สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 34 ต่อรอง
ตอนที่ 34 ต่อรอง
ต้วนอวิ๋นหวาก็สะใจแทบจะตบมือดัง ต้วนอวิ๋นหลิงกลับมองซินโย่วด้วยสายตาที่ไม่อาจเก็บงำความกังวล
นางรู้ว่าหากเป็นเรื่องขึ้นมาจะไม่เป็นผลดีต่อพี่ชิง โดยเฉพาะทำให้ท่านย่าไม่พอใจ ในฐานะหลานสาวสายนอกก็ยิ่งไร้แรงกำลังต้านทาน
จูซื่อเห็นนายห-ญิงผู้เฒ่าโมโหแล้ว ในใจก็แอบถอนหายใจ เกลี้ยกล่อมว่า “นายหญิงผู้เฒ่า ชิงชิงวู่วามไปชั่วครู่ ท่านอย่าได้โมโห”
นายหญิงผู้เฒ่าอยู่ต่อหน้าผู้คน แต่ไรมาล้วนแสดงท่าทางให้ความเมตตากรุณาต่อหลานสาวอย่างมาก ยามนี้สีหน้าเย็นเยียบ เอ่ยว่า “ล้วนโตจนได้วัยออกเรือน วู่วามเช่นนี้ไม่ได้ เมื่อก่อนข้าตามใจนางเกินไป ตอนนี้ดูท่าจะเป็นการทำร้ายนาง”
ทุกคนล้วนเข้าใจดีว่าการกระทำของคุณหนูนอกวันนี้ ทำให้นายหญิงผู้เฒ่าโมโหแล้วจริงๆ ชีวิตวันหน้าก็คงไม่ได้อิสรเสรีดังเดิมอีกแล้ว
สายตาทุกคู่มองไปยังซินโย่ว ทั้งเป็นห่วง ทั้งเห็นใจ ทั้งสะใจ ล้วนมีครบ
ซินโย่วกลับมีสีหน้าไม่ยี่หระ “ท่านยาย ข้ามีคำพูดอยากคุยกับท่านยายตามลำพัง”
นายหญิงผู้เฒ่าสบสายตานิ่งสงบคู่นั้นแล้ว ครู่หนึ่งก็พยักหน้า
“ว่ามา” กลับถึงเรือนหรูอี้ถัง ไม่มีคนอยู่ในห้อง นายหญิงผู้เฒ่าก็เอ่ยขึ้นน้ำเสียงนิ่งเรียบ
นางเองก็อยากรู้ว่าหลานสาวจะเอ่ยอันใด
พอไม่มีคนอื่นอยู่ ก็จะลดศักดิ์ศรีลงขอร้องนางหรือ
“วันนี้ข้าไปเดินดูร้านหนังสือ ได้พบท่านผู้กล้าที่ช่วยข้าวันที่ม้าตื่น”
พอซินโย่วเอ่ยขึ้น ก็ทำเอานายหญิงผู้เฒ่าแทบลืมหายใจ
นายหญิงผู้เฒ่าจ้องมองสาวน้อยแผ่นหลังตรงนิ่งเบื้องหน้า รับฟังคำพูดที่ไม่อยากรับฟังที่สุด
“ชิงชิงจึงได้รู้ว่าที่แท้ท่านผู้กล้าที่ช่วยข้าไว้ก็คือผู้บัญชาการสำนักเจิ้นฝู่ซือสังกัดกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน” ซินโย่วยิ้มหวาน ทำเหมือนไม่เห็นสีที่หน้าแปรเปลี่ยนไปของนายหญิงผู้เฒ่า “ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้เท้าเฮ่อก็คือผู้เมตตาที่ช่วยผู้ใดแล้วก็จะช่วยถึงที่สุด เขาบอกข้าว่า วันหน้าหากพบเจอเรื่องยุ่งยากก็ให้ไปพบเขาได้”
สายตานายหญิงผู้เฒ่าตื่นตกใจ น้ำเสียงแปรเปลี่ยน “เขาพูดเช่นนี้จริงหรือ”
ซินโย่วทำสีหน้าไม่เข้าใจ “ชิงชิงไม่จำเป็นต้องโกหกเรื่องนี้ หากท่านยายไม่เชื่อ ก็ไปถามใต้เท้าเฮ่อได้เจ้าค่ะ”
นายหญิงผู้เฒ่าสีหน้าแปรเปลี่ยนไปมาไม่หยุด ไม่เอ่ยอันใดอยู่เป็นนาน
แม้คิดถามก็ไม่อาจไปถามได้ แต่สถานะเช่นฉางเล่อโหว เหตุใดจึงเอ่ยวาจานี้กับหลานสาวนาง
แววตานายหญิงผู้เฒ่าเคร่งเครียด มองสาวน้อยใบหน้าดุจดอกฝูหรง ร่างอรชรดุจกิ่งหลิ่ว เผยสีหน้าคาดเดาอย่างไม่อาจปิดบัง ฉางเล่อโหวเฮ่อชิงเซียวต้องตาต้องใจหลานสาวนางหรือ
การคาดเดานี้ทำให้สีหน้านางยิ่งย่ำแย่
จวนรองเจ้ากรมไม่มีทางเกี่ยวข้องกับคนเช่นนั้น!
“ชิงชิงเอ่ยถึงคนผู้นี้ เพราะคิดว่าหากวันนี้โดนรังแกก็จะไปขอความช่วยเหลือจากเขาหรือ”
ซินโย่วเผยสีหน้าว่าเหตุใดจึงไม่อาจทำเช่นนี้เล่า
“เหลวไหล! เจ้าเป็นสาวเป็นนาง ผละจากเครือญาติไปขอความช่วยเหลือจากชายที่ยังไม่แต่งงาน ยังต้องการชื่อเสียงอีกหรือไม่ รู้ไหมว่าผู้คนจะพูดถึงเจ้าเช่นไร”
เผชิญหน้ากับนายหญิงผู้เฒ่าที่กำลังมีสีหน้าเข้มงวดไม่ยอมลดราวาศอก ซินโย่วก็หลุดยิ้มเยาะ “แต่ความยุ่งยากที่ชิงชิงต้องประสบมิใช่มาจากเครือญาติหรือ”
วาจานี้ราวกับฟาดฉาดหนึ่งใส่ใบหน้านายหญิงผู้เฒ่าเต็มแรง
“ชิงชิง เฉียวซื่อถูกเขียนหนังสือหย่าส่งกลับตระกูลเฉียว หรือว่าเจ้ายังไม่พอใจ ยังคิดจะไล่พี่หวาเจ้าออกจากจวนนี้ไปด้วยให้ได้”
นายหญิงผู้เฒ่ารู้สึกอับอายจนกลายเป็นโมโห ทำให้ซินโย่วรู้สึกเศร้าใจแทนโค่วชิงชิง เอ่ยอย่างไม่ร้อนใจว่า “เฉียวไท่ไทโดนเขียนหนังสือหย่ากลับตระกูลเฉียว พี่หวาก็เริ่มมาหาเรื่องข้า หากพี่หวาโดนลงโทษ ไม่แน่ว่าพี่ใหญ่ก็จะมาเอาเรื่องข้าด้วย หากพี่ใหญ่ถูกลงโทษอีก เกรงว่าท่านลุงก็คงไม่อาจยอมรับข้าไว้ได้อีก ท่านยาย ชิงชิงอยู่จวนรองเจ้ากรม วันหน้าก็จะพบแต่ปัญหาไม่รู้จบ นี่คือสิ่งที่ท่านยายอยากเห็นหรือเจ้าคะ”
นายหญิงผู้เฒ่าถูกถามจนสีหน้าดำทะมึน เอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เจ้าอยู่เรือนหว่านฉิง ก็ข้องเกี่ยวกับพวกเขาให้น้อยหน่อย จะมีเรื่องปัญหาได้อย่างไร”
ซินโย่วเลิกคิ้ว “ท่านยายคิดทำกับข้าเหมือนกับที่คิดจัดการเฉียวไท่ไทในตอนต้นหรือ ให้อยู่แต่เรือนหว่านฉิงดำรงชีวิตโดดเดี่ยวในพระศาสนาหรือเจ้าคะ”
นายหญิงผู้เฒ่าสีหน้าเคร่งเครียด ไม่เอ่ยอันใด
นางก็มิได้คิดว่าจะให้หลานสาวดำรงชีวิตโดดเดี่ยวในพระศาสนา แต่เห็นหลานสาวเอาเรื่องรุนแรงเช่นนี้ ก็แค่คิดจะกักตัวไว้ในเรือนหว่านฉิงให้รู้จักสงบเสงี่ยมสักระยะหนึ่ง รอให้รู้ว่าวันเวลาที่ถูกกักบริเวณนั้นต้องทนทุกข์ก็จะรู้ความ กลับเป็นดังเมื่อก่อนเอง
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้กลับคิดเรื่องราวไปในทางเลวร้ายยิ่งกว่า นางมีความมั่นใจใดจึงได้ก่อเรื่องเช่นนี้กัน
ซินโย่วน้ำเสียงอ่อนโยนลง “เมื่อครู่ที่ชิงชิงวิ่งออกไปนอกจวน หลายคนต่างได้เห็น เกรงว่าตอนนี้คงมุงอยู่รอบจวนพากันวิพากษ์วิจารณ์ไปแล้ว สร้างชื่อเสียงยากเย็น ทำลายชื่อเสียงง่ายดายดังพลิกฝ่ามือ ในเมื่อท่านยายรักชื่อเสียงจวนรองเจ้ากรมเพียงนี้ ไยต้องฝืนบังคับข้าให้อยู่ที่นี่ต่อด้วย หรือว่าจะกักขังข้าไปตลอดชีวิตเจ้าคะ”
“เจ้ากำลังข่มขู่ยาย?”
หลานสาวกล่าวได้ถูกต้อง นอกจากขังนางไว้ตลอดไป ไม่เช่นนั้นขอเพียงมีโอกาส ก็จะพุ่งออกไปทำอันใดก็ได้ ล้วนเป็นการทำลายชื่อเสียงจวนรองเจ้ากรม
“ที่ไหนกัน ชิงชิงเพียงแต่พูดตามความจริงเท่านั้น ตอนนี้ข้ารังเกียจพี่หวามาก เห็นนางอีกครั้งก็ไม่แน่อาจทนไม่ไหวเข้าไปกระชากเสื้อผ้านางขาดบ้าง โยนนางออกนอกจวน ท่านยายก็คงไม่คิดอยากให้เราพี่น้องต้องมีเรื่องกันถึงขั้นนั้นกระมัง”
ซินโย่วบรรยายภาพเล็กน้อย ทำเป็นไม่เห็นสีหน้าย่ำแย่ของนายหญิงผู้เฒ่า “ท่านยาย ปีนี้ชิงชิงสิบหกแล้ว หากท่านยายไม่คิดกักขังข้าไว้ตลอดชีวิต และสงสารชิงชิงที่ทั้งตกหน้าผาและเกิดเหตุม้าตื่น ก็ปล่อยข้าไปเถอะ”
คำพูดนี้เหมือนอ่อนข้อ แต่ความจริงดังซ่อนเข็มเอาไว้ในฝ้ายนุ่ม
นางกำลังบอกว่าหากไม่อาจกักขังนางไว้ตลอดชีวิต ไม่อาจลงมือโหดเหี้ยมเช่นเฉียวซื่อ ไม่สู้รอมชอมกัน
สังหารหลานสาว?
แม้ว่านายหญิงผู้เฒ่าตัดใจจากสินทรัพย์สมบัติมหาศาลของหลานสาวไม่ได้ แต่กลับไม่กล้ามีความคิดเช่นนี้ สำหรับนางแล้ว อย่างไรโค่วชิงชิงก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขหนึ่งเดียวของบุตรสาวนางที่เหลือทิ้งไว้ หลานสาวแท้ๆ ของนาง
แต่ไรมาในความคิดนายหญิงผู้เฒ่ามีแต่ได้ทั้งคนและเงินทอง จบสวยงามบริบูรณ์
ตอนนี้ดูท่าคิดจบสวยงามบริบูรณ์คงเป็นไปไม่ได้แล้ว
“ชิงชิง เจ้าคิดแต่จะหาเรื่องให้จวนรองเจ้ากรมเสียชื่อเสียง เคยคิดบ้างหรือไม่ หากเจ้าออกจากจวนไปเพียงลำพัง ก็เท่ากับตบหน้าจวนรองเจ้ากรมเช่นกัน”
หลานสาวกำพร้ามาอาศัยบ้านยาย พลันออกไปซื้อบ้านดำรงชีวิตลำพัง ผู้คนจะคิดเช่นไร
“เช่นนั้น…” ซินโย่วกะพริบตา คล้ายว่าเพิ่งจะคิดถึงปัญหานี้ได้
นางขมวดคิ้วครุ่นคิดแล้ว ดวงตาพลันสว่างวาบเอ่ยว่า “ออกจากจวนก็ใช่ว่าต้องออกไปซื้อบ้านดำรงชีวิตลำพัง”
นายหญิงผู้เฒ่าขมวดคิ้วมองนาง
“วันนี้ชิงชิงออกไปข้างนอก ได้ไปเดินร้านหนังสือชิงซง พอดีได้ยินว่าร้านหนังสือการค้าไม่ดี เจ้าของร้านคิดจะขายร้าน ท่านยายซื้อร้านหนังสือชิงซงให้ข้า ถึงตอนนั้นข้าก็จะอ้างว่าไปดูแลกิจการร้านหนังสือ ไปอยู่ที่ร้านหนังสือ ก็จะไม่มีเหตุปะทะกับพี่หวาอีกเจ้าค่ะ”
พอซินโย่วเอ่ยเช่นนี้ ปฏิกิริยาแรกของนายหญิงผู้เฒ่าก็คือ ไม่ได้
ร้านหนังสือชิงซงแม้แต่ยายแก่เช่นนางยังเคยพอได้ยินชื่อมาบ้าง จะซื้อไว้ก็ต้องใช้เงินไม่น้อย แม้ว่าตอนนี้หญิงสาวทำมาหาเลี้ยงชีพออกหน้าออกตาได้ แต่นั่นก็เพราะไร้หนทาง มีกุลสตรีตระกูลใดบ้างที่ทำเช่นนี้
ซินโย่วคล้ายมองการปฏิเสธของนายหญิงผู้เฒ่าไม่ออก เอ่ยอย่างรู้สึกสมเหตุสมผล “ไม่ต้องให้ท่านต้องเปลืองเงินทอง ก็ถือเสียว่าเอาจากสินออกเรือนของชิงชิงล่วงหน้าก็แล้วกัน ท่านยายไม่ต้องเป็นห่วงคนนอกจะวิพากษ์วิจารณ์ เป็นเพราะนิสัยข้าอยู่นิ่งไม่เป็นเอง ต้องออกไปเปิดร้านเล่นให้ได้ ท่านยายกับท่านลุงรักข้ามากเกินไป…อา ท่านยายเจ้าคะ เงินทองที่บิดามารดาข้าทิ้งไว้พอจะซื้อร้านหนังสือชิงซงกระมัง”
นายหญิงผู้เฒ่าสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ทำให้แววตาซินโย่ววูบไหว
ก่อนหน้านี้หลังจากตัดสินใจจะจากไป ก็แค่เพื่อเพิ่มราคาต่อรองเท่านั้น นายหญิงผู้เฒ่าไม่มีทางรับปาก
เดินออกจากจวนรองเจ้ากรม แวะซื้อร้านหนังสือชิงซง ก็คือเป้าหมายแท้จริงที่นางก่อเรื่องทั้งหมดในวันนี้