สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 365 ตัวเลือก
ตอนที่ 365 ตัวเลือก
……….
เท่าไรนะ?
คำนี้ไม่เพียงแต่เวียนวนในความคิดของบรรดาขุนนาง คนไม่น้อยถึงกับหลุดพูดออกมา
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เองก็มีท่าทีตกพระทัย “ขุนนางต้วนต้องการบริจาคเท่าไรนะ”
บรรดาขุนนางพากันเบ้ปาก
เมื่อครู่ยังเรียก ‘รองเจ้ากรมต้วน’ เสียห่างเหิน ตอนนี้เรียก ‘ขุนนางต้วน’
รองเจ้ากรมต้วนถูกสายตาหลายคู่นับไม่ถ้วนจับจ้อง ก็ส่งเสียงทูลดังว่า “สี่แสนตำลึงเงินพ่ะย่ะค่ะ”
อย่างไรก็เก็บรักษาไว้ไม่ได้แล้ว รีบบริจาคให้หมดจดดีกว่า
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังเอ็ดอึงขึ้นทันที รองเจ้ากรมต้วนหูไวได้ยินเสียงด่าทอเขาไม่น้อย
เขาเข้าใจ หากเป็นผู้อื่นออกมาเอ่ยบริจาคมากมายเช่นนี้ด้วยตนเอง เขาก็อยากด่าเช่นกัน
แต่นี่มิใช่ว่าไร้หนทางหรอกหรือ!
รองเจ้ากรมต้วนเหลือบไปเห็นสีหน้านิ่งสงบของสาวน้อย ในใจได้แต่ทอดถอนใจ
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เผยสีพระพักตร์ซาบซึ้งพระทัย “ขุนนางต้วนรักราษฎรเพียงนี้ เราชื่นชมอย่างยิ่ง!”
“ได้แบ่งเบาพระทัยฝ่าบาท เป็นหน้าที่ของกระหม่อม นี่คือสมบัติที่หลานสาวกระหม่อมทิ้งไว้ นำมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ ย่อมเป็นวาสนาของนางและตระกูลกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” รองเจ้ากรมต้วนปากเอ่ยวาจาสวยหรู แต่ในใจกลับไร้วาจาจะเอื้อนเอ่ย
ขุนนางเสนอเงินบริจาคก้อนโต ฮ่องเต้ถึงกับไม่ปฏิเสธแม้แต่น้อย
แน่นอนฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ย่อมไม่ปฏิเสธ
อาโย่วบอกแล้วว่าโค่วชิงชิงมาพึ่งพาอาศัยบ้านยายตนเองเสียชีวิตก็เพราะสมบัติก้อนโตนี้ จึงได้คิดถึงเด็กสาวน่าสงสารผู้นี้ หากนางในปรภพได้รู้ก็คงยินดีนำสมบัติตนมาสร้างกุศล มิใช่ทิ้งให้คนตระกูลต้วน
แต่ต้วนเหวินซงรู้ความเช่นนี้ ยอมก้าวออกมาแสดงตัวขณะที่เขากำลังปวดหัวกับเรื่องการหาทางช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ วันหน้าเขาจะมองเขาดีขึ้นบ้าง
“มีเงินก้อนนี้ ปัญหาการช่วยเหลือภัยพิบัติจากหิมะก็คงได้รับการจัดการที่เหมาะสมได้” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สีพระพักตร์ชื่นชม คิดแล้วก็ตรัสว่า “ขุนนางต้วนบริจาคแทนหลานสาว แม้ไม่ได้ทำเพื่อชื่อเสียงผลประโยชน์ แต่เราจะต้องแสดงท่าทีสักหน่อย แต่งตั้งโค่วชิงชิงหลานสาวรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงต้วน เหวินซงเป็นองค์หญิงชิงหนิงจวิ้นจู่ ฝังศพตามธรรมเนียมองค์หญิงระดับจวิ้นจู่”
รองเจ้ากรมต้วนนิ่งอึ้งไปทันที ก่อนจะคุกเข่าลง “ขอบพระทัยฝ่าบาท”
ถึงกับมีเรื่องน่ายินดีไม่คาดคิดเช่นนี้
หลานสาวที่จากไปได้รับการแต่งตั้งเป็นจวิ้นจู่ จวนรองเจ้ากรมดูแล้วเหมือนไม่ได้ผลประโยชน์อันใดด้วย แต่ความจริงมิใช่
ตระกูลโค่วไม่มีคนเหลือแล้ว คนในเมืองหลวงล้วนรู้ว่าคุณหนูโค่วเป็นหลานสาวจวนรองเจ้ากรม ผู้คนทั่วไปก็จะให้ความเคารพจวนรองเจ้ากรมไม่มากก็น้อย
ชื่อเสียงปลอมๆ ก็เป็นชื่อเสียง ดีกว่าควักเงินสี่แสนตำลึงออกไปแล้วไม่ได้อะไรกลับมา
“ขุนนางทุกท่านมีเรื่องใดหารืออีกหรือไม่” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรไปยังบรรดาขุนนาง
ทุกคนรีบก้มหน้าลง “ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่งแล้ว”
ผู้ใดกล้ามีความเห็นอื่นกัน ยามนี้ออกมาส่งเสียงต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ ถูกฮ่องเต้บีบให้บริจาคเงินจะทำอย่างไร
ซินโย่วเอ่ยรับคำ ก่อนจะยิ้มมุมปาก
เมื่อวานนางไปพบรองเจ้ากรมต้วน เสนอให้อีกฝ่ายบริจาคสมบัติโค่วชิงชิงในประชุมท้องพระโรงวันนี้ หนึ่ง เพื่อแก้ปัญหายากแก้ไขเฉพาะหน้า จะได้รวบรวมสติกำลังทั้งหมดผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ สอง เพื่อทำให้คนมากมายได้รู้จักโค่วชิงชิง ให้โค่วชิงชิงได้จารึกชื่อเอาไว้
หลุมศพนางตอนแรกแม้แต่ป้ายหลุมศพก็ไม่มี เปลี่ยนเป็นป้ายหลุมพระศพองค์หญิง ตั้งแผ่นศิลาจารึกชื่อ หลายร้อยปีผ่านไปก็จะยังมีคนรู้ว่าบนโลกนี้มีเด็กสาวชื่อโค่วชิงชิง
รองเจ้ากรมต้วนถอยกลับเข้าแถว ลอบมองซินโย่วทีหนึ่ง
ฮ่องเต้แต่งตั้งชิงชิง คงมิใช่แผนการของนังเด็กนี่ด้วยกระมัง
ซินโย่วหันหน้ามายิ้มให้เขา รองเจ้ากรมต้วนรีบหลบสายตาลนลาน
วันหน้าต้องอยู่ห่างๆ นังเด็กนี่ไว้หน่อย!
การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติมีหนทางแล้ว ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็กระแอมไอก่อนตรัสว่า “เมื่อวานเรากำลังปวดหัวเรื่องท้องพระคลังว่างเปล่า ซินไต้จ้าวจึงได้เสนอนโยบายแก้ปัญหาจากรากฐาน”
บรรดาขุนนางพากันกลั้นลมหายใจ รอคำพูดต่อมา
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรไปทางซินโย่ว “ซินไต้จ้าว เจ้ามาอธิบายเอง”
นโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ย่อมต้องล่วงเกินตระกูลขุนนางเก่าแก่ทรงอิทธิพลอย่างไม่ต้องสงสัย เดิมเขาไม่อยากผลักอาโย่วออกไปต่อหน้าคนเหล่านี้ตรงๆ แต่พอคิดอีกที นี่คือเรื่องที่อาโย่วคิดจะทำ และนางก็มิได้คิดปิดบังมาแต่ต้น เขาจะมัวแต่ห่วงหน้าพะวงหลังได้อย่างไร
เมืองหลวงฝั่งตะวันตกยังมีการประหาร หากมีคนคิดทำร้ายอาโย่ว ก็จะได้ไตร่ตรองให้ดีอีกครั้ง
ทุกคนจ้องมองมา ซินโย่วก้าวออกมาอย่างมั่นใจ “หม่อมฉันได้เสนอเมื่อวานก็เพื่ออยากให้คลังหลวงมีเงินเต็มท้องพระคลัง ลดภาระราษฎร มีนโยบายหนึ่งที่ดำเนินการได้ ก็คือการเก็บภาษีตามขนาดที่ดิน ลดภาษีรายหัว…”
เฮ่อชิงเซียวที่ยืนอยู่ในแถวสีหน้าตั้งใจฟัง มองสาวน้อยตรงหน้าอธิบายไม่หยุด
ทุกคำของนางกระทบใจบรรดาขุนนางเต็มแรง มีคนเดือดดาล มีคนครุ่นคิด พอพูดจบ ก็เกิดเสียงเซ็งแซ่ทั่วโถงท้องพระโรง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสว่า “เมื่อวานเราเรียกประชุมแต่ละหน่วยงานที่ตำหนักเฉียนชิงกง เรื่องเร่งด่วนตอนนี้ก็คือวัดขนาดพื้นที่ก่อน เลือกพื้นที่อุดมสมบูรณ์เหนือละใต้สองสามแห่งทดลองดำเนินนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่”
บรรดาขุนนางได้ยินก็พากันมองไปยังหกกรมเก้าหน่วยงาน
ใต้เท้าเหล่านี้ไม่มีศักดิ์ศรีสักคนเลยหรือ
ขุนนางใหญ่ที่ถูกเรียกเข้าเฝ้าเมื่อวานอยากพูดแต่พูดไม่ได้
ฮ่องเต้ตรัสให้กระจ่างหน่อยได้หรือไม่ คล้ายว่าเป็นพวกเขาร้อนใจจะผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่!
“ผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่เป็นเรื่องใหญ่ของแผ่นดิน ไม่อาจกระทำการโดยไร้การไตร่ตรองให้รอบคอบ ไม่ทราบว่าขุนนางท่านใดยินดีแบ่งเบาภาระหนักหน่วงนี้บ้าง” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสถามอ่อนโยน
ในใจเขาย่อมมีตัวเลือกแล้ว
ผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องใหญ่ ยังเป็นเรื่องยาก ถึงตอนนั้นย่อมต้องมีแต่ความยากลำบากหนักหน่วง ถึงกับอาจมีเหตุปะทะนองเลือด
คนที่ไปจะให้ดีก็ต้องชนชั้นสูงมีบรรดาศักดิ์หรือขุนพลทหารตำแหน่งสูง คนเหล่านี้เคยออกศึกเผชิญกับการนองเลือด หากต้องเผชิญหน้ากับคนดื้อรั้นไม่ยินยอมจริงๆ เช่นนี้ การเข่นฆ่าสักระลอกก็อาจเป็นสิ่งจำเป็น อีกอย่างชนชั้นสูงและขุนพลทหาร ส่วนใหญ่มีชาติกำเนิดไม่ต่างจากเขามาก ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับพื้นที่ทดลองดำเนินนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่
แต่พวกขุนนางตรวจสอบก็ต้องตามไปทำงานด้วย
หลังฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ถาม ในพระที่นั่งเงียบกริบทันที
ในใจขุนนางส่วนใหญ่ไม่ยินดีอย่างเด็ดขาด หากมิได้หวาดกลัวถูกประหาร ก็คงกระโดดออกมา คัดค้านแล้ว ผู้ใดจะทำงานผลักดันเรื่องนี้กัน
คนที่ไม่คัดค้านนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ที่มีจำนวนน้อยก็ห่วงว่าจะล่วงเกินบรรดาสหายขุนนางด้วยกันและพวกผู้ทรงอิทธิพล
หากทำให้คนเหล่านี้จดจำฝังแค้นไว้ ไม่รู้จะโดนยื่นฎีกาเมื่อใด มิใช่ว่าต้องมีชีวิตอยู่บนความหวาดวิตกหรือ
เฮ่อชิงเซียวก้าวออก ทูลเสียงดังว่า “กระหม่อมยินดีขอลองสักครั้งพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรเห็นเฮ่อชิงเซียวก้าวออกมา ก็เผยรอยแย้มสรวล “ฉางเล่อโหวยินดีแบ่งเบาภาระเรา เราชื่นชมยิ่ง”
เฮ่อชิงเซียวเป็นชนชั้นสูงมีบรรดาศักดิ์ ยังกุมอำนาจสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ ในความคิดฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ เขาคือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด
“กระหม่อมยินดีทุ่มเทเพื่อนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่นี้อีกแรงพ่ะย่ะค่ะ” คนที่ก้าวออกมาก็คือเจ้ากรมตรวจสอบเหอ
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พยักพระพักตร์พึงพอพระทัย “อนุมัติ”
สถานที่ทดลองแบ่งเป็นเหนือใต้ อย่างน้อยก็ต้องการขุนนางหลักสองคน ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรไปทางคนอื่นๆ
หย่งอันป๋อก้าวออกมา “กระหม่อมก็ยินดีพ่ะย่ะค่ะ”
หย่งอันป๋อออกมารับหน้าที่นี้ด้วยตนเอง ทำให้บรรดาขุนนางยากระงับสีหน้าตกใจ
หย่งอันป๋อเป็นน้องเขยหัวหน้าเซี่ย อดีตขุนพลทหารเล็กๆ คนหนึ่งในกลุ่มขุนนางบู๊ที่ติดตามฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ออกรบพุ่งยึดครองแผ่นดินที่โดดเด่นมากคนหนึ่ง ตอนนี้เขาสี่สิบต้นๆ ขุนพลทหารเล็กๆ กลายเป็นชนชั้นสูงมีบรรดาศักดิ์ กำลังอยู่ในวัยฉกรรจ์
ซินโย่วอดมองหัวหน้าเซี่ยทีหนึ่งไม่ได้
หัวหน้าเซี่ยก้มศีรษะเล็กน้อยทำให้มองเห็นสีหน้าไม่ชัด
“ดี ดี ฉางเล่อโหวรับหน้าที่เมืองทางใต้ หย่งอันป๋อรับหน้าที่เมืองทางเหนือ อีกสามวันออกเดินทางได้”
อีกสามวัน?
ฮ่องเต้พระทัยร้อนจริงๆ
จากนั้นฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ทรงเลือกผู้ช่วย ก่อนประกาศเลิกประชุม
บรรดาขุนนางเดินออกไปกันเงียบๆ เห็นชัดว่าเว้นระยะห่างจากเฮ่อชิงเซียวและหย่งอันป๋อ
ซินโย่วเดินตรงเข้าไปเอ่ยเชื้อเชิญ “ใต้เท้าเฮ่อ ท่านป๋อ วันนี้เลิกงานแล้วหากมีเวลา ข้าขอเชิญท่านทั้งสองดื่มน้ำชา”
……….