สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 369 ละครโรงใหญ่
……….
“ดูนั่นเร็ว เจ้าหน้าขนนั่นคือตัวอันใด”
“ยังมีเจ้าปีศาจหมูแบกคราดมาด้วยตัวหนึ่ง!”
“ข้ารู้ คือซุนหงอคงกับตือโป๊ยก่าย[1]! นี่คือตัวละครใน ‘บันทึกตะวันตก’ พวกเจ้าเคยอ่าน ‘บันทึกตะวันตก’ กันกระมัง……”
ราษฎรที่ล้อมมุง บ้างเคยได้อ่านนิยาย ‘บันทึกตะวันตก’ บ้างเคยได้ฟังนักเล่าเรื่องเล่า ‘บันทึกตะวันตก’ แต่คนไม่รู้เรื่อง ‘บันทึกตะวันตก’ ก็มีอีกมาก แต่ทว่าพอได้ยินคนเหล่านี้อธิบายอย่างตื่นเต้นก็พอเข้าใจคร่าวๆ
นักแสดงเป็นพระถังซำจั๋งและลูกศิษย์ทั้งสามก้าวขึ้นบนเวที ยังมีคนแต่งตัวเป็นคนปกติอีกสองสามคน คนที่แต่งตัวเป็นซุนหงอคงออกท่าทางร่ายรำกระบองทองคำ ฟาดใส่เจ้าของที่ดินชั่วร้ายตายไป ทำให้เกิดเสียงตะโกนชื่นชมอย่างบ้าคลั่ง
เรื่องราวที่แสดงบนเวทีดูง่ายมาก ก็คือเจ้าของที่ดินชั่วร้ายคัดค้านนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ ถูกพระพระถังซัมจั๋งและลูกศิษย์ทั้งสามผ่านทางมาจัดการปราบ อธิบายข้อดีของนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ต่อราษฎรอย่างกระจ่างผ่านการแสดงนี้
เรื่องราวนี้มิใช่ตอนหนึ่งใน ‘บันทึกตะวันตก’ แต่เป็นละครที่เล่าถึงนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่มากกว่าละครแสดงการต่อสู้ แต่ทว่าผู้คนกลับชมกันอย่างออกรสออกชาติ มองตาไม่กะพริบ
สำหรับราษฎรที่มิค่อยได้เสพความบันเทิง ได้เห็นซุนหงอคงกับตือโป๊ยก่ายก็รู้สึกแปลกใหม่เหนือคาดมากแล้ว ละครยังมีเนื้อเรื่องอีกด้วย!
คนที่มามุงดูกันมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ๆ ……
ซินโย่วเบียดตัวออกมา ถามผู้จัดการร้านหูกับหลิวโจวที่เบียดตัวออกมาเช่นกัน “ผู้จัดการร้าน หลิวโจว มีความเห็นอย่างไร”
ผู้จัดการร้านหูอายุมากแล้วค่อนข้างสุขุมกว่า แต่หลิวโจวกลับตื่นเต้นจนแทบจะตบหน้าขาฉาดหนึ่ง “สุดยอดมาก! ที่แท้ซุนหงอคงก้าวออกมาในนิยายมีภาพลักษณ์เช่นนี้!”
เทียบกับคนที่ไม่ได้อ่าน ‘บันทึกตะวันตก’ คนที่ได้อ่านตื่นเต้นยิ่งกว่า
ตอนเปิดอ่าน ‘บันทึกตะวันตก’ หลายรอบ ผู้ใดก็นึกภาพไม่ออกว่ายามซุนหงอคงมีตัวตนจริงจะมีภาพลักษณ์เช่นไร
ความจริงในนิยาย ‘บันทึกตะวันตก’ ก็มีภาพวาดตัวละครหลักแทรกไว้ แต่การได้เห็นตัวละครในเรื่องตัวเป็นๆ ด้วยตาตนเอง ย่อมตื่นเต้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
“ท่านเจ้าของร้าน นี่ท่านดำเนินการหรือ” เทียบกับอาการตื่นเต้นของหลิวโจว ผู้จัดการร้านหูเดาวัตถุประสงค์ของซินโย่วได้
“ใช่ เวทีเช่นนี้จะจัดแสดงสี่ทิศของเมืองหลวง แสดงรอบละหนึ่งชั่วยาม แสดงเช้าจรดเย็น”
ละครเรื่องหนึ่งไม่ถึงครึ่งชั่วยาม อีกครึ่งชั่วยามบอกเล่าข้อดีของนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ให้กระจ่าง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไม่นานเกินไปจนทำให้ผู้ชมรู้สึกเบื่อ อีกครึ่งชั่วยามให้เวลานั่งแสดงพักผ่อน เป็นรอบวนเวียนไปเช่นนี้
ผู้จัดการร้านหูได้ยินก็ดีใจแทนซินโย่ว “พอทำเช่นนี้ ราษฎรก็จะไม่เข้าใจท่านเจ้าของร้านผิดอีก”
ผู้จัดการร้านมองกระจ่างแล้วว่าขุนนางกับเจ้าของที่พวกนั้นย่อมไม่พูดถึงเจ้าของร้านในแง่ดี หากราษฎรไม่รู้ความดีของเจ้าของร้าน ช้าเร็วย่อมเกิดเหตุ
“ผู้จัดการร้าน พวกท่านกลับร้านหนังสือไปก่อน ข้าไปดูเวทีอื่นต่อ”
ซินโย่วขี่ม้ากับเสี่ยวเหลียน เชียนเฟิงกับผิงอันติดตามซ้ายขวา จากเมืองหลวงฝั่งตะวันออกไปถึงเมืองหลวงฝั่งเหนือ แล้วจากเมืองหลวงฝั่งเหนือไปเมืองหลวงฝั่งตะวันตก พอถึงเวทีเมืองหลวงฝั่งใต้ ก็ได้พบกับกองกำลังเบญจทิศประจำเมืองหลวงฝั่งใต้กำลังขับไล่ผู้คน
“มารวมตัวกันบนท้องถนน ก่อให้เกิดเหตุติดขัดและเหยียบกันจะทำอย่างไร สลายตัวๆ!”
ราษฎรที่มาดูละครล้วนกลัวปะทะกับทางการมากที่สุด ถูกเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังเบญจทิศประจำเมืองหลวงฝั่งใต้ขับไล่ ก็พากันตกใจแหวกออกเป็นสองทาง
เสี่ยวเหลียนอดเป็นห่วงไม่ได้ “คุณหนู ทำอย่างไรดีเจ้าคะ”
ถูกทหารขับไล่สองสามรอบผู้ใดจะกล้ามาดูกันอีก
ซินโย่วนั่งอยู่บนหลังม้า มองไปยังร้านน้ำชาติดถนนร้านหนึ่ง
ตอนนี้หน้าต่างในห้องรับรองร้านน้ำชาห้องหนึ่งตรงข้ามกับเวทีการแสดงพอดี ทหารกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่งดื่มน้ำชาลงไปแล้วก็วางแก้วลง “มีเรื่องแล้ว ไปกันเร็ว!”
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเจ็ดแปดนายรีบลงไปชั้นล่างออกจากร้านน้ำชา เดินไปทางเจ้าหน้าที่ทหารเหล่านั้น
“พี่น้องทุกท่าน นี่คือ——” เห็นกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินถือดาบเดินเข้ามา หัวหน้าทหารกองกำลังเบญจทิศประจำเมืองหลวงก็รู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
หัวหน้าชุดกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนี้ไม่ไว้หน้าเจ้าหน้าที่แม้แต่น้อย เอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบขึ้น “เวทีละครนี้ได้รับคำสั่งจากซินไต้จ้าวจัดตั้งขึ้น เบื้องบนมีคำสั่งลงมาแล้ว ไม่ว่าผู้ใดขัดขวางเรื่องนี้ ให้จับส่งเข้าคุกให้หมดทุกคน”
พอได้ยิน ‘จับส่งเข้าคุก’ ทหารกองกำลังเบญจทิศประจำเมืองหลวงก็หนังตากระตุก
พวกเขามีความสามารถอันใดกัน ไหนเลยจะมีคุณสมบัติพอจะถูกจับส่งเข้าคุกกัน
“พวกเจ้ายังไม่หลีกทางอีก!” กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินชักดาบออกมาครึ่งฝัก ส่งเสียงตวาดดุดัน
ทหารกองกำลังเบญจทิศประจำเมืองหลวงพากันหันไปมองหัวหน้าตน
สีหน้าหัวหน้ากองพลันแปรเปลี่ยน เห็นแววตากองกำลังองครักษ์จิ่นหลินตรงหน้าเย็นเยียบเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร ก็รู้ว่ากองกำลังองครักษ์จิ่นหลินพวกนี้ไม่ได้ล้อเล่น จึงกล่าววาจาพอเป็นพิธีก่อนจะโบกมือให้ถอย
หัวหน้ากองกำลังองครักษ์จิ่นหลินยิ้มหันหลังเดินกลับไปทางร้านน้ำชา ตอนเดินถึงประตูร้านน้ำชาก็ถูกเสี่ยวเหลียนเรียกไว้
“นี่มิใช่พี่เสี่ยวเหลียนหรือ” หัวหน้ากลุ่มกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเคยไปจับโจรที่ร้านหนังสือชิงซง จดจำเสี่ยวเหลียนได้
เสี่ยวเหลียนยัดก้อนเงินให้ก้อนหนึ่ง ยิ้มกล่าวว่า “คุณหนูเราเลี้ยงสุราพี่ชายทุกท่าน”
“เช่นนั้นก็ขอบคุณคุณหนูซินแทนพวกเราด้วย” หัวหน้ากลุ่มกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินประสานมือดีใจ
พอเข้าไปในห้องรับรองของร้านน้ำชา กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองสามนายก็เอ่ยขึ้นว่า
“ทำงานให้คุณหนูซินนี่ดีจริง”
“นั่นน่ะสิ พวกเรานั่งดื่มน้ำชาในห้องอบอุ่น มีคนก่อเรื่องก็ออกไปตวาดคำเดียว ยังมีเงินรางวัลให้อีกก้อน งานดีๆ เช่นนี้มีไม่มาก”
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่งถอนหายใจ “หากใต้เท้าเราได้เป็นครอบครัวเดียวกับคุณหนูซินก็คงดี”
เช่นนั้นพวกเราก็คงยิ่งคล่องมือ
ได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ ก็มีเสียงถอนหายใจดังขึ้น
“คิดอันใดกัน ใต้เท้าเรามีเงินแต่งภรรยาที่ไหนกัน”
……
เสี่ยวเหลียนกลับมาข้างกายซินโย่ว “คุณหนู ที่แท้ท่านจัดกำลังกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินมาเฝ้าไว้ ที่อื่นๆ ก็มีหรือเจ้าคะ”
ซินโย่วพยักหน้า “กลับกันเถอะ”
วันนี้ทั้งเมืองหลวงล้วนถูกเวทีละครดึงดูดความสนใจไปหมดสิ้น
หน้าเวทีเมืองหลวงฝั่งตะวันออก นักเรียนสำนักกั๋วจื่อเจี้ยนสองสามคนได้ดูจบ ก็พากันรีบกลับสำนักกั๋วจื่อเจี้ยน
“เร็วหน่อย เร็วหน่อย ประตูใกล้ปิดแล้ว!”
กู่อวี้วิ่งตามเพื่อนนักเรียนไปอย่างรวดเร็ว ในสมองมีแต่ละครที่เพิ่งดูจบไป
นี่คือนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ที่คุณหนูซินออกแรงผลักดัน ที่แท้นโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่มีผลดีต่อราษฎรมากมายเพียงนี้……
นักเรียนเดินเข้าสำนักกั๋วจื่อเจี้ยนทีละระลอก ในกลุ่มคนนั้นยังมีเมิ่งเฝ่ยกับต้วนอวิ๋นหลาง
ต้วนอวิ๋นหลางตื่นเต้นตีเมิ่งเฝ่ยทีหนึ่ง “ข้าก็ว่า เรื่องที่อาโย่วคิดทำต้องเป็นเรื่องดี แต่มีบางคนได้ยินข่าวลือก็เชื่อ”
เมิ่งเฝ่ยลูบจุดที่เพิ่งโดนสหายฟาด “เป็นเรื่องดีหรือไม่ ก็อยู่ที่ว่าอยู่ในจุดยืนใด ข้าเลื่อมใสคุณหนูซินที่คิดวิธีใช้งานได้ดีและแปลกใหม่นี้มากกว่า”
อาจารย์สำนักกั๋วจื่อเจี้ยนเห็นนักเรียนวิ่งเข้ามาไม่หยุดก็งุนงง ปกติไม่ได้มีนักเรียนกลับมาเวลาใกล้ปิดประตูมากมายเช่นนี้ วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้น
“อ้อ ที่มุมถนนมีเวทีละคร อาศัยตัวละครใน ‘บันทึกตะวันตก’ บอกเล่านโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่?” เมิ่งจี้จิ่วได้ยินก็นึกอยากรู้ขึ้นมาทันที พอรู้ว่ารอบสุดท้ายของวันนี้จบลงแล้ว ก็ได้แต่รอวันพรุ่งนี้แล้ว
ในร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง ขุนนางที่ได้ดูละครก็ยอมรับไม่ได้ แต่ก็ได้แต่จนใจ “ถึงกับคิดวิธีประกาศนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่เช่นนี้ ยังได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน เบื้องบนขึ้นไปยังมีฮ่องเต้ปกป้อง จะให้เราทำอย่างไรกัน”
ขุนนางอีกคนขมวดคิ้วถามว่า “พวกท่านว่าเหนือใต้สองพื้นที่จะมีละครเช่นนี้ไหม”
[1] ตัวละครในนิยายเรื่องไซอิ๋วที่คนไทยรู้จักกันดี เรื่องราวของพระถังซัมจั๋งเดินทางไปอัญเชิญพระคัมภีร์ พร้อมศิษย์ทั้งสามคน ได้แก่ ซุนหงอคง ตือไป๊ยก่ายและซัวเจ๋ง