สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 401 ขนมไหว้พระจันทร์
ตอนที่ 401 ขนมไหว้พระจันทร์
……….
เฮ่อชิงเซียว นึกเสียใจภายหลังแล้วสินะ
เสียงสาวน้อยแผ่วเบาเสนาะหู ทุกคำพูดล้วนกระแทกใจเฮ่อชิงเซียวเต็มแรง
เฮ่อชิงเซียวเบิกตากว้างจ้องมองนางเงียบๆ
เขานึกเสียใจภายหลังแล้ว
นึกเสียใจภายหลังที่วันนี้วู่วามเกินไป แต่กลับไม่อาจให้คำมั่นสัญญาที่จะอยู่เคียงข้างนางไปชั่วชีวิตได้
แต่เพราะมีวันนี้ จากนี้ไปแม้ตายก็ไม่นึกเสียใจ
ซินโย่วไม่ได้รอคำตอบเฮ่อชิงเซียว แต่ทว่านางไม่ตำหนิเขา และไม่นึกเสียใจภายหลังกับการแนบชิดในวันนี้
“กลับกันเถอะ” สายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านใบหน้า พัดปอยผมข้างใบหูซินโย่ว
แก้มนางยังคงแดงระเรื่อ แต่แววตากลับคืนสู่ความกระจ่างใสดังปกติ
“ข้าไปส่งเจ้า”
ซินโย่วส่ายหน้า “ไม่ต้อง เชียนเฟิงกับผิงอันตามอยู่”
เฮ่อชิงเซียวพลันยิ่งนึกเสียใจภายหลัง
“เฮ่อชิงเซียว ยังจำเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้วได้หรือไม่”
เฮ่อชิงเซียวพยักหน้า จะจำไม่ได้ได้อย่างไร เทศกาลฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมาพวกเขาได้อยู่ฉลองร่วมกัน
เฮ่อชิงเซียวพลันนึกถึงบทกลอนที่ซินโย่วท่องในวันนั้นขึ้นมา น่าเสียดายค่ำคืนเงียบสงบ[1] ไร้คนเคียงข้าง
อาโย่วเองก็กล่าวมิผิด มิใช่ว่าไร้คนเคียงข้างเขา หลังผ่านเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงที่ยากลืมมาได้นี้ หากเขามีชีวิตต่อไปได้ยืนยาว จากนี้ไปทุกคืนเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงก็คงไม่ต้องโดดเดี่ยวเดียวดาย
อาโย่วจะอยู่ในใจเขาตลอดไป ร่วมอิงแอบและชมจันทร์กับเขา
“เฮ่อชิงเซียว เทศกาลฤดูใบไม้ร่วงปีหน้าพวกเราฉลองร่วมกันเถอะ”
เฮ่อชิงเซียวชะงักงันไปทันที
ซินโย่วไม่ทันรอให้เขาพยักหน้าก็หันกายจากไป
ใต้แสงจันทร์ แผ่นหลังสาวน้อยโดดเดี่ยวเงียบเหงา ค่อยๆ เดินจากไปท่ามกลางความมืด
เฮ่อชิงเซียวมองนิ่งอยู่นาน ก่อนก้มลงเก็บโคมไฟบนพื้นขึ้นมา
โคมไฟดับแล้ว เปื้อนฝุ่นเล็กน้อย เขาถือโคมไฟไร้แสงไว้อย่างทะนุถนอมกลับจวนโหว
น้ากุ้ยถือโคมไฟยืนอยู่ตรงประตูลาน เห็นเฮ่อชิงเซียวจึงได้วางใจลง “ท่านโหวกลับมาแล้ว”
“น้ากุ้ย เหตุใดมาอยู่ตรงนี้”
น้ากุ้ยกวาดตามองทีหนึ่งเฮ่อชิงเซียว ถือโคมไฟยิ้มเอ่ยว่า “บ่าวนอนไม่หลับ ออกมาเดินเล่น ได้พบท่านโหวพอดี”
เฮ่อชิงเซียวเงียบงันเดินเข้าไปได้สองสามก้าว ก็หันหน้ามามองน้ากุ้ย “น้ากุ้ยกำลังรอข้าหรือ น้ากุ้ยไม่ต้องเป็นห่วง ข้าสบายดีทุกอย่าง”
“ท่านโหว บ่าวเตรียมขนมไหว้พระจันทร์ไว้ ท่านจะลองชิมดูหน่อยไหมเจ้าคะ”
“ได้”
ทั้งสองเดินไปห้องโถงด้วยกัน
น้ากุ้ยฝีมือทำอาหารดี ถนัดทำขนมต่างๆ ขนมไหว้พระจันทร์ไม่ได้ทำรูปแบบลวดลายหลากหลาย แต่เป็นก้อนกลมๆ ธรรมดา
“บ่าวทำทั้งหมดเก้าไส้ ท่านโหวชิมทั้งหมดดูหน่อย ดูว่าชอบกินไส้ใด” น้ากุ้ยหั่นขนมไหว้พระจันทร์แต่ละชิ้นอย่างคล่องแคล่วพร้อมกับกล่าววาจามงคล “ยืนยงยาวนาน กลมเกลียวพร้อมหน้า”
เฮ่อชิงเซียวฟังไปก็ชิมขนมไหว้พระจันทร์แต่ละไส้ไป มองดูแววตารอคอยคำตอบของน้ากุ้ยก็ยิ้มเอ่ยว่า “อร่อยทั้งหมด ข้าชอบกินไส้ซานจาที่สุด”
ใบหน้าน้ากุ้ยเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ชี้ไปที่ขนมไหว้พระจันทร์ประทับจุดดอกไม้แดง “ลายนี้ก็คือไส้ซานจาท่านโหวกินอันนี้”
เฮ่อชิงเซียวหยิบขนมไหว้พระจันทร์ไส้ซานจากินหมด น้ากุ้ยมองดูอย่างอิ่มใจมาก
ฮองเฮาเคยตรัสว่า ยามเสียใจให้กินของหวาน ก็จะอารมณ์ดีขึ้นได้
ท่านโหวสูญเสียตำแหน่ง โดนโทษโบย ได้ยินว่าคุณหนูซินใช้คทาหรูอี้ที่ฮ่องเต้พระราชทานช่วยเอาไว้ ด้วยความเข้าใจของนางที่มีต่อท่านโหว ท่านโหวจะต้องนึกตำหนิตนเองและเสียใจอย่างมาก
“น้ากุ้ย”
“หืม”
“พรุ่งนี้…พรุ่งนี้ส่งขนมไหว้พระจันทร์ให้คุณหนูซินสักหน่อย ส่งไปเก้าไส้”
ยืนยงยาวนาน กลมเกลียวพร้อมหน้า
น้ากุ้ยเม้มปากยิ้ม “เมื่อวานบ่าวส่งให้คุณหนูซินแล้วเจ้าค่ะ”
นางเคยเป็นนางกำนัลของฮองเฮาซิน มีความสัมพันธ์ระดับนี้ ไม่ต้องเกรงว่าผู้อื่นจะเห็นพวกนางไปมาหาสู่กันแล้วจะเชื่อมโยงไปถึงท่านโหว ดังนั้นจึงมักทำของกินส่งไปให้คุณหนูซิน
“ลำบากน้ากุ้ยส่งไปอีกรอบแล้ว”
น้ากุ้ยนิ่งอึ้งไปทันที ก่อนจะรีบรับคำ ความคาดเดาในใจยิ่งกระจ่างชัด คืนนี้ท่านโหวได้พบกับคุณหนูซินแล้ว
ทั้งสองนัดพบกันหรือว่าบังเอิญ
แอบลอบสังเกตสีหน้าเฮ่อชิงเซียว แต่ก็มองไม่เห็นพิรุธใด
เมืองหลวงกว้างใหญ่ เหตุใดจึงบังเอิญเพียงนี้ จะต้องนัดกันไว้แล้วเป็นแน่
น้ากุ้ยคิดเช่นนี้แล้วก็นึกเสียดาย หากท่านโหวได้นำไปมอบให้คุณหนูซินด้วยตนเองจะดีเพียงใด
แน่นอนนางรู้ว่าผู้คนมากมายรวมทั้งฮ่องเต้ล้วนจับตามองท่านโหวหรือคุณหนูซินอยู่ การไปมาหาสู่กันส่วนตัวตอนนี้ย่อมไม่เหมาะสม
หากท่านโหวเป็นคุณชายตระกูลธรรมดาทั่วไปก็คงดี
ดูบรรดาขุนพลเก่าแก่ที่ออกรบร่วมกับฮ่องเต้ยึดครองแผ่นดินมา แต่ละคนได้รับการแต่งตั้งยศถาบรรดาศักดิ์ บิดาท่านโหวเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับฮ่องเต้ แต่เกิดความขัดแย้งกันขึ้นระหว่างทาง จึงได้แยกกำลังออกเป็นสองฝ่ายกลายเป็นผู้แย่งชิงกัน
ผู้มีชัยย่อมเป็นจ้าว ผู้พ่ายย่อมเป็นโจร เหลือเพียงท่านโหวผู้เดียว บรรดาขุนนางล้วนชื่นชมพระเมตตาของฮ่องเต้ แต่นางมองดูท่านโหวเติบใหญ่มาแต่เล็ก ก็รู้สึกเพียงว่าเด็กคนนี้น่าสงสาร
“ท่านโหวมีคำพูดฝากบ่าวไปถึงคุณหนูซินไหมเจ้าคะ”
“ไม่มี น้ากุ้ยเอาขนมไหว้พระจันทร์ไปมอบให้ก็พอ รบกวนน้ากุ้ยแล้ว”
น้ากุ้ยมองตามแผ่นหลังเฮ่อชิงเซียวจากไป พลางถอนหายใจเบาๆ
วันรุ่งขึ้น พระอาทิตย์ขึ้นสูง อาการปลอดโปร่ง กลิ่นอายฤดูใบไม้ร่วงแสนสบาย ซินโย่วเลิกงานกลับจวนก็เห็นน้ากุ้ยรออยู่ในห้องรับรอง
“น้ากุ้ยมา เหตุใดไม่ให้คนไปตามข้า”
“บ่าวก็เพิ่งมาเจ้าค่ะ” น้ากุ้ยวางกล่องขนมไหว้พระจันทร์ลง “เมื่อคืนวานนี้ ท่านโหวกลับไปได้ชิมขนมไหว้พระจันทร์รู้สึกอร่อย จึงให้บ่าวนำมามอบให้คุณหนูซินเจ้าค่ะ”
ซินโย่วไม่ใช่คนขี้อาย แต่ต่อหน้าน้ากุ้ยกลับรู้สึกเขินอายอย่างน่าประหลาด หลุบตาลงปิดบังความขัดเขินตนเอง “ขนมไหว้พระจันทร์ที่น้ากุ้ยมอบให้ก่อนหน้านี้ ข้าชิมแล้ว อร่อยจริงๆ”
“คุณหนูชอบไส้ใดมากที่สุดเจ้าคะ”
“ซานจา ข้าชอบไส้ซานจา” ซินโย่วตอบโดยไม่ทันได้คิด
ซานจามีทั้งความเปรี้ยวและหวาน เหมือนดังอารมณ์ของนาง
น้ากุ้ยยิ้มเอ่ยว่า “ท่านโหวก็ชอบไส้ซานจามากที่สุดเจ้าค่ะ”
“งั้นหรือ…” ซินโย่วเม้มปากเล็กน้อย รับคำไปอย่างนั้น
นางรู้ความคิดน้ากุ้ย แต่ทว่าสิ่งที่ขวางการอยู่ร่วมกันของนางกับเฮ่อชิงเซียว ไม่ใช่ว่าพวกเขาชอบพอกันเพียงพอหรือไม่ แต่เป็นเพราะแม้ทั้งสองไม่ถูกกระทบจากภายนอก ก็ต้องแบกรับชะตากรรมของตนเอง
น้ากุ้ยแอบทอดถอนใจ ลุกขึ้นอำลา
ซินโย่วเหม่อมองดูกล่องขนมไหว้พระจันทร์ครู่หนึ่งก็เรียกเสี่ยวเหลียน “เสี่ยวเหลียน มากินขนมไหว้พระจันทร์กันเถอะ”
ขนมไหว้พระจันทร์สองกล่อง แต่ละกล่องเก้าช่อง นางตั้งใจหยิบขนมไหว้พระจันทร์ไส้ซานจากินสองชิ้น รสชาติเปรี้ยวอมหวาน เทศกาลฤดูใบไม้ร่วงปีซิ่งหยวนที่ยี่สิบเอ็ด นับว่าผ่านพ้นไปแล้ว
เดือนเก้า ขบวนเดินทางไปดินแดนโพ้นทะเลก็กลับมาแล้ว
หัวหน้าหกดำขึ้นและดูกำยำขึ้น แววตาไม่อาจปิดบังความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ส่งเสียงเรียกอย่างตื่นเต้น “คุณหนู ข้าน้อยกลับมาแล้วขอรับ!”
“พี่หกเดินทางมาลำบากแล้ว”
“คุณหนูดูสิ นี่ใช่เถามันหวานที่ท่านต้องการหรือไม่”
ซินโย่วมองดูเถาต้นไม้ที่รอนแรมข้ามน้ำข้ามทะเลมาตรงหน้านางตอนนี้ น้ำตารื้นเอ่ยว่า “น่าจะใช่”
นางเคยเห็นท่านแม่วาดภาพมันหวาน เทียบกับหัวหน้าหกที่ได้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปดูมาด้วยตาตนเอง นางก็แค่ทหารรบบนกระดาษเท่านั้น
“ต้องใช่อย่างแน่นอน…” หัวหน้าหกฉีกยิ้มกว้าง เผยฟันขาวยิ่ง “ข้าน้อยได้เห็นการปลูกมันหวานในพื้นที่นั่นด้วยตาตนเอง ยังได้กินไปไม่น้อย คุณหนูกล่าวได้ถูกต้อง มันหวานนี้รสชาติหวานอร่อยมาก…”
ซินโย่วตั้งใจฟังหัวหน้าหกเล่าถึงเรื่องราวหลากหลายของแผ่นดินที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไป ไม่นานในวังก็มีคนมาเรียกตัวนางเข้าวัง
“พี่หกไปกับข้า”
[1] ชิงเซียวแปลว่าค่ำคืนเงียบสงบ