สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 356 รากฐานราชวงศ์ต้าซย่า
ตอนที่ 356 รากฐานราชวงศ์ต้าซย่า
……….
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรมองลงมายังจังโส่วฝู่ที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น ในพระทัยแทบไม่อยากเชื่อ
อาโย่วเป็นบุตรสาวเขา นี่คือเรื่องที่เห็นว่าเป็นความมักใหญ่ของขุนนาง ตระกูลจังกินดีหมีมาหรือ ถึงกับกล้าลงมือกับอาโย่ว?
หวนคิดถึงฮองเฮาซิน พระทัยฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็กระตุกวาบ
การตายของซินซินสืบไปถึงรองเจ้ากรมเผยก็สืบต่อไม่ได้ เขาสงสัยมานานแล้วว่าเกี่ยวกับการไม่ลงรอยกับบรรดาขุนนางบางส่วนเรื่องการเมืองในตอนนั้น ดูท่าตระกูลจังก็เกี่ยวข้องด้วย
“จังโหย่วหมิง เจ้าบอกว่าจังอวี้เฉินลงมือกับซินไต้จ้าว เพราะระบายโทสะแทนจังซวี่หลานของเจ้า?” มุมพระโอษฐ์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แค่นเยาะ “เจ้าคิดว่าเราเลอะเลือนหรือ จะเชื่อว่าเป็นเรื่องบาดหมางของเด็กๆ ก็ส่งมือสังหารไปลงมือหรือ”
จังโส่วฝู่รู้ว่าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้หลอกยาก แต่มาถึงขั้นนี้ได้แต่กัดฟันไม่ยอมรับ เพื่อขอโอกาสรอดชีวิต “จังอวี้เฉินรักหลานชายกระหม่อมดังบุตรชายตนเอง ทนเห็นหลานชายโดนรังแกไม่ได้ เขายังเคยชินกับการแก้ปัญหาด้วยหนทางรวดเร็วเช่นนี้ ล้วนเพราะกระหม่อมควบคุมไม่เข้มงวด กระหม่อมควรตายหมื่นครั้ง!”
จังโส่วฝู่กัดฟันโขกศีรษะดังปังๆ
เขาโขกศีรษะอย่างแรง ไม่นานหน้าผากก็แตก มวยผมหลุดลุ่ย ดูแล้วสภาพน่าอนาถและน่าสงสาร
มุมพระโอษฐ์แค่นเยาะฮ่องเต้ซิงหยวนตี้จางหายไป เม้มเป็นเส้นตรงตรัสว่า “ในเมื่อท่านบอกว่าจังอวี้เฉินรักหลานชายมาก วันนี้เราจะลองถามเขาด้วยตนเอง ทหาร นำตัวจังอวี้เฉินมา!”
จังโส่วฝู่หมอบอยู่บนอิฐทองคำเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง เริ่มมึนงงตาลายแล้ว ในใจแอบภาวนาของให้จังอวี้เฉินอย่าได้ทำให้เขาผิดหวัง
ยามนี้เองเฮ่อชิงเซียวจึงทูลขึ้น “ฝ่าบาท จังอวี้เฉินอยู่ที่สำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ”
จังโส่วฝู่ที่ดูเหมือนใกล้หมดลมผงะเงยหน้ามองไปทางชายหนุ่ม
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรไปทางเขา “อยู่สำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ?”
“เมื่อคืนจังอวี้เฉินแต่งกายเป็นชาวบ้านลอบหลบหนี ถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินจับตัวไว้ได้” เฮ่อชิงเซียวเอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
จังโส่วฝู่แววตาตกตะลึง ไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
จังอวี้เฉินหลบหนี?
เมื่อคืนเห็นชัดว่าพวกเขาหารือคำพูดวันนี้กันแล้ว…
จังโส่วฝู่เข้าใจแล้ว ทุกอย่างเมื่อคืนนี้ ก็แค่คำโกหกของจังอวี้เฉินที่คิดทำให้เขาวางใจ
เจ้าเดรัจฉานชั่วช้าต่ำทราม!
เมื่อวานรู้ว่าภัยหายนะมาเยือน แม้จังโส่วฝู่ตำหนิจังอวี้เฉินว่าทำงานได้ไม่ดี แต่ไม่ได้เกลียดชัง หลายปีมานี้บรรดางานที่จังอวี้เฉินทำเขาก็รู้ทุกเรื่อง แก้ไขปัญหายุ่งยากได้มากมายจริงๆ จะมาเอาผิดตอนนี้ก็คงไร้ประโยชน์
แต่จังอวี้เฉินสละทั้งวงศ์ตระกูลหนีไป ก็ย่อมไม่เหมือนเดิมแล้ว
เหตุใดเขาจึงได้ตาบอดใช้งานเจ้าคนไร้ความกล้าหาญเช่นนี้ได้!
ความโมโหและแค้นใจปะทุขึ้นมาในใจ กระทบกันแล้วก็ทนไม่ไหวกระอักโลหิตออกมา
บรรดาขุนนางพากันตกใจ
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ขมวดพระขนง ไม่ได้รับสั่งให้นำตัวจังโส่วฝู่ออกไป
ฮ่องเต้ไม่ตรัสอันใด บรรดาขุนนางเองก็ไม่กล้าส่งเสียง บรรยากาศเงียบกริบน่ากดดันนี้กลายเป็นห้วงเวลาอันแสนยาวนาน ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดจังอวี้เฉินก็ถูกนำตัวมา
นี่คือจังอวี้เฉิน?
มองดูคนที่ถูกคุมตัวมา ขุนนางหลายคนลอบสบตากัน
เฮ่อชิงเซียวเริ่มอธิบาย “ทูลฝ่าบาท จังอวี้เฉินปลอมตัวหลบหนี หลังถูกจับกลับสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ ก็ยังคงให้เขาอยู่ในสภาพปลอมตัวนี้ต่อ”
กล่าวเช่นนี้ก็เพื่อบอกทุกคนว่า จังอวี้เฉินปลอมตัวหนีและถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินจับตัวได้จริง ไม่ใช่กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินไปจับถึงจวน
สีพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เรียบเฉยไร้ความรู้สึก ทอดพระเนตรดูคนที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น “ถอดชุดที่เขาปลอมตัวออก”
“พ่ะย่ะค่ะ”
จังอวี้เฉินรีบร้อนหลบหนี ปลอมตัวเพียงแต่ภายนอก ไม่นานก็กลับคืนสู่สภาพเดิม
เฮ่อชิงเซียวนำใบเบิกทางและสิ่งของอื่นๆ ที่ค้นตัวมาได้ออกมา
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรแล้วก็แค่นเยาะ “นับว่าเตรียมตัวได้รอบคอบมาก!”
จังอวี้เฉินถูกจับลงทัณฑ์จนบาดเจ็บไปทั้งตัว ยามนี้แม้แต่เสียงร้องขอชีวิตก็ไม่มี หมอบนิ่งอยู่กับพื้นไม่ขยับ
สภาพอนาถของเขาทำให้บรรดาขุนนางที่ได้เห็นต่างพากันหวาดกลัวกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินมากยิ่งขึ้น
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เห็นสภาพเขาแล้วก็ขมวดพระขนงตรัสถามเฮ่อชิงเซียวว่า “มีคำให้การของเขา?”
“มีพ่ะย่ะค่ะ” เฮ่อชิงเซียวเตรียมตัวมาค่อนข้างพร้อม
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรคำให้การของจังอวี้เฉินอย่างตั้งใจมาก ถึงกับอ่านสองรอบ
“ที่แท้ท่านก็กลัวซินไต้จ้าวสืบทอดความคิดปฏิรูปของฮองเฮา จึงทนไม่ไหวลงมือสังหารซินไต้จ้าว”
พอเอ่ยเช่นนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างพากันส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หลายคนเริ่มมีแววตาแปรเปลี่ยน
ผู้ที่คัดค้านฮองเฮาซินปฏิรูปย่อมมิได้มีเพียงตระกูลจัง
“จังโหย่วหมิง จังอวี้เฉิน เจ้าสองคนยังมีอันใดจะกล่าวอีกหรือไม่”
จังอวี้เฉินเงียบกริบราวกับสุนัขตาย จังโส่วฝู่เบ้ปากเต็มไปด้วยวาจาอัดแน่น แต่สุดท้ายไม่เอ่ยอันใดแม้แต่คำเดียว
ตระกูลจังจบสิ้นแล้ว เขากล่าวออกไปว่าเพื่อหยุดยั้งการปฏิรูป จะมีประโยชน์อันใดต่อตระกูลจังอีก
จังโส่วฝู่ค่อยๆ เบนสายตาขุ่นมัวชราภาพมองไปยังบรรดาสหายขุนนางที่คุ้นเคยกันทีละคน
บ้างก็ไม่ถูกกัน บ้างก็สนิทกัน บ้างก็ภายนอกไม่ถูกกันแต่ความจริงมีผลประโยชน์ร่วมกัน ยามสบสายตากับเขา คนเหล่านี้ก็คล้ายดังถูกไฟแผดเผา พากันเบือนสายตาหลบรวดเร็ว
สุดท้ายสายตาจังโส่วฝู่ไปหยุดที่ซินโย่ว ความรู้สึกสิ้นหวังพลันกลายเป็นความน่าขันอย่างรู้สึกได้ไม่ยาก
ความน่าขันนี้มิใช่มีต่อซินโย่ว และมิใช่ต่อตนเอง แต่ต่อสหายขุนนาง ต่อผู้ที่เรียกว่าพันธมิตร
เด็กสาวผู้นี้ฉลาดหลักแหลมกว่ามารดานาง เหี้ยมโหดกว่ามารดานาง และชำนาญการใช้จุดเด่นของตนเองยิ่งกว่ามารดานาง
เขามีลางสังหรณ์ว่าสหายที่นิ่งดูดายเหล่านี้ สักวันคงต้องตายด้วยน้ำมือนังเด็กนี่ ไม่ก็ยอมสงบศึก ไม่ก็ยอมตาย
“ทหาร นำตัวทุกคนในตระกูลจังไปขังไว้ รอการพิจารณาค่อยลงโทษตามกฎหมาย!”
ไม่นานกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินก็เข้ามาลากตัวจังโส่วฝู่และจังอวี้เฉินออกไป
จังโส่วฝู่ที่มีความรอบคอบทุกย่างก้าว รับใช้ฮ่องเต้มายี่สิบปี เขาด่าทอจังอวี้เฉินตั้งแต่ถูกลากออกไปจนถึงนอกท้องพระโรง “เจ้าเดรัจฉานรักตัวกลัวตาย เจ้าจะมีหน้าไปพบบรรพชนตระกูลจังได้อย่างไร…”
จังอวี้เฉินได้ยินเสียงด่าทอเช่นนี้ ก็หน้าชามองจังโส่วฝู่ทีหนึ่ง ก่อนแววตาจะแปรเปลี่ยนเล็กน้อย
ไม่มีหน้าไปพบบรรพชนตระกูลจังหรือ เขาถูกรังแกตอนเรียนในสถานศึกษาของตระกูล บรรพชนเคยปกป้องเขาไหม
เขาต้องละทิ้งเส้นทางการศึกษาของตนเองชั่วคราว ทุ่มเทแรงกายทำให้ลุงผู้นี้ได้เห็นผลงาน
จากนั้นงานเน่าเหม็นสกปรกล้วนให้เขาไปทำ แต่ในสายตาท่านลุงกลับไม่ได้มองเห็นเขาเป็นคนแรก แต่เป็นบุตรชายตนเอง
ต่อมาประเหมาะโอกาส เขาจัดการกำจัดเจ้าตัวไร้ความสามารถที่คอยขวางทางเขาทิ้ง ท่านลุงก็มีเพียงเขาคนเดียวแล้ว
หากคนที่กระทำเรื่องในวันนี้เป็นพี่ชายขยะของเขาผู้นั้น ท่านลุงจะด่าทอเช่นนี้หรือไม่
พอคิดเช่นนี้ จังอวี้เฉินก็รู้สึกนึกขันขึ้นมา และยังส่งเสียงหัวเราะดังออกมาด้วย
“เจ้ายังหัวเราะออกอีกหรือ เดรัจฉาน! เดรัจฉาน!”
เคราจังโส่วฝู่ที่เล็มเป็นระเบียบมีคราบโลหิต เสียงด่าทอแหบพร่าคล้ายว่าจะสิ้นลมได้ทุกเมื่อ
เฮ่อชิงเซียวเห็นเช่นนี้ก็มิได้ใจอ่อนแม้แต่น้อย กลับเป็นปฏิกิริยาของจังอวี้เฉินที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ
“นำตัวทั้งสองคนไปเข้าคุกห้องเดียวกัน”
ลุงหลานคู่นี้ดูท่ายังมีสงครามฝีปากกันอีกมาก ให้ทั้งสองคนกัดกันเองก็แล้วกัน
เสียงบอกเลิกประชุมดังขึ้น บรรดาขุนนางออกจากพระที่นั่งเงียบๆ แต่ละคนเดินกลับที่ทำงานของตน พวกที่สนิทกับจังโส่วฝู่ก็พากันเป็นห่วง ส่วนพวกที่ไม่เกี่ยวข้องก็หันไปวิพากษ์กับคนสนิทของตนเอง
ซินโย่วไปตำหนักเฉียนชิงกงตามรับสั่งของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้