชายซิน ใต้เท้าเฮ่อ เดินทางโดยสวัสดิภาพ”
ขบวนแถวยาวเหยียดค่อยๆ จากไปไกลแล้ว จนกระทั่งมองไม่เห็น ชายหนุ่มของหมู่บ้านซย่าเหอผู้หนึ่งใจกล้าถามขึ้นว่า“นายท่านใหญ่ คุณชายซินจะมาอำเภอไป๋อวิ๋นเราอีกไหม”
นายอำเภอจ้าวมองดูสายตาวาดหวังของชายหนุ่ม ก็ยิ้มบางเอ่ยว่า “แม้วันหน้าคุณชายซินไม่มา ก็จะไม่ลืมอำเภอไป๋อวิ๋นเรา”
ก็เหมือนที่ชาวอำเภอไป๋อวิ๋นจะไม่ลืมคุณชายซิน
หวนคิดถึงสถานะพิเศษของคุณชายซิน ยังมีท่าทางสง่างามของซิ่วอ๋อง ในใจนายอำเภอจ้าวก็ลอบถอนใจเบาๆ
ขอบฟ้าสูงแผ่นดินกว้างไกล ในฐานะขุนนางท้องถิ่นในอำเภอเล็กๆ ห่างไกลคนหนึ่ง เขาไม่รู้แน่ชัดและไม่อาจเข้าร่วมกับเรื่องราวในราชสำนัก หวังเพียงแค่คุณชายซินจะมีชีวิตที่ราบรื่นได้
ขณะขบวนเดินทางขึ้นเหนือ องครักษ์กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายออกจากขบวนไปเงียบๆ เพื่อไปบ้านนายพรานตามคำบอกของเฮ่อชิงเซียว
นายพรานกำลังกินข้าวกับมารดา
ฝนทางนี้ยังคงตกติดต่อกันมาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว ส่งผลกระทบต่อรายได้ของนายพรานมาก ทำให้อาหารบนโต๊ะเหลือเพียงแค่แผ่นแป้งหยาบๆ ไม่กี่ชิ้น พร้อมกับโจ๊กชามหนึ่ง
“ก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวเฮ่อสองสามีภรรยาถึงบ้านแล้วหรือยัง” มารดานายพรานกินโจ๊กไปก็บ่นคิดถึงไป
“ย่อมต้องถึงบ้านแล้ว ท่านแม่วางใจเถอะ” นายพรานกัดแผ่นแป้งไปคำหนึ่งก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
เขาเดินไปเปิดประตูอย่างนึกสงสัย เห็นชายสองคนยืนอยู่ด้านนอกก็มีท่าทีระวังตัวขึ้นมาทันที “มีธุระอันใดหรือ”
“ขอเรียนถามพี่ชาย หลายวันก่อนมีคนสองคนมาพักบ้านพวกท่านชั่วคราวใช่หรือไม่”
นายพรานมองประเมินทั้งสองคนพลันเงียบงัน
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายรีบยิ้มอธิบาย “ผู้นั้นก็คือคุณชายของเรา คุณชายกลับไปแล้วก็รู้สึกซาบซึ้งบุญคุณที่พี่ชายให้ที่พัก สั่งให้พวกเรานำของขวัญมาแสดงความขอบคุณ”
“ลูกแม่ คนจากบ้านของเสี่ยวเฮ่อมาหรือ” มารดานายพรานก้าวออกมา
“ใช่ บอกว่านำของขวัญมาแสดงความขอบคุณ”
ตอนกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายคุยกับทั้งสองคน ก็ยกถุงข้าวสารสองถุงเข้ามา
มารดานายพรานเห็นก็ปฏิเสธ “มอบของขวัญขอบคุณอันใดกัน ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนมีวันเวลาประสบเหตุยากลำบาก ก็แค่เพิ่มตะเกียบอีกสองคู่เท่านั้น”
“ท่านน้า พี่ชายรับไว้เถิด พวกเราจะได้กลับไปรายงานคุณชายได้”
ได้ฟังกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินกล่าวเช่นนี้ นายพรานสองแม่ลูกก็มิได้ปฏิเสธอีก รับข้าวสารสองถุงไว้
มารดานายพรานขอให้ทั้งสองคนอยู่กินข้าวก็ถูกปฏิเสธ เดินออกไปส่งที่หน้าประตูอย่างมีน้ำใจกระตือรือร้น “บอกคุณชายพวกเจ้าว่า ใช้ชีวิตให้ดีๆ ไม่ต้องรีบมีบุตร”
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายได้ยินก็รู้สึกงุนงงไม่เข้าใจ แต่ก็พยักหน้างงงวยก่อนจากไป
ตอนนายพรานยกถุงข้าวสารเข้าบ้านก็คลำพบถุงหนึ่ง พอเปิดออกดูสีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยน “ท่านแม่ พวกเขายังทิ้งเงินไว้มากมายด้วย!”
[1] เริ่มนับตั้งแต่เวลา 15.00 – 17.00 น.